6001
|
เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / ดอยอ่างขาง แนะนำเส้นทาง รูปภาพที่เที่ยวดอยอ่างขาง ที่พักบนดอยอ่างขาง / Re: อ.ฝาง ดอยอ่างขาง
|
เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2007, 04:57:30 PM
|
การเดินทาง รถยนต์ส่วนตัว เดินทางสู่ดอยอ่างขางได้สองเส้นทาง คือ เส้นทาง ด้าน อ. ไชยปราการ และเส้นทางด้านบ้านอรุโณทัย ด้าน อ. ไชยปราการ ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 จาก อ. เมือง ไปจนถึง อ. ไชยปราการ เมื่อถึงหลัก กม. ที่ 137 บริเวณตลาดแม่ข่า เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1249 อีก 25 กม. เส้นทางสูงชันและคดเคี้ยว หลายช่วงเป็นทางโค้งหักศอก คนขับต้องมีความชำนาญ อันตรายมากถ้าไม่ระมัดระวัง โดยเฉพาะขากลับลงจากดอย ด้าน บ้านอรุโณทัย จะเป็นถนนลาดยางสองเลน ถนนค่อนข้างแคบ คดเคี้ยว แต่สูงชันน้อยกว่า ด้าน อ. ไชยปราการ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 107 เมื่อผ่าน อ. เชียงดาว ไปประมาณ 6 กม. เลี้ยวซ้ายที่สามแยกเมืองงาย เข้าทางหลวงหมายเลข 1178 ผ่านบ้านเมืองงาย นาหวาย จนถึงด่านตรวจ ตชด. ที่บ้านรินหลวง เลี้ยวขวาไปบ้านอรุโณทัย-ดอยอ่างขาง มีป้ายบอกทางชัดเจนประมาณ 7 กม. ถึงบ้านอรุโณทัย เข้าทางหลวงหมายเลข 1340 ขึ้นดอยไปอีก 45 กม. จะถึงอ่างขาง
รถรับจ้าง จากตลาดแม่ข่า อ. ไชยปราการ นั่งรถสองแถว หรือรถตู้ที่วัดหาดสำราญ ลงรถที่หน้าโครงการหลวงอ่างขาง หากเช่าเหมาขึ้นดอย วันละ 1,400 บาท ค้างคืน 1,600 บาท
ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก นอกจากโรงแรม รีสอร์ต บริเวณบ้านคุ้ม แล้ว มีจุดกางเต็นท์พักแรม อยู่ในสวนสน ริมทางก่อนถึงทางลงสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง 1 กม. มีห้องน้ำสาธารณะ ค่าบริการ 20 บาท/คน/คืน และยังมีบ้านพักของหน่วยจัดการต้นน้ำด้วย บริเวณหน้าโครงการหลวง มีย่านร้านค้า ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายของที่ระลึกของชาวจีนฮ่อเป็นจำนวนมาก สินค้าขึ้นชื่อคือโสมตังกุย ชาจีน เช่น ชาอูหลง ชาโสม ชาสมุนไพร
|
|
|
6002
|
เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / ดอยอ่างขาง แนะนำเส้นทาง รูปภาพที่เที่ยวดอยอ่างขาง ที่พักบนดอยอ่างขาง / Re: อ.ฝาง ดอยอ่างขาง
|
เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2007, 04:56:29 PM
|
บ้านนอแล อยู่ห่างจากสถานีเกษตรฯประมาณ 7 กม. เป็นหมู่บ้านของชาวเขาเผ่า ปะหล่อง อยู่บริเวณชายแดนไทย-พม่า โดยอพยพมาอยู่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 ปะหล่อง เป็นชื่อที่ชาวไทยใหญ่ใช้เรียก แต่พวกเขาเรียกตัวเองว่า ดาละอั้ง นับถือทั้งผีและพุทธปะปนกัน มีภาษาพูดของตนเอง แต่ไม่มีภาษาเขียน ติดต่อกับคนนอกเผ่าด้วยภาษาไทยใหญ่ ลักษณะเด่นของชาวเขาเผ่านี้คือ ผู้หญิงทั้งเด็ก หญิง และคนชรา จะสวมห่วงที่ทำจากหวายชุบยางรักจนเป็นมันวาว หรือห่วงโลหะไว้ที่เอวตลอดเวลาทั้งยามทำงาน เข้าป่าหรือนอน โดยใช้เชือกผูกรั้งไว้กับบ่า ปัจจุบัน ปะหล่องนอแล ได้รับการส่งเสริมจากสถานีเกษตรฯ ให้ปลูกพืชผักเมืองหนาว ซึ่งพวกเขาสามารถทำได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการปลูกกุหลาบ นักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวชมและเลือกซื้อกุหลาบได้
ดูนกบนอ่างขาง ด้วยพื้นที่ที่เป็นภูเขาสูง ประกอบด้วยทุ่งกสิกรรม ป่าดงดิบ ป่าเต็งรัง ป่าสนเขา ดอยอ่างขางจึงพบนกหลากหลายชนิด ทั้งที่เป็นนกประจำถิ่น เช่น นกปรอดภูเขา นกกางเขนน้ำหัวขาว นกปากนกแก้วอกลาย หรือนกอพยพในช่วงฤดูหนาว เช่น นกอีเสือหลังแดง นกเดินดงชนิดต่าง ๆ ถ้าไปช่วงดอกซากุระบานจะพบนกกินปลีหางยาวคอสีฟ้า และนกแว่นตาขาวได้ง่าย ๆ เพราะมากินน้ำหวานจากดอกซากุระ สถานที่ดูนกที่น่าสนใจคือ บริเวณทางเดินหลังหน่วยจัดการต้นน้ำแม่เผอะ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง นอกจากนี้ตามป่าเล็ก ๆ หรือไร่ท้อข้างทาง ก็มีนกหลายชนิดให้ดูอีกด้วย
|
|
|
6004
|
เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / ดอยอ่างขาง แนะนำเส้นทาง รูปภาพที่เที่ยวดอยอ่างขาง ที่พักบนดอยอ่างขาง / Re: อ.ฝาง ดอยอ่างขาง
|
เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2007, 04:53:31 PM
|
สิ่งน่าสนใจ
สถานีเกษตรโครงการหลวงอ่างขาง
- ค่าเข้าชมคนละ 30 บาท รถยนต์พร้อมคนขับ 50 บาท ที่นี่เป็นสถานที่ทดลองพันธุ์ไม้เมืองหนาวชนิดต่าง ๆ ทั้งไม้ดอก ไม้ประดับ และพืชผักผลไม้ โดยในระยะแรกทำการทดลองปลูกท้อ แอบเปิ้ล สาลี่ บ๊วย ต่อมาจึงทดลองปลูกกีวีฟรุต สตรอเบอรี พลับ รัสเบอรี อโวคาโด เสาวรส และอื่น ๆ ส่วนผักเมืองหนาวมีทั้งผักกาดแก้ว ปวยเล้ง เห็ดหอม แครอท แรดิช อาติโชค กะหล่ำม่วง ไม้ดอก เช่น ลิลลี่ กุหลาบ เยอบีรา และอีกหลายสิบชนิด จึงเหมาะที่จะขึ้นไปท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวซึ่งดอกไม้จะเบ่งบานเต็มไปทั้งหุบเขา
ภายในสถานีวิจัยยังมีบริเวณที่น่าสนใจหลายแห่ง เช่น
- สวนบอนไซและพรรณไม้เขตกึ่งร้อนและหนาว จัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2530 โดย มจ. ภีศเดช รัชนี ทรงเห็นว่าภูมิประเทศแถบนี้มีหินปูนโผล่ขึ้นจากดินกระจายอยู่คล้ายภูเขาย่อส่วน จึงนำพรรณไม้ทั้งที่เป็นพรรณไม้ท้องถิ่นและพรรณไม้ต่างประเทศ มาจัดวางให้เป็นหมวดหมู่สวยงาม เช่น สนบอนไซต่างประเทศ ปรงแคระ ต้นหางจระเข้จากทวีปแอฟริกา ต้นแมกโนเลีย เมเปิ้ลหอม แปะก้วยหรือกิงโก ฯลฯ ให้ได้ชมกัน รวมทั้งมีพืชเฉพาะถิ่นหายากหลายชนิด เช่น เฟินข้าหลวงอ่างขาง ต้นหูเสือหมอคาร์ มีลำต้นและดอกคล้ายต้นแอฟริกันไวโอเล็ต เป็นต้น - สวนสมุนไพรชาวเขา ที่น่าสนใจ เช่น สบู่เลือด ไม้เลื้อยที่มีส่วนหัวสะสมอาหารขนาดใหญ่ น้ำยางสีแดงคล้ายเลือด ใช้บำรุงกำลัง จะค้านหัววอก พืชจำพวกพริกไทที่ชาวจีนฮ่อใช้แก้อาการอ่อนเพลีย ม้าสามต๋อนใช้บำรุงกำลัง และยังมีสมุนไพรอีกสารพัดชนิดที่มีถิ่นกำเนิดในบริเวณเทือกเขาแถบนี้
|
|
|
6008
|
เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / คุยเรื่อง ดอยอินทนนท์ / Re: อ. จอมทอง อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
|
เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2007, 04:46:05 PM
|
การเดินทาง รถยนต์ส่วนตัว ใช้ทางหลวงหมายเลข 108 เชียงใหม่-จอมทอง ผ่าน อ. หางดง อ. สันป่าตอง แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1009 ตรงหลักกม. 57 ก่อนถึงตัว อ. จอมทองประมาณ 1 กม. จากทางแยกไปอีกประมาณ 8 กม. ก็จะถึงด่านตรวจของ อช. ดอยอินทนนท์ ถนนจะไปสิ้นสุดตรงยอดดอย เป็นทางลาดยางตลอดสาย เส้นทางส่วนใหญ่เป็นทางขึ้นเขาคดเคี้ยว โปรดขับรถด้วยความระมัดระวัง และรถควรมีกำลังเพียงพอ รวมระยะทางจากจอมทองถึงยอดดอยอินทนนท์ประมาณ 48 กม. จากเชิงดอยถึงยอดดอยใช้เวลาประมาณ 1 ชม.
