บรรยากาศภายในร้าน มีทั้งห้องแอร์ และ ไม่ติดแอร์

ร้านอาหารจีน....ชื่อดังของเชียงใหม่ ที่ใครๆมาเชียงใหม่ มักจะไปทานที่นี่
เพราะว่า นอกจากอาหารจีนอร่อย ในราคาที่ไม่สูงเกินไปแล้ว ภายในร้านยังกว้างขวาง ติดแอร์เย็นฉ่ำ ที่จอดรถมากมาย และ อยู่ใกล้ แหล่งช้อปปิ้ง ไนท์บาซาร์
ที่ตั้ง ของร้านนี้หาไม่ยากครับ จะอยู่ตรงข้ามโรงแรม เชียงใหม่พลาซ่า

 :)

ราดหน้าทะเล

ข้าวผัดกวางเจา

มาผ่อเต้าหู้...ลองชิมดู

แป้งโรตีที่ไว้ทานกับเป็ดปักกิ่ง...เนื้อแน่น หอม

ปลาบู่..สดมากๆครับ เนื้อหวาน อร่อย

กุ้งสลัด...อร่อย

ซึ่งเนื้อเป็ด สามารถไปทำเมนูอื่นได้อีก 2 อย่าง ซึ่ง ผมเลือก เอาไปทำ เป็ดผัดพริกไทยดำ กับ ต้มจืดเกี่นมฉ่าย

เมนูเด็ด อีกเมนูที่ไม่อยากให้พลาด คือ เป็ดปักกิ่ง

ไก่แช่เหล้า... เมนูโปรดของผมเอง

 :)

จริงๆแล้ว..เมนูเค้ามีให้เลือกเยอะ แต่ที่ถ่ายมาเป็นเมนูแนะนำของร้านเค้า

ถ่ายเอา..เมนูแนะนำของร้านเค้า มาให้ชมเลยครับ

เข้าไปในร้าน จะมีให้เลือกนั่งทั้งชั้นล่าง หรือ มากันหลายท่านและต้องการความเป็นส่วนตัวหน่อย ก็มีโต๊ะกลม อยู่ชั้นสอง

ลักษณะของร้านจะเป็น บ้าน

เห็นป้ายของร้าน...เลี้ยวเข้าไปจอดรถในบ้านได้เลย

ได้รับคำแนะนำจากลูกค้า...ให้ลองไปชิม ร้านอาหารจีน ชื่อ ร้าน แยงซีเกียง
หลังจากไปชิมมา วันนี้จึง ได้มาบอกเล่าสู่กันฟัง ลองดู review ด้านล่างนี้เลยนะครับ

สำหรับร้านนี้ จะอยู่ นิมมานเหมินทร์5 ถ้ามาจาก โรงแรมรินคำ ใช้ ถ.นิมมานเหมินทร์ วิ่งตรงไป สังเกตุ ธนาคารไทยพาณิชย์ อยู่ซ้ายมือ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปในซอยนั้นเลย ขับไปเรื่อยๆ จะเห็นร้านอยู่ทางขวามือ

ซึ่งร้านนี้เป็น เจ้าเดียวกับ ร้าน เหมยเจียง ที่ตั้งอยู่ ถนนช้างคลาน

หากใครติดใจที่ร้านเหมยเจียง...ลองมาชิมที่ร้านนี้ดูครับ

 ;D

 :)

 :)

 ;D

 :)

อยากไปเที่ยวแบบนี้บ้างจังเลย.....
เวลาที่ให้มาเหลือเฝือครับ และ เชียงใหม่มีที่เที่ยวเยอะ ขับมาเลยครับ ไม่หลงแน่นอน (หาข้อมูลสถานที่เที่ยวที่อยากไป...มีเยอะแยะเลยครับ)

ส่วนที่บอกว่าจะมา กทม.ตอนดึก เพื่อที่ จะมาถึงเชียงใหม่ แล้วเที่ยวต่อ ผมไม่แนะนำ

มาเชียงใหม่ ใช้เส้นทางสายเอเชีย หมายเลข1 ทางดีมากๆครับ ตอนนี้ บางช่วงดีจนเผลอๆ มีหลับในเพราะ ทางตรงมากๆ

โปรแกรมเที่ยวเชียงใหม่ ตามไอเดียผม นะครับ มีดังนี้

ออกจากทม.วันที่ 4 เม.ย ถึง เชียงใหม่ ตอนดึก นอนพักเอาแรง เพื่อเตรียมตัวเที่ยว ตอนเช้า

วันเสาร์ที่ 5 เม.ย  ครึ่งวันเช้า : ขึ้นไปนมัสการพระธาตุดอยสุเทพ - เที่ยวหมู่บ้านแม้วดอยปุย - พระตำหนักภูพิงค์ กลับลงมา เที่ยวสวนสัตว์เชียงใหม่ ถ้าเที่ยวเสร็จ มีเวลาเหลือ ไปเที่ยว บ่อสร้าง - สันกำแพง - น้ำพุร้อนสันกำแพง