รถประจำทาง นั่งรถสองแถวสายเชียงใหม่-จอมทอง ที่ท่ารถประตูเชียงใหม่ เมื่อถึงจอมทองแล้ว ใช้บริการรถสองแถวสายจอมทอง-อินทนนท์ สำหรับผู้ชื่นชอบการโบกรถ อาจขออาศัยรถที่วิ่งผ่านมาไปลงยังจุดที่ต้องการได้
ค่าธรรมเนียม อช. ดอยอินทนนท์ มีด่านตรวจเพื่อป้องกันการลักลอบล่าสัตว์และเก็บของป่าทั้งหมดสี่แห่งคือ ทางเข้าน้ำตกแม่ยะ ทางเข้าน้ำตกแม่กลาง บนทางหลวงสาย 1009 ตรงกม. 8.2 และ กม. 37.4 โดยเก็บค่าธรรมเนียมดังนี้ - ยานพาหนะสี่ล้อ 30 บาท - ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก(อายุ 3-14 ปี) 10 บาท
นักท่องเที่ยวสามารถชำระค่าธรรมเนียมที่ด่านตรวจใดก็ได้ แต่ต้องเก็บหางบัตรค่าธรรมเนียมไว้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ด่านตรวจอื่น เพื่อใช้ผ่านเข้า-ออก อช. ภายในหนึ่งวัน โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมซ้ำอีก
ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก ภายในอุทยานมีตู้โทรศัพท์สาธารณะ ร้านอาหารและร้านจำหน่ายสินค้าพื้นฐานทั้งของอุทยาน และของชาวม้งบ้านขุนกลาง บนพระเจดีย์ และยอดดอย ซึ่งดูแลโดยทหารอากาศ มีร้านอาหาร ห้องน้ำ ให้บริการด้วย มีบ้านพักในป่าสนขุนกลางจำนวน 10 หลัง และเป็นพื้นที่กางเต็นท์ และมีที่พักบริเวณหน่วยพิทักษ์ อช. น้ำตกแม่ปานห้วยทรายเหลือง บนทางหลวงหมายเลข 1192 (อินทนนท์-แม่แจ่ม) มีบ้านพักแบบค่ายเยาวชน ที่กางเต็นท์ เหมาะสำหรับผู้มาจัดกิจกรรมเป็นกลุ่มใหญ่ ติดต่อที่ทำการ อช. ดอยอินทนนท์ โทร. 0-5326-8550, 0-5326-8552 ทางอุทยานไม่อนุญาตให้ก่อไฟ แต่อนุญาตให้ใช้เตาถ่านได้ มีบริการที่ที่ทำการ อช. และบ้านม้งขุนกลาง ค่าเช่าคืนละ 50 บาท/เตา ที่พักอีกจุดเป็นที่กางเต็นท์ในนาข้าวของชาวกะเหรี่ยง ใกล้กับบ้านแม่กลางหลวง กม. 26 หรือหลังหน่วยจัดการต้นน้ำแม่กลาง หลังร้านลุงแดง ค่าธรรมเนียม 10 บาท/คน/คืน
|
|
|
6009
|
เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / คุยเรื่อง ดอยอินทนนท์ / Re: อ. จอมทอง อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
|
เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2007, 04:45:13 PM
|
จากนั้นทางเดินลงมาตามสันเขาพบดงต้นกุหลาบพันปี ประมาณเดือน ม.ค.-ก.พ. กุหลาบพันปีออกดอกสีแดงพราวไปทั้งต้น ซึ่งมีนกหลายชนิดมากินน้ำหวาน โดยเฉพาะนกกินปลีหางยาวเขียว และนกกินปลีหางยาวคอสีฟ้า นอกจากนี้ยังมีต้นไม้เล็กๆ ที่ออกดอกอยู่สองข้างทางอย่างช้ามะยมดอย ต่างไก่ป่า ทางช่วงสุดท้ายผ่านป่าดงดิบอีกครั้ง ลองสังเกตตามข้างทางจะพบเห็ดรูปร่างประหลาดหรือสีสันสวยงามได้ไม่ยากนัก
ยอดดอยอินทนนท์ - ที่ตั้ง กม. 48 บริเวณยอดดอยเดิมเรียกว่า อ่างกาหลวง เนื่องจากมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ซึ่งมีน้ำขังตลอดปี และมีหินก้อนใหญ่เหมือนรูปกา ตั้งอยู่จึงเรียกว่า อ่างกาหลวง ต่อมาเมื่อมีการนำพระอัฐิของเจ้าอินทวิชยานนท์ ผู้ครองนครเชียงใหม่ขึ้นไปประดิษฐานจึงเปลี่ยนชื่อเป็น ดอยอินทนนท์ ปัจจุบันบนยอดดอยยังเป็นที่ตั้งของสถานีเรดาห์ของกองทัพอากาศ มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของ อช. ซึ่งให้ความรู้เกี่ยวกับดอยอินทนนท์จัดทำไว้อย่างดี นอกจากสัมผัสกับความหนาวเย็นของยอดดอยแล้ว ยังมีนกหายากหลายชนิดกระโดดบินหากินอยู่ตามป่าริมสองข้างทาง นกเหล่านี้ค่อนข้างเชื่อง สามารถดูนกได้อย่างใกล้ชิด เช่น นกศิวะหางสีตาล นกอีแพรดท้องเหลือง นกกินปลีหลายชนิด เป็นต้น
เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกาหลวง - ที่ตั้ง กม. 48 ตรงข้ามศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบนยอดดอย เส้นทางนี้มีระยะทางเพียง 300 ม. แต่ผ่านสิ่งน่าสนใจหลายอย่าง ทางจะเดินไปตามสะพานไม้ พบข้าวตอกฤาษีซึ่งเป็นมอสขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ขึ้นเฉพาะในที่อากาศหนาวเย็นและมีความชุ่มชื้นสูง ตั้งแต่ระดับ 1,000 ม. ขึ้นไป มีลำต้นสีขาวออกเขียว ตรงส่วนยอดสีแดง ขึ้นปกคลุมอยู่ใต้ต้นกุหลาบพันปีที่ออกดอกแดงสะพรั่งประมาณเดือน ม.ค.-ก.พ. ถัดไปจะพบที่โล่งว่างซึ่งเป็น พรุ ที่มีน้ำขังอยู่ตลอดเวลา เป็นพรุน้ำจืดที่อยู่สูงที่สุดของประเทศ ในพรุนี้มีสัตว์ป่าหายากหลายชนิดอาศัยอยู่ พอถึงช่วงสะพานเลี้ยวซ้าย ทางขวามือซึ่งเป็นที่ราบเชิงเขาจะมีต้นไม้ใหญ่จำนวนมากปกคลุมด้วยมอสและเฟินเต็มต้น เหมือนต้นไม้ห่มผ้ากันหนาว ตามทางจะมีป้ายความรู้ เช่น อิงอาศัย วิหคไพร ต้นน้ำ อธิบายถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน ไม่ว่าจะเป็นนก ต้นไม้ และสัตว์ต่าง ๆ ลองสังเกตสภาพธรรมชาติรอบตัว คุณจะเห็นสิ่งเล็กๆ ที่งดงามได้เสมอ ขณะเดินศึกษาธรรมชาติทั้งสองเส้นทาง อาจรู้สึกเหนื่อยได้ง่าย เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ระดับความสูงมากๆ ทำให้อากาศมีออกซิเจนน้อย ดังนั้นควรเดินช้าๆ จะดีที่สุด
น้ำตกแม่ปานและน้ำตกห้วยทรายเหลือง - การเดินทาง ถ้ามาจากด่านตรวจ กม. 37.5 มีทางแยกซ้ายมือลงมา 6 กม. มีป้ายบอกทางไปน้ำตกประมาณ 9 กม. เมื่อถึงหน่วยพิทักษ์ฯ จะมีลานจอดรถกว้างขวาง น้ำตกแม่ปานนับเป็นน้ำตกที่ยาวที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ และมีความสวยงามตามธรรมชาติ ที่ว่ายาวนั้นเพราะน้ำจะลัดเลาะตกลงมาจากหน้าผาลดหลั่นกันลงมาเป็นทางยาวถึง 100 ม. ถ้ามองดูอยู่ไกล ๆ จะเห็นสายน้ำยาวสีขาวตัดกับสีเขียวของต้นไม้ เบื้องล่างมีแอ่งน้ำธรรมชาติสำหรับเล่นน้ำ สภาพป่าบริเวณนี้เป็นป่าดงดิบเขาซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของนกและพรรณไม้หลากชนิดให้ชม ส่วนน้ำตกห้วยทรายเหลืองเป็นน้ำตกขนาดปานกลาง มีน้ำไหลตลอดทั้งปี น้ำตกอยู่ใกล้กับที่จอดรถ มีศาลาพักร้อนสำหรับผู้มาเที่ยวน้ำตก
|
|
|
6010
|
เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / คุยเรื่อง ดอยอินทนนท์ / Re: อ. จอมทอง อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
|
เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2007, 04:44:09 PM
|
โครงการหลวงบ้านขุนกลางและน้ำตกสิริภูมิ - การเดินทาง ก่อนถึงที่ทำการฯ กม. 31 ประมาณ 100 เมตร มีทางแยกเข้าบ้านขุนกลาง เป็นชุมชนชาวเขาเผ่าม้งขนาดใหญ่ มีทางแยกซ้ายมือเข้าไปยังสถานีโครงการหลวง และน้ำตกสิริภูมิ ซึ่งเป็นสายน้ำสองสายไหลคู่กันตกลงมาจากหน้าผาสูง เดิมเรียกว่า น้ำตกเลาลี ต่อมาเปลี่ยนชื่อเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ น้ำตกจะอยู่ห่างจากปากทางประมาณ 1 กม. ระหว่างทางจะพบแปลงไม้ดอกไม้ผลเมืองหนาว
พระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ - ที่ตั้ง กม. 41.5 บนเส้นทางสู่ยอดดอยอินทนนท์ พ.ศ. 2530 อันเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 5 รอบ กองทัพอากาศได้ก่อสร้างเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ รูปแปดเหลี่ยม สูง 60 เมตร ส่วนบนสุดเป็นรูปทรงยอดปลีสีทอง รองรับกลีบบัวบาน บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ภายในห้องโถงทรงแปดเหลี่ยม เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางประทานพร แกะสลักด้วยหินแกรนิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานนามว่า พระพุทธบรมศาสดานวมินทรมหาจักรีราชานุสรณ์ สัฐิพรรษาสถาพรพิพัฒน์ ส่วนชื่อ พระมหาธาตุนภเมทนีดล หมายถึง พระเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุที่ยิ่งใหญ่เพียงฟ้าจรดดิน ในปี พ.ศ. 2535 กองทัพอากาศก็ได้จัดสร้างเจดีย์อีกองค์หนึ่งเนื่องในปีที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 5 รอบ โดยสร้างอยู่เคียงข้าง พระมหาธาตุนภเมทนีดล เป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำรูป 12 เหลี่ยม สูง 55 เมตร ที่ยอดปลีสีทองบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ภายในโถงกลางรูปโดม 12 เหลี่ยม เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางรำพึง แกะสลักด้วยหินหยกขาว ทรงพระราชทานนามว่า พระพุทธสิริกิติทีฆายุมงคล ส่วนชื่อ พระมหาธาตนภพลภูมิสิริ มีความหมายว่าเป็นกำลังแห่งฟ้า เป็นสิริแห่งดิน บริเวณโดยรอบพระมหาธาตุทั้งสององค์ ได้รับการตกแต่งจัดสวนอย่างงดงาม และมีจุดชมวิว ตอนเช้าสามารถมาชมทะเลหมอกนี้ได้ หรือถ้าอากาศเปิดจะสามารถมองเห็น อ. แม่แจ่มอยู่ในหุบเขาไกลออกไป
เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน - ที่ตั้ง กม. 42 บนเส้นทางสู่ยอดดอยอินทนนท์ เส้นทางเดินนี้มีระยะทาง 3 กม. มีลานจอดรถกว้างอยู่ด้านหน้า เส้นทางช่วงแรกจะเดินผ่านน้ำตกเล็กๆ สภาพป่าเป็นป่าดงดิบเขา มีสะพานไม้ข้ามห้วย ทางเดินจะเริ่มชันขึ้น ช่วงปลายฤดูฝนถึงปลายฤดูหนาวจะมีขนุนดินซึ่งเป็นพืชกาฝากออกดอกอยู่ตามพื้น รวมถึงเฟินอีกหลายชนิด เส้นทางจะผ่านไปตามในป่าดิบเขาเกือบ 1 กม. แล้วทะลุออกยังสันกิ่วแม่ปานซึ่งเป็นทุ่งหญ้าโล่งกว้าง ลมแรง สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ภูเขาได้อย่างสวยงาม ถ้าอากาศดีจะมองเห็น อ. แม่แจ่มได้
|
|
|
6011
|
เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / คุยเรื่อง ดอยอินทนนท์ / Re: อ. จอมทอง อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
|
เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2007, 04:43:11 PM
|
สิ่งน่าสนใจ น้ำตกแม่ยะ - การเดินทาง อยู่ทางตอนใต้ของ อช. ดอยอินทนนท์ เมื่อเลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 1009 ไปประมาณ 1 กม. จะมีป้ายบอกให้เลี้ยวซ้ายเมื่อผ่านร้านค้าชุมชน มีป้ายบอกทางขนาดเล็ก ให้เลี้ยวขวามือเข้าไปอีก 14 กม. เป็นน้ำตกขนาดใหญ่สูงประมาณ 280 ม. มีทั้งหมด 30 ชั้น มีต้นกำเนิดมาจากดอยอินทนนท์ ในฤดูน้ำหลาก สายน้ำจะแผ่กระจายออกไปตามเชิงผาที่กว้างราว 100 ม. ในช่วงหน้าแล้งแม้จะมีน้ำน้อยกว่าหน้าฝน แต่ใสสะอาดดูสวยงามไปอีกแบบ และยังเล่นน้ำได้ปลอดภัยกว่า
น้ำตกแม่กลาง - การเดินทาง อยู่ใกล้กับทางแยกไปด่านตรวจอุทยานฯ เมื่อวิ่งตามทางหลวงสาย 1009 ไปประมาณ 8 กม. จะมีทางแยก ให้ไปทางซ้ายประมาณ 500 ม. จะถึงตัวน้ำตก จัดเป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ เพราะขนาดใหญ่ และมีน้ำไหลตลอดทั้งปี ทางเข้าน้ำตกมีด่านตรวจซึ่งต้องเสียค่าธรรมเนียม ทางซ้ายมือเป็นลำน้ำแม่กลางอันเป็นที่มาของชื่อน้ำตก ประมาณ 180 ม. จากด่านจะถึงตัวน้ำตก ทางขวามือมีศาลาให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจได้ และมีทางเดินขึ้นไปบนผาคันนาและศูนย์บริการนักท่องเที่ยว น้ำตกแม่กลางมี วัง หรือแอ่งน้ำลึกให้เล่นน้ำอยู่หลายวัง แต่โปรดใช้ความระมัดระวังโดยเฉพาะช่วงฤดูฝนที่น้ำหลาก ความแรงของกระแสน้ำอาจพัดพาให้ไปติดหลืบหินเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ถ้ำบริจินดา - การเดินทาง เลยด่านตรวจ อช. ประมาณ 500 ม. ทางขวามีทางดินลูกรังผ่านไปตามป่าเต็งรังที่ยังสมบูรณ์ ประมาณ 1 กม. ถนนจะไปสุดที่ริมลำน้ำแม่หอย จอดรถที่นี่ เดินข้ามลำน้ำไปตามทางผ่านป่าไผ่อีกประมาณ 1 กม. เส้นทางค่อนข้างชัน เป็นถ้ำที่เกิดบนเขาหินปูนซึ่งมีอยู่น้อยมากในเขต อช. หินปูนบริเวณนี้เป็นหินยุคออร์โดวิเชียน ประมาณ 500 ล้านปีก่อน ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อย (ชาวเหนือเรียกนมผม) ที่ธรรมชาติใช้เวลาสร้างสรรค์มานับล้าน ๆ ปี
น้ำตกวชิรธาร - การเดินทาง อยู่บริเวณ กม. 20 มีทางเข้าอยู่สองทาง คือ ทางด้านล่างประมาณ กม. 20 มีทางรถเข้าไป 1 กม. ก็จะถึงด่านล่างของน้ำตก อีกทางหนึ่งเลย กม. 20 มา 500 ม. ทางขวามือมีลานจอดรถ และมีทางเดินเท้าลงสู่น้ำตกประมาณ 350 ม. เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ เดิมชื่อ ตาดฆ้องโยง ต่อมาเปลี่ยนชื่อตามพระนามาภิไธยของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร เป็น น้ำตกวชิรธาร น้ำตกจะไหลจากหน้าผาลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง มีความสูงประมาณ 80 ม. ฝั่งตรงข้ามมีเชิงผาสูงชันเรียกว่า ผาม่อนแก้ว ความงามอีกประการหนึ่งของน้ำตกแห่งนี้คือ สายรุ้งที่โอบลำน้ำ เกิดจากดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวันที่สาดส่องกระทบกับละอองน้ำของน้ำตก
น้ำตกสิริธาร - ที่ตั้ง อยู่ก่อนถึง กม. 23 เล็กน้อย เป็นน้ำตกขนาดกลางที่เพิ่งค้นพบใหม่ และจัดสร้างเส้นทางเดินเท้าไปยังจุดชมน้ำตก เมื่อปี พ.ศ. 2545 โดยได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อ เดือน มี.คง 2545 จากลานจอดรถต้องเดินลงเนินไปอีก 100 ม. น้ำตกนี้เกิดจากลำห้วยแม่กลาง ไหลตกจาผาหินสองช่วง แต่ละช่วงสูงประมาณ 20 ม. อยู่ท่ามกลางป่ารมรื่น แต่ไม่เหมาะกับการเล่นน้ำ เพราะสายน้ำไหลเชี่ยวแรง