พยายามไปถึง ไนท์ซาฟารี ประมาณ 4หรือ 5 โมงเย็น เพราะ บรรยากาศตอนนี้สวยมาก เที่ยวไนท์ซาฟารี - ชมการแสดงน้ำพุ

เสร็จจากเที่ยวไนท์ซาฟารี ถ้ามีแรงเหลือ มาช้อปปิ้ง ไนท์บาซาร์
กลับที่พัก

วันอาทิตย์ ที่ 6 เม.ย: เที่ยวเส้นทาง อ.แม่ริม อาจจะเลยไปเที่ยวถ้ำเชียงดาวก่อนก็ได้ แล้ว กลับมาเที่ยวตามเส้นทางเที่ยว อ.แม่ริม มีที่เที่ยวเยอะครับ เช่น น้ำตก ปางช้าง สวนพฤษศาสตร์ ฟาร์มงู การแสดงลิง ขับรถ ATV ฯลฯ

ตอนเย็น มาเดินถนนคนเดิน วันอาทิตย์
กลับที่พัก

วันจันทร์ ที่ 7 เม.ย : อาจจะไปเที่ยวอ่างขาง (แต่สำหรับผมแนะนำมาเที่ยวทริปต่อไปดีกว่าครับ)
หรือ มาเที่ยวเส้นทาง ไปดอยอินทนนท์ ผมว่าก็มี่ที่เที่ยวเยอะนะครับ เที่ยวได้ทั้งวัน
ขากลับอาจจะแวะหมู่บ้านถวาย ตอนเย็น ไปทานขันโตกชมการแสดงของทางเหนือ สักมื้อก็ดีนะครับ

วันอังคาร ที่ 8 เม.ย :  กลับ กทม. แวะ พระธาตูลำปางหลวง หรือ ไปนั่งรถม้าชมเมือง ลำปาง
แวะ เขื่อนภูมิพล จ.ตาก 

ส่วนวันกลับ พระธาตุลำปางหลวง แนะนำเลยครับ (อยู่ในเส้นทางอยู่แล้ว)
ส่วน พระพุทธชินราช อยู่ จ.พิษณุโลก ต้องถามว่าใช้เส้นทางไหน กลับ กทม.ครับ

ถ้าใช้เส้นเอเชีย หมายเลข 1 เที่ยว จ.ตาก , เขื่อนภูมืพล (เขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ) หรือ ไม่กลัว กลับ กทม.ดึก แวะ ไปเที่ยว อ.แม่สอด ก็ได้ครับ

ก็อย่างที่บอกนะครับ...การเที่ยวและสถานที่ ความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

ต้องถามก่อนว่า อยากไปเที่ยวที่ไหน จะได้แนะนำถูกครับ แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเชียงใหม่ ก็เช่น ดอยสุเทพ สวนสัตว์ ดอยอินทนนท์ เส้นทาง แม่ริม (มีสถานที่เที่ยวสองข้างทางเยอะ) , เส้นทาง ไปสะเมิง (ก็มีสถานที่เที่ยวเช่น พวก รีสอร์ท เยอะ และสามารถ ขับ ไปเส้นแม่ริมได้), เส้น บ่อสร้าง-สันกำแพง . เส้นทางไป อ.ฝาง ก็มีสถานที่เที่ยวเยอะ เช่น อ่างขาง
และไม่ทราบว่า เคยมาเที่ยวเชียงใหม่แล้วหรือยังครับ? เพราะบางที่แนะนำให้ก็บอกว่าเคยมาแล้ว

ถนนคนเดิน วันอาทิตย์ ต้องเดินให้ได้ครับ คนเยอะ มีการแสดงพื้นเมือง มีของที่ระลึกขาย

หรือ ถ้าจะไป เชียงราย (มีด่านแม่สาย ข้ามไปเที่ยวฝั่งพม่าได้, พระธาตุดอยตุง ฯลฯ) และ สามารถ กลับมาเชียงใหม่ได้ ครับ

มีที่จอดรถ...หลายคัน อยู่ข้างร้าน  ;D

 :)

 :)

 ;D

 ;D

 ;D

เข้าใจว่าเป็นเครื่อง โบอิ้ง 737 รุ่นใหม่ของสายการบินนกแอร์ (ซึ่งกัปตันและแอร์ยังเป็นของ สายการบิน xl) ไม่รู้ว่านกแอร์เช่ามาหรืออย่างไร?
แต่ภายในดูดีและสะอาด

เป็นภาพที่อดไม่ได้ที่จะเก็บเอามาฝาก สวยงามจริงๆครับ

เบื้องล่างเป็นทะเลเมฆ มองไปทางไหนก็สวยงาม

เป็นภาพที่สวยสดงดงามมากๆ

พระอาทิตย์ค่อยๆ