|
|
|
6014
|
เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / Re: วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร
|
เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2007, 04:37:31 PM
|
สิ่งที่น่าสนใจ
โบสถ์ เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีมุขโถงทั้งด้านหน้าด้านหลัง ลักษณะอาคารและการตกแต่งเป็นแบบศิลปะล้านนาโดยแท้ ด้านข้างแลเห็นหน้าต่างขนาดใหญ่ตีเป็นช่องแบบไม้ระแนง แต่ภายในเป็นหน้าต่างจริง มีลายปูนปั้นบริเวณซุ้มประตูทางเข้า หน้าบันมีลักษณะวงโค้งสองอันเหนือทางเข้าประกบกัน เรียกว่า คิ้วโก่ง เหนือคิ้วโก่งเป็นวงกลมสองวงคล้ายดวงตา ที่เสาและส่วนอื่นๆ มีปูนปั้นนูน มีรักปั้นปิดทอง วิจิตรพิศดารมาก
หอไตร สร้างเป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ ผนังด้านนอกประดับด้วยทวยเทพปูนปั้น ทำเป็นรูปเทพพนมยืน บ้างก็เหาะ ประดับอยู่โดยรอบ เป็นฝีมือช่างสมัยพระเมืองแก้ว ประมาณ พ.ศ. 2476 เจ้าแก้วนวรัฐได้ซ่อมแซมขึ้นใหม่ ที่ฐานหอไตรปั้นเป็นลายลูกฟักลดบัว ภายในประดับด้วยรูปสัตว์หิมพานต์ เช่น นางเงือกมีปีก คชสีห์มีปีก กิเลน เป็นต้น และมีลายประจำยามลักษณะคล้ายลายสมัยราชวงศ์เหม็งของจีน
วิหารลายคำ วิหารทรงพื้นเมืองขนาดเล็ก ภายในเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธสิหิงค์ ขนาดหน้าตักกว้าง 31 นิ้ว สูงจากของฐานถึงยอดยอดพระเมาลีบัวตูมสูง 51 นิ้ว เมื่อถึงเทศกาลสงกรานต์ ชาวเมืองเชียงใหม่จะอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์แห่ไปตามถนนรอบเมือง เพื่อให้ประชาชนได้สักการะโดยทั่วถึงกัน บนผนังด้านหลังพระประธาน เสาหลวง (เสากลม) เสาระเบียง (เสาสี่เหลี่ยม) มีภาพลายทองพื้นแดงเป็นลวดลายต่างๆ เต็มไปหมด ด้านหลังพระประธานยังมีรูปปราสาทแวดล้อมด้วยมังกรและหงส์ มีความงดงามน่าชมยิ่ง ผนังวิหารด้านเหนือมีภาพจิตรกรรมเขียนเรื่องสังข์ทอง ด้านใต้เรื่องสุวรรณหงส์ นับเป็นภาพที่น่าสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องสังข์ทอง พบเพียงแห่งเดียวที่นี่
|
|
|
6017
|
เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / Re: วัดเชียงมั่น
|
เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2007, 04:34:08 PM
|
ที่ตั้งและการเดินทาง ถ. ราชภาคินัย สิ่งที่น่าสนใจ เจดีย์ช้างล้อม พญามังรายโปรดให้ก่อเจดีย์ตรงที่หอนอนบ้านเชียงมั่น ซึ่งทรงใช้เป็นที่ประทับชั่วคราวระหว่างการสร้างเมืองเชียงใหม่ ลักษณะเป็นเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยม ด้านหน้าเป็นบันไดทางขึ้นมีช้างอยู่สองเชือก อีกสามด้านทีเหลือ มีช้างอยู่ด้านละสามเชือก รวมทั้งหมด 15 เชือก ช้างค้ำเจดีย์เปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งการค้ำจุนพระพุทธ ศาสนา ยังพบเจดีย์ช้างล้อมแบบนี้ที่ วัดช้างค้ำ จ. น่าน ด้วย
ศิลาจารึก เป็นแผ่นหินปักบนพื้นปูน อยู่หน้าพระอุโบสถ จารึกประวัติเกี่ยวกับการสร้างวัดเชียงมั่นและการสร้างเวียงเชียงใหม่
พระเสตังคมณี หรือที่เรียกกันว่า พระแก้วขาว เป็นพระพุทธรูปหินสีขาวใส ปางมารวิชัย มีหน้าตักกว้าง 4 นิ้ว สูง 6 นิ้ว ศิลปะทวารวดี ตามตำนานกล่าวว่าเป็นฝีมือช่างสกุลละโว้ สลักจากแท่งศิลาสีขาวใส ส่วนฐานทำขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2471 พระพุทธรูปองค์นี้พระนางจามเทวีวงศ์ ทรงนำมาจากกรุงละโว้เมื่อคราวมาครองเมืองหริภุญไชย เมื่อพญามังรายยึดครองเมืองหริภุญไชยได้ จึงอัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดเชียงมั่น ถือเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง เมื่อมีงานพิธีกรรมสำคัญมักจะอัญเชิญเสด็จออกร่วมพิธีด้วย เจ้าอินทวิชยานนท์และแม่เจ้าทิพเกสร โปรดให้สร้างฐานบัลลังก์พระพุทธรูปด้วยไม้จันทร์หุ้มแผ่นทองคำ ในอดีตพระเสตังคมณีจะได้รับการอัญเชิญออกมาสรงน้ำทุกปีในงานตรุษสงกรานต์ แต่ปัจจุบันมาระงับไป เพราะฐานบัลลังก์ชำรุด
พระพุทธรูปหินปางปราบช้างนาฬาคีรี เป็นพระพุทธรูปฝีมือช่างสกุลปาละ พุทธศตวรรษที่ 13-17 ศิลปะคุปตะ เป็นรูปพระพุทธองค์ยื่นพระหัตถ์ขวาเหนือหัวช้างที่หมอบอยู่ พระพุทธรูปองค์นี้อยู่คู่กับพระเสตังคมณีมานานแต่ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่ามีความเป็นมาอย่างไร เชื่อกันว่าพญามังรายอัญเชิญมาจากหริภุญไชยคราวเดียวกันกับพระเสตังคมณี
ที่มาของปางปราบช้างนาฬาคีรี พระเทวทัต พระอนุชาของพระนางพิมพา มีความอิจฉาพระพุทธเจ้าซึ่งมีสาวกมากมาย ด้วยเกรงว่าจะมีอำนาจมากกว่า พระเทวทัตจึงหาทางทำร้ายพระพุทธเจ้าหลายวิธี ครั้งหนึ่งขณะที่พระพุทธเจ้าและสาวกเสด็จยังเมืองราชคฤห์ พระเทวทัตได้ปล่อยช้างนาฬาคีรีซึ่งกำลังตกมัน หวังจะให้เข้าทำร้ายพระพุทธองค์ แต่เมื่อช้างนาฬาคีรีวิ่งเตลิดมาถึงหน้าพระพุทธเจ้า ก็หยุดลงนั่งหมอบนิ่ง จึงเป็นที่มาของปางปราบช้างนาฬาคีรี ส่วนพระเทวทัตภายหลังได้ถูกธรณีสูบไป
|
|
|
6020
|
ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / เชียงใหม่ ร้านอาหาร - แนะนำร้านอาหาร อร่อย ในเชียงใหม่ / อ.เชียงดาว
|
เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2007, 04:30:03 PM
|
อ.เชียงดาว พรเพ็ญขาหมูเสวย ขาหมูเจ้าเก่าแก่ของเชียงดาว อยู่ในตัวอำเภอ ขายตั้งแต่เช้าเคยไปกินตอนก่อน 7 โมงเช้าก็เปิดแล้ว พอสักบ่าย 2 โมงก็หมดแล้ว โทร. 0-5345-5103 แม้จะเป็น อ. เล็กๆ แต่เป็นจุดเริ่มขึ้นดอยเชียงดาว ดอยสูงอันดับ 3 ของประเทศ มาถึงที่นี่ต้องไม่พลาด ขาหมูน้ำแดง ที่ตุ๋นจนหนังเปื่อย เนื้อนุ่ม หอมกรุ่น ขาเล็กจานละ 70 บาท ขาใหญ่จานละ 100 บาท จะกินที่ร้าน หรือซื้อไว้เป็นเสบียงก่อนขึ้นดอยก็ดี ยิ่งฤดูหนาวปล่อยให้เย็นจนเป็นวุ้นยิ่งอร่อย
|
|
|
6021
|
ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / เชียงใหม่ ร้านอาหาร - แนะนำร้านอาหาร อร่อย ในเชียงใหม่ / อ.แม่ริม
|
เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2007, 04:29:17 PM
|
อ.แม่ริม บะหมี่กวางเจา ร้านเก่าแก่ที่คนท้องถิ่นดั้งเดิมรู้จักกันดี อยู่ตรงข้ามสนามกอล์ฟล้านนา ถ. โชตนา เปิดขายเลา 08.00-21.00น. โทร. 0-5321-6290 แม้จะเป็นร้านเก่า คูหาเดียว แต่ก็ครองใจคนรักบะหมี่มานานปี เพราะบะหมี่ เส้นเหนียวแต่เคี้ยวแล้วนุ่มฟัน เกี๊ยวทำเอง หมูแดงก็อร่อย ยังมีข้าวหมูแดงด้วย แต่ที่ห้ามพลาดก็คือขนมจีบ ต้องสั่งมาลอง หลายคนการันตีว่าอร่อยติดอันดับต้นๆ ของเชียงใหม่
โป่งแยงแอ่งดอย ร้านอาหารในรีสอร์ตบรรยากาศดี ของปิยะ ภิรมย์ภักดี อยู่บริเวณ กม. 14 ของ ถ. แม่ริม-สะเมิง เปิด 08.00-21.00 น. จองโต๊ะโทร. 0-5387-9151-3 ร้านนี้ต้องไปก่อนฟ้ามืด เลือกโต๊ะที่มองเห็นน้ำตกไหลรินจากภูเขาสูง แล้วสั่งยำแฮมรมควัน เห็ดหอมคลุกเนย มาแกล้มเบียร์สิงห์ แล้วสั่งแกงใบยอปลาดุก ต้มยำขาหมูน้ำใส มาชิม อย่าลืมสั่งผัดผักด้วย เพราะที่นี่มีผักสดๆ จากโครงการหลวงให้เลือกสารพัด ขายดีจนขยายสาขามาเปิดในเมืองที่ ถ. ห้วยแก้ว เยื้องโรงแรมเชียงใหม่ฮิลล์ด้วย
|
|
|
6022
|
ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / เชียงใหม่ ร้านอาหาร - แนะนำร้านอาหาร อร่อย ในเชียงใหม่ / อ.สันกำแพง
|
เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2007, 04:28:01 PM
|
อ.สันกำแพง สันกำแพงโภชนา ร้านนี้อยู่ห่างจากตัวอำเภอไปตามทางหลวงตัดใหม่สาย 1317 ประมาณ 2 กม. เปิด 08.00-20.30 โทร. 0-5333-2935, 0-5339-5389 ร้านนี้กับข้าวรสเข้มข้น ปลาช่อนนึ่งแจ่ว เป็นเมนูเด็ดที่อยากให้ลอง แล้วยังมีแกงป่าไก่เมือง ผัดปวยเล้งกระเทียมโทน ปลาทอดยำมะม่วง เลือกซื้องานหัตถกรรมสันกำแพงแล้ว ลองมาร้านนี้ดู
|
|
|
6023
|
ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / เชียงใหม่ ร้านอาหาร - แนะนำร้านอาหาร อร่อย ในเชียงใหม่ / ที่กิน ใน จ.เชียงใหม่ (อ.เมืองจ.เชียงใหม่)
|
เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2007, 04:25:12 PM
|
อ.เมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่เมืองใหญ่ มีทั้งอาหารพื้นเมืองอันเป็นเอกลักษณ์ ร้านอาหารจานเดียว ร้านบรรยากาศดีๆ เต็มไปหมด แต่ร้านที่นายรอบรู้ลองไปชิมมา ก็อร่อยไม่เป็นสองรองใคร
1. โจ๊กต้นพยอม เช้าๆ ต้องไปกินโจ๊ก ร้านนี้อยู่ใกล้ๆ กับสี่แยกชลประทาน ถ. สุเทพ ในตลาดต้นพยอม เปิดขายสองรอบ รอบเช้าตั้งแต่ 05.00-13.00 น. แล้วเปิดรอบเย็นตอน 17.00-23.00 น. โทร. 05380-9120 ร้านนี้ดังระดับเชลล์ชวนชิม โจ๊กทำจากข้าวหอมมะลิเคี่ยวจนข้น มีทั้งโจ๊กไก่ หมู ซี่โครงหมู และเครื่องในที่ล้างสะอาด สด ธรรมดาขาย 20 บาท ใส่ไข่ 25 บาท หรือจะสั่งแบบพิเศษใส่หลายๆ อย่างก็ได้ตามใจคนกิน ถ้าอยากซดน้ำใสๆ ร้านนี้ขายต้มเลือดหมู ใส่ใบจิงจูฮวยฉ่าย หอมอร่อยไม่แพ้โจ๊ก
2. ย้งทัวร์ ร้านนี้ไม่ได้ให้บริการท่องเที่ยว แต่ขายก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น อยู่ ถ. ราชดำเนิน หน้าวัดพระสิงห์ เปิด 09.00-16.00 น. โทร. 0-5322-1069 ขายมานานตั้ง 20 ปีแล้ว เพราะคนติดใจในรสชาติ ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมูตุ๋น เอ็นตุ๋นน้ำแดง เพราะที่ร้านทำลูกชิ้นเอง เลยมีลูกชิ้นหมูปิ้ง ทั้งแบบเนื้อล้วนและเอ็นหมู ลูกใหญ่กว่าลูกชิ้นที่ขายทั่วไป น้ำจิ้มรสเปรี้ยวหวาน ใส่ส้มมะขามตำรับเฉพาะตัว ไม้ละ 10 บาท
3. เรือนเพ็ญ ร้านนี้ขายอาหารพื้นเมืองหลายรูปแบบ อยู่ที่ ถ. ราชมรรคา ตรงข้าม รร. อนุบาลเชียงใหม่ ขายตั้งแต่ 08.00-15.00 น. แล้วขอพักสองชั่วโมงก่อนเปิดขายอีกทีตอน 17.00-22.00 น. ไปไม่ถูกโทรถาม 0-5381-4548 จะมากินข้าวร้านนี้ต้องมากันหลายๆ คน เพราะมีอาหารพื้นเมืองหลายอย่าง โดยเฉพาะน้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง กินกับผักพื้นเมืองหลายอย่าง หรือจะกินขนมจีนน้ำเงี้ยวใส่ซี่โครงหมูตุ๋นเปื่อย ก็อร่อย ส้มตำแบบคนเมืองมีทั้ง ตำมะปรางค์ ตำส้มโอ ตำกะท้อน ตำมะม่วง รับรองจะติดใจ
4. ข้าวซอยอิสลาม มาถึงเชียงใหม่ต้องได้กินข้าวซอย ถึงมีหลายร้านขอแนะนำร้านเก่าแก่นี้ก่อน เปิดขาย 08.00-17.00 น. อยู่ ถ. เจริญประเทศ ซ. 1 ข้างๆ จวนผู้ว่า โทร. 0-5327-1484 ข้าวซอยร้านนี้เข้มข้นขายมาหลายสิบปี มีทั้งข้าวซอยเนื้อ ไก่ ลูกชิ้นเนื้อ เวลากินต้องบีบมะนาว ใส่หัวหอม กินแกล้มกับผักกาดดองรสเปรี้ยวหวาน จะได้ไม่เลี่ยน ทั้งยังมีก๋วยเตี๋ยวแกง สลัดแขก เนื้อสะเต๊ะ ไก่สะเต๊ะ ที่จอดรถมีพร้อม แต่คนแน่นแทบทั้งวัน ไปเชียงใหม่ทั้งทีไม่น่าพลาดร้านนี้
5. เฟิน ฟอร์เรสต์ คาเฟ ร้านกาแฟสวยในสวนเฟิน เหมาะสำหรับมานั่งจิบกาแฟยามบ่าย อยู่ ถ. สิงหราช ซ. 4 ตรงข้ามเชียงใหม่สยามทีวี เปิด 08.30-20.30 น. โทร. 0-5341-6204 ร้านนี้เจ้าของเปิดบ้านเป็นร้านกาแฟ และเบเกอรี่หลากหลายสไตล์โฮมเมด บรรยากาศในร้านจึงร่มรื่นไปด้วยต้นใหม่ใหญ่ ลองจิบกาแฟสด กับเค้กมะตูม เค๊กมะพร้าว ไวท์ช๊อกโกแลต หรือบลูเบอร์รีชีสพาย เข้มข้นหอมกลิ่นนมเนย ราคาชิ้นละ 40-55 บาท คุ้มค่ากับบรรยากาศและความอร่อย
6. เอ็ม ครุยซีน ถ้าเบื่ออาหารไทยจะมาลองดินเนอร์แบบอิตาเลียโน ราคาไม่แพงต้องร้านนี้ อยู่ ถ. สุเทพ ตรงข้ามประตูคณะเกษตร หลัง มช. เปิด 10.00-14.00 น./17.00-22.00 น. วันอาทิตย์ไม่ต้องมากิน เพราะร้านนี้หยุด โทร. 0-1021-7911 , 0-6916-1724 แม้จะเพิ่งเปิดร้านได้ไม่กี่ปี แต่ได้รับความนิยมมาก เพราะทำอาหารอิตาเลียนง่ายๆ และอร่อย อย่าง อกไก่ย่างราดซอสลูกพรุน ซุบอิตาเลียนซีฟู้ด และมีพาสต้าหลากหลายให้เลือก สลัด หรือคอร์สดินเนอร์ ราคาไม่แพงอย่างที่คิด มีเงิน 200 บาทก็อิ่มได้
7. ตะไคร้ ร้านเล็กๆ ตกแต่งได้น่านั่ง อยู่ข้างวัดพระสิงห์ เปิดขายอาหารไทยรสชาติดีสำหรับมื้อเย็นแบบสบายๆ ตั้งแต่บ่ายถึงค่ำ เน้นอาหารจานเล็กๆ กำลังกิน รสชาติจัดจ้าน จานแนะนำคือ ปลาดุกผัดใบชะพลู ปลาร้าทรงเครื่อง ยอดฟักผัดน้ำมันหอย แกงส้ม แนะนำ โดย " นายรอบรู้ดอทคอม"
|
|
|
6024
|
เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำสถานทีเที่ยว ในจังหวัดเชียงใหม่-สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่ / Re: "ดอยอ่างขาง"
|
เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2007, 04:18:22 PM
|
ข้อมูลทั่วไป - ค่าเข้าชมสถานีเกษตรหลวงอ่างขางคนละ 30 บาท
การเดินทาง รถยนต์ส่วนตัว สามารถไปได้ 2 เส้นทาง คือ 1. ด้าน อ. ไชยปราการ ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 จากตัวเมืองเชียงใหม่ ผ่าน อ. แม่ริม อ. แม่แตง อ. เชียงดาว และ อ. ไชยปราการ ระหว่างทางจาก อ. เชียงดาวไป อ. ไชยปราการ เส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยว เมื่อถึงหลัก กม. 137 บริเวณตลาดแม่ข่า เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1249 ไปอีก 25 กม. เส้นทางสูงชันและคดเคี้ยว หลายช่วงเป็นทางโค้งหักศอก คนขับต้องมีความชำนาญ อันตรายมากโดยเฉพาะเส้นทางลงดอยเที่ยวกลับ 2. ด้านบ้านอรุโณทัย ถนนลาดยางตลอดสายค่อนข้างแคบ แต่คดเคี้ยวน้อยกว่าเส้นทางขึ้นด้านบ้านแม่ข่า ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 เมื่อผ่าน อ. เชียงดาวประมาณ 6 กม. เลี้ยวซ้ายที่สามแยกเมืองงาย เข้าทางหลวงหมายเลข 1178 ผ่านบ้านเมืองงาย นาหวาย จนถึงด่านตรวจของ ตชด. ที่บ้านรินหลวง หลัก กม. 31 เลี้ยวขวาไปบ้านอรุโณทัย-ดอยอ่างขาง มีป้ายบอกทางชัดเจน ประมาณ 7 กม. ถึงบ้านอรุโณทัย เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1340 สภาพถนนค่อนข้างแคบ ขึ้นดอยอีก 45 กม. บริเวณหลั กม. 30-34 ก่อนถึงบ้านหลวง ถนนจะเลียบไปตามสันเขา มีทิวทัศน์สวยงามมาก จากนั้นจะผ่านบ้านหลวง บรรจบทางหลวงหมายเลข 1249 ที่ตัดขึนดอยอ่างขางจากด้านแม่ข่า รถประจำทาง เดินทางสู่ดอยอ่างขางด้าน อ. ไชยปราการ จากเชียงใหม่ลงรถที่ตลาดแม่ข่า นั่งรถสองแถวหรือรถตู้ที่วัดหาดสำราญบริเวณบ้านแม่ข่า ลงรถที่หน้าโครงการหลวงอ่างขาง สามารถเหมาให้พาเที่ยวดอยอ่างขางและบริเวณใกล้เคียง เช่น โครงการหลวงอ่างขาง บ้านขอบด้ง จุดชมทิวทัศน์ บ้านคุ้ม บ้านนอแล เป็นต้น
แหล่งข้อมูล - "นายรอบรู้" จ. เชียงใหม่
เรื่องและภาพ : ทีมงาน "นายรอบรู้" (น้อย) Doi Angkhang, Chiangmai
|
|
|
6032
|
เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / ประวัติวัดเจ็ดลิน
|
เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2007, 10:31:33 AM
|
วัดเจ็ดลิน ตั้งอยู่ถนนพระปกเกล้า อ.เมือง จ.เชียงใหม่ สร้างขึ้นก่อนปีพุทธศักราช ๒๐๖๐ (สมัยพระเมืองแก้ว หรือ พระเจ้าดิลกปนัดดาธิราช) และไม่ปรากฎชัดว่ากษัตริย์ในราชวงศ์มังรายพระองค์ใด เป็นผู้สร้าง และสร้างใน พ.ศ. ใด วัดเจ็ดลิน หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า วัดหนองจริน ตามหลักฐานที่กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนไว้ ประกอบด้วย เจดีย์วิหาร และอาคาร ที่ต่อจากวิหาร (ศาลา) ตัววิหารอยู่ที่สภาพชำรุด พื้นที่ปูซ้อนกันอยู่ ๒ ระยะ ส่วนที่ค่อนข้างสมบูรณ์ มีฐานชุกชี และองค์ พระประธาน (องค์เดิมพบแต่เศียรปูนปั้นขนาดใหญ่ มีต้นโพธิ์ขึ้นกลางฐาน) ด้านหลังวิหารมีเจดีย์ที่มีรูปทรงมณฑป ผสมทรงกลมอิทธิพลสุโขทัย มีซุ้มพระประดับ ๔ ทิศ อยู่ในยุคหลัง พระเจ้าติโลกราช เป็นลักษณะเจดีย์ที่สร้างในสมัย พระยายอดเมือง เชียงราย พระเมืองเกษเกล้า หลังจากนั้น ที่เรียกว่า วัดเจ็ดลิน นั้น ภายในวัดมีหนองน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้านหลัง ปัจจุบันยังมีสภาพที่สมบูรณ์อยู่ ตามประวัติกล่าวว่า ในอดีต กษัตริย์ ในราชวงศ์มังราย พระองค์ใด ก่อนจะขึ้นเสวยราชย์จะต้องไป ทรงผ้าชุดขาว (นุ่งขาวห่มขาว) ณ วัดผ้าขาว ก่อน จากนั้นจะเสด็จ ไปสะเดาะเคราะห์ ณ วัดหมื่นตูม และจะเสด็จไปประกอบพิธีสรงน้ำพุทธาภิเษก ณ หนองน้ำวัดเจ็ดลิน ในการประกอบพิธีราชาภิเษกนั้น จะทำรางน้ำ หรือที่ทางเหนือเรียกว่า "ลิน" ทำด้วยคำไว้ ๗ ลิน แล้วนำน้ำพุทธาภิเษกใส่สุวรรณหอยสังข์ หล่อลงรางลินทำด้วยคำทั้ง ๗ เพื่อสรงพระวรกาย จากนั้น จึงเปลี่ยนเครื่องทรงกษัตริย์ขึ้นเสวยราชย์ต่อไป ดังปรากฎในสมัย เจ้าแม่ฟ้ากุ (พระเมกุฎิวิสุทธิวงศ์ กษัตริย์ผู้ครองนครเชียงใหม่ ลำดับที่ ๒๐ พ.ศ. ๒๐๙๔ - ๒๑๐๗) ก่อนขึ้นเสวยราชย์ได้ทำพิธีราชาภิเษก โดยเสด็จ ไปสรงน้ำพระที่ วัดเจ็ดลิน "คำเชิญกษัตริย์เจ้า ไปลอยเคราะห์นอนหั้นแล ๓ วัน แล้วไปอุสสาราช หล่อน้ำพุทธาภิเษกสุคนธาด้วยสุวรรณหอยสังข์ที่วัด ๗ ลินคำ หั้นแล
.." วัดเจ็ดลิน มีเนื้อที่ปรากฎตามหลักฐานโฉนดที่ดินออกในปี พ.ศ. ๒๔๘๒ จำนวน ๗ ไร่เศษ เป็นวัดที่เคย รุ่งเรืองมาในอดีต จนถึงสมัยของท่าน ครูบาปัญญา เจ้าอาวาสวัดหัวข่วง ซึ่งเป็นรักษาการเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. ๒๔๒๐ - ๒๔๔๐ ได้ทำการสำรวจหัววัดต่างๆ และอุโบสถ ได้บันทึกไว้ว่า " วัดเจ็ดลินตั้งอยู่แขวงด้านประตูเชียงใหม่ในเวียงเชียงใหม่ เจ้าอธิการชื่อ สีวิไช นิการเชียงใหม่ ยังไม่ได้เป็น พระอุปัชฌาย์ รองอธิการ ยังไม่มีจำนวนพระลูกวัดในพรรษานี้ยังไม่ พรรษาก่อน มีองค์ ๑ เณรมี ๒ ตน ขึ้นแก่วัด พันเท่า" วัดเจ็ดลิน หรือวัดหนองจริน จะตกอยู่ในสภาพ วัดร้าง หลังจากนั้นไม่นานเพราะไม่ปรากฎหลักฐานใดๆ กล่าวถึง ต่อมาประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๙ สำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ ได้ขอเช่าเนื้อที่ด้านหน้าติดกับถนนพระปกเกล้า เป็นบ้านพักเจ้าหน้าที่และได้ย้ายออกไป ในปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ปัจจุบันมีประชาชน ได้เข้าไปปลูกบ้านอาศัยอยู่จำนวนหนึ่ง ในวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๔๖ พระญาณสมโพธิ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพฯ เจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ ได้รับมอบหมาย จากคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ให้เป็นประธานพัฒนาฟื้นฟูวัดเจ็ดลิน และขอยกเป็นวัดที่มีพระสงฆ์อยู่จำพรรษา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสทรงเจริญ พระชนมพรรษา ๖ รอบ ๗๒ พรรษา และพัฒนาหนองน้ำที่กว้างให้คงเป็น หนองน้ำที่ใสสะอาดสวยงาม ให้คงเป็นหนองน้ำแห่งประวัติศาสตร์คู่เมืองเชียงใหม่ ปัจจุบันมีพระมหาวิษณุ จารุธัมโม ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดเจ็ดรินมีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ 8 รูปและมีสามเณรจำพรรษาอยู่ 22 รูป มีประเพณีที่สำคัญคือการก่อเจดีย์ทรายที่ใหญ่ที่สุดในโลกหรือที่เรียกว่า " เจดีย์ทรายสุดส้าว " จะกระทำกันในวันสงกรานต์ซึ่งความหมายหรือประวัติของการก่อเจดีย์ทรายมีเรื่องเล่ามาว่าพระเจ้าปเสนทิโกศลได้เสด็จไปยังเมืองสาวัตถีพร้อมบริวาร ได้เห็นหาดทรายขาวบริสุทธิ์ก็เกิดจิตศรัทธาก่อทรายเป็นเจดีย์ ๘ หมื่น ๔ พันองค์ แล้วอุทิศเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา และสังฆบูชา เมื่อพระองค์ไปเฝ้าพระพุทธเจ้าก็ได้ทูลถามถึงอานิสงส์การก่อเจดีย์ทรายดังกล่าว พระพุทธเจ้าตรัสว่า การที่มีจิตเลื่อมใสศรัทธาก่อเจดีย์ทรายถึง ๘ หมื่น ๔ พันองค์หรือเพียงองค์เดียวก็ได้อานิสงส์มาก คือ จะไม่ตกนรกหลายร้อยชาติ ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็จะเพียบพร้อมไปด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ มีบริวารและเกียรติยศชื่อเสียง หากตายก็จะได้ขึ้นสวรรค์ พรั่งพร้อมด้วยสมบัติและมีนางฟ้าเป็นบริวาร ด้วยอานิสงส์ดังกล่าวจึงทำให้คนโบราณนิยมก่อเจดีย์ทรายเป็นประเพณีมาจนทุกวันนี้ ส่วนในอีกตำนานหนึ่งซึ่งอยู่ในคำภีร์ใบลานชื่อ " ธรรมอานิสงส์เจดีย์ทราย "ได้กล่าวไว้ว่า ในครั้งที่พระโพธิสัตว์เกิดเป็นชายเข็ญใจชื่อว่า "ติสสะ" มีอาชีพตัดฟืนขาย วันหนึ่งติสสะได้พบลำธารที่มีหาดทรายสะอาดงดงามนัก จึงได้ทำการก่อทรายเป็นรูปเจดีย์และเพื่อให้เจดีย์นั้นสวยงามจึงฉีกเสื้อผูกกับเรียวไม้แล้วปักไว้บนยอดกองทรายเป็นรูปธงสัญลักษณ์ แล้วตั้งสัตย์อธิษฐานขอให้ได้เกิดเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง เมื่อเขาเวียนว่ายในวัฏฏะสงสารได้บำเพ็ญบารมีเต็มที่แล้ว ก็ได้เกิดเป็นพระพุทธเจ้าชื่อสมณะโคดมองค์ปัจจุบัน ภาพของธงที่ทำจากเสื้อของติสสะ ทำให้ชาวล้านนานิยมนำตุงไปปักเจดีย์ทราย ซึ่งตุงที่พบเห็นมักเป็นตุงที่มีลักษณะเป็นพู่ระย้าที่เรียก "ตุงไส้หมู" หรือตุงที่มีรูปสัตว์นักษัตรที่เรียกว่า "ตุงตั๋วเปิ้ง" ตุงดังกล่าวมักแขวนติดกิ่งไม้ไผ่หรือก้านเขือง (เต่าร้าง) ในเช้าของวันพระญาวันคือวันเถลิงศกชาวบ้านจะนำตุงไปปักที่เจดีย์ทราย พอถึงตอนสายจะมีการถวายองค์พระเจดีย์ทรายแด่พระสงฆ์ ซึ่งชาวบ้านจะมาร่วมพิธีกันอย่างพร้อมเพรียง ด้วยหวังอานิสงส์เป็นหลักซึ่งนอกเหนือจากคัมภีร์ที่กล่าวมา ยังมีคัมภีร์แสดงอานิสงส์โดยตรงที่ชื่อ "ธรรมอานิสงส์ก่อเจดีย์ทราย" อีกฉบับหนึ่ง โดยเนื้อหาจะกล่าวถึงผลบุญมากมาย เช่น จะได้เกิดในตระกูลอันประเสริฐ เลอเลิศด้วยรูปสมบัติ เรืองจรัสในชีวิต ไม่ตกติดในนรก ยกระดับไปเกิดบนสวรรค์ จนถึงขั้นได้เกิดเป็นพระอินทร์
ข้อมูล จาก เชียงใหม่นิวส์
|
|
|
6033
|
เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำสถานทีเที่ยว ในจังหวัดเชียงใหม่-สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่ / Re: บ้านถวาย หมู่บ้านแกะสลัก ที่เลื่องชื่ของเชียงใหม่
|
เมื่อ: เมษายน 27, 2007, 07:12:17 PM
|
เยือนถิ่นล้านนา แวะมาบ้านถวาย
ผลิตภัณฑ์ไม้แกะสลัก หมู่บ้านถวาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้แนวความคิด ว่า "บ้านถวาย เที่ยวหมู่บ้านไม้แกะสลัก"
เมื่อเอ่ยถึงถิ่นล้านนา ก็คงรู้กันว่าหมายถึงจังหวัดเชียงใหม่ ถ้าหากเรามาเที่ยวที่เชียงใหม่ หลายท่านคงนึกถึง พระธาตุดอยสุเทพ ดอยอินทนนท์ ไนท์บาซาร์ อะไรประมาณนี้ แต่มีอยู่อีกที่หนึ่งที่ใครๆ ก็นิยมมาเที่ยวและจับจ่ายซื้อของกลับบ้านไป และสถานที่นี้ก็คือ "บ้านถวาย"
บ้านถวาย เป็นแหล่งศิลปะหัตถกรรมชั้นยอดของเมืองเชียงใหม่ ที่สร้างผลงานไม้แกะมากมาย ส่งออกขายทั้งไทยและต่างประเทศ อันเป็นสถานที่ที่นำมา ซึ่งชื่อเสียงของชาวบ้านถวาย และเมื่อกล่าวถึง งานไม้ งานแกะสลักไม้ หรืองานประดิษฐ์จากไม้ บุคคลทั่วไปทุกคนจะต้องนึกถึง บ้านถวาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เพราะเหตุว่า งานไม้ งานแกะสลักไม้ หรืองานประดิษฐ์จากไม้ ของบ้านถวายนั้น เป็นงานศิลปหัตถกรรมที่มีคุณภาพ มีชื่อเสียงเป็นระยะเวลานาน มีความสวยงาม ประณีต และเป็นงานที่ทำขึ้นด้วยมือ (Hand Made) ผสมกับภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดกันมาตลอดระยะเวลา 40 กว่าปีที่ผ่านมา จนเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศทั่วโลก และด้วยเหตุผลนี้ ในปี พ.ศ.2547 จากนโยบายหนึ่งผลิตภัณฑ์ หนึ่งตำบลของรัฐบาล บ้านถวายได้รับเกียรติจากกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เป็น หมู่บ้าน OTOP ต้นแบบ ของประเทศไทย และได้รับเกียรติจาก สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็น หมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP (OTOP Tourism Village) แห่งแรกของประเทศไทย
เยี่ยมชมหมู่บ้านถวาย นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมหมู่บ้านแห่งนี้ จะได้พบกับ การสาธิตในทุกขั้นตอน ได้แก่
การผลิตผลิตภัณฑ์จากไม้ การสาธิต ลงรักปิดทอง การแสดงศิลปะพื้นบ้าน การแข่ง "สุดยอดสล่าไม้" ชมขบวนแห่ลูกแก้ว ในพิธีบรรพชาสามเณรหมู่
|
|
|
6034
|
เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำสถานทีเที่ยว ในจังหวัดเชียงใหม่-สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่ / Re: บ้านถวาย หมู่บ้านแกะสลัก ที่เลื่องชื่ของเชียงใหม่
|
เมื่อ: เมษายน 27, 2007, 07:10:42 PM
|
บ้านถวาย
หมู่บ้านหัตถกรรมไม้แกะสลัก ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่ขึ้นชื่อที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เป็นแหล่งกำเนิดของงานแกะสลักไม้ในจังหวัดเชียงใหม่ จนผลิตภัณฑ์ไม้แกะสลักได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ทั้งด้านคุณค่า และคุณภาพของสินค้า
จุดรวมความหลากหลายของงานหัตถศิลป์ที่โดดเด่น เช่น งานแกะสลักไม้ , งานเดินเส้น แต่งลาย , งานลงรัก ปิดทอง , แอนติค , เครื่องเงิน , เครื่องเขิน , ผ้าทอ , เครื่องจักรสาน และเครื่องปั้นดินเผา เป็นต้น
--------------------------------------------------------------------------------
กว่าจะมาเป็นบ้านถวายหมู่บ้านไม้แกะสลัก
อดีตที่ผ่านมา 40 กว่าปี บ้านถวายได้สืบสานงานไม้แกะสลัก จากรุ่นสู่รุ่น จากการก่อกำเนิดขึ้น ของปูชนียบุคคล 3 ท่าน คือ พ่อหนานแดง พันธุสา , พ่อใจมา อิ่นแก้ว และ พ่อเฮือน พันธุศาสตร์ ที่ได้เดินทางไปทำงาน และเรียนแกะสลักไม้ที่ร้านน้อมศิลป์ บ้าน วัวลาย ประตูเชียงใหม่ เมื่อ พ . ศ . 2500 2505 และได้นำมาแพร่หลายในหมู่บ้านถวาย จนกลายเป็นหมู่บ้านหัตถกรรมไม้แกะสลักที่มีฝีมือ และมีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักของชาวไทยและชาวต่างประเทศ
--------------------------------------------------------------------------------
หัตถศิลป์ที่ขึ้นชื่อของบ้านถวาย
งานแกะสลักไม้ : ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของบ้านถวาย และจังหวัดเชียงใหม่ งานเทคนิคสีเนื้อไม้ : เป็นงานที่โชว์ให้เห็นถึงความสวยงามของเนื้อไม้ตามธรรมชาติ งานเทคนิคสีแตกลายงา : เป็นงานที่ตั้งใจให้สีเกิดการแตกแยกตัว เพื่อให้ดูคล้ายของเก่า โบราณ งานแอนติค : เป็นงานที่ทำขึ้น โดยใช้เทคนิคสีต่าง ๆ ทำเลียนแบบของเก่า โบราณ
|
|
|
6047
|
เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำสถานทีเที่ยว ในจังหวัดเชียงใหม่-สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่ / Re: ดอยปุย และ "พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์"
|
เมื่อ: เมษายน 01, 2007, 12:26:23 PM
|
:)ข้อมูลทั่วไป พระตำหนักภูพิงค์ - เปิดทุกวันเวลา 08.30-15.30 น. - ค่าเข้าชมคนละ 20 บาท - รถนำชม ค่าบริการ 250 บาทต่อเที่ยว - โทร. 0-5322-3065-9
วัดพระธาตุดอยสุเทพ - บริการรถรางไฟฟ้าขึ้น-ลง คนละ 20 บาท - โทร. 0-5329-5002
สวนสัตว์เชียงใหม่ - เปิดทุกวันเวลา 08.30-16.30 น. - ค่าเข้าชมคนละ 50 บาท หากดูหมีแพนด้าเสียเพิ่มอีกคนละ 50 บาท - โทร. 0-5322-1179, 0-5335-8116
การเดินทาง รถยนต์ส่วนตัว จาก ถ. ห้วยแก้วผ่านหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผ่านสุขภาพห้วยแก้ว จะพบสวนสัตว์เชียงใหม่ อยู่ทางด้านซ้ายมือ จากนั้นจะผ่านอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย น้ำตกมณฑาธาร สำหรับอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย จะอยู่บริเวณ กม. 15 โดยเลยจากวัดพระธาตุดอยสุเทพ ประมาณ 300 เมตร ส่วนพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ จะต้องเดินทางไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตร จากนั้นถนนจะเล็กแคบไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร จะพบสามแยกให้เลี้ยวซ้ายตรงไป จะพบหน่วยพิทักษ์ป่าผาดำ ให้เลี้ยวขวาไปหมู่บ้านแม้วดอยปุย ประมาณ 2 กิโลเมตร รถประจำทาง มีคิวรถขึ้นดอยสุเทพที่หน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และหน้าสวนสัตว์เชียงใหม่ โดยให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-16.00 น.
|
|
|
6057
|
เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำสถานทีเที่ยว ในจังหวัดเชียงใหม่-สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่ / บ่อสร้าง กางจ้อง
|
เมื่อ: เมษายน 01, 2007, 12:07:31 PM
|
"ศูนย์อุตสาหกรรมทำร่มบ้านบ่อสร้าง" อ. สันกำแพง อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่เพียง 13 กิโลเมตร เท่านั้น เป็นแหล่งท่องเที่ยว ชมงานหัตถกรรมจากฝีมือชาวบ้าน
ต้นกำเนิด "ร่มบ่อสร้าง" ตามตำนานการทำร่มบ่อสร้าง กล่าวไว้ว่า เมื่อพระครูอินถา ซึ่งประจำอยู่ที่วัดบ่อสร้าง อ. สันกำแพง จ. เชียงใหม่ ได้ธุดงค์ไปปฏิบัติกรรมฐาน อยู่บริเวณชายแดนไทย-พม่า ได้มีโอกาสเห็นวิถีชีวิต และการทำร่มของชาวบ้าน ซึ่งเชื่อว่าสืบเชื้อสายมาจากชาวไทลื้อ ที่ย้ายมาจากมณฑลยูนาน แคว้นสิบสองปันนา ประเทศจีน และตั้งถิ่นฐานอยู่ตามบริเวณนั้นและยังสืบทอดการทำร่มอยู่
พระครูบาอินถา สนใจวัฒนธรรมการทำร่มนี้เป็นอย่างมาก จึงศึกษาอย่างละเอียด และนำกลับเผยแพร่ยังหมู่บ้านบ่อสร้าง โดยการแยกชิ้นส่วนการทำร่มให้กับหมู่บ้านใกล้เคียงหัดทำ และนำชิ้นส่วนเหล่านั้นมาประกอบที่หมู่บ้านบ่อสร้าง อ. สันกำแพง จ. เชียงใหม่
อาชีพเสริมกลายเป็นอาชีพหลัก ชาวบ่อสร้างได้สืบทอดวัฒนธรรมการทำร่ม และใส่จิตวัญญาณของการทำร่มลงไป แต่เดิม ทำเพื่อนำไปถวายพระ และใช้กันเองเพื่อกันแดดกันฝน จนเป็นที่รู้จักเลื่องลือกันทั่วไป
ต่อมาชาวบ่อสร้างได้มีการคิดค้นพัฒนา โดยหาวิธีใหม่ๆ เพื่อเพิ่มคุณภาพและลักษณะที่โดดเด่น จนสามารถจำหน่ายเป็นอาชีพเสริมหลังจากการทำนา-ไร่ จนภายหลัง "ร่มบ่อสร้าง" ไม่เพียงแต่ใช้เพื่อการกันแดดกันฝนเท่านั้น แต่ยังพัฒนาให้ใช้สำหรับงานตกแต่งอาคารบ้านเรือน เป็นสินค้าที่ระลึก ตลอดจนใช้ในงานพิธีต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
|
|
|
6060
|
ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / เชียงใหม่ ร้านอาหาร - แนะนำร้านอาหาร อร่อย ในเชียงใหม่ / ของฝาก เมืองเชียงใหม่
|
เมื่อ: มีนาคม 31, 2007, 04:15:55 PM
|
หมูยอ-แหนม หมูยอและแหนมเชียงใหม่ มักขายคู่กัน หาซื้อได้ทั่วไปตามแผงขายของฝากในตลาดวโรรส ตลาดต้นพยอม และร้านของฝาก เช่น วนัสนันท์ ย่านฟ้าฮ่าม ถ. ซุปเปอร์ไฮเวย์ ท้อแสงทอง ถ. เชียงใหม่-หางดง ยี่ห้อขึ้นชื่อได้แก่ แหนมป้าย่น
แหนมหมูยอบุญศรี แหนมเชียงใหม่ มีหลากรูปแบบทั้งแหนมเนื้อหมู แหนมหูหนู แหนมซี่โครง และแหนมหม้อ อย่างไรก็ตามแหนมเป็นอาหารดิบที่มีรสเปรี้ยวจากการหมัก จึงมักมีพยาธิและแบคทีเรีย จึงมีการนำแหนมมาแยรังสีมาจำหน่าย ซึ่งไม่ทำให้รสชาติเปลี่ยน
สำหรับหมูยอที่วางขายในเชียงใหม่ ส่วนใหญ่เป็นหมูยอเนื้อเบา หากนำไปทอดจะค่อนข้างแห้ง กระด้าง ไม่นุ่ม แต่หมูยอที่รสชาติโดดเด่นกว่าเจ้าอื่นคือยี่ห้อสุจินต์ เป็นหมูยอจากเชียงราย มีร้านจำหน่ายในเชียงใหม่ใกล้กับสี่แยกแสงตะวัน ตรงปั๊มเอ็มพี หมูยอสุจินต์ จะมีความนุ่มหนึบของเนื้อหมู ห่อด้วยใบตองหลายชั้น เมื่อซื้อมารับประทานอย่าลืมถามหาน้ำจิ้มแจ่วด้วย
วิธีเลือกซื้อ เลือกแหนมที่สีไม่แดงจัดจนผิดธรรมชาติ แหนมที่ทำไว้นานเกินไป จะมีกลิ่นเปรี้ยวมากและมีเมือก แหนมฉายรังสีก็เป็นทางเลือกที่ดี ซึ่งมีให้เลือกหลายยี่ห้อ
ส่วนหมูยอเลือกซื้อจากชนิดที่ห่อด้วยใบตองหลายชั้น จะไม่ใส่สารกันบูด และมักทำขายใหม่ๆ ไม่มีของค้าง เนื่องจากเก็บไม่ได้นาน หากเสียหรือบูด จะได้กลิ่น และสังเกตได้ง่าย ส่วนหมูยอที่ใส่ห่อพลาสติกใส มักใส่สารกันบูด ทำให้เก็บได้นานกว่า และบางครั้งยังสังเกตไม่ได้ว่าเสียหรือไม่ จะรู้ก็ต่อเมื่อแกะออกดูเท่านั้น
|
|
|
|
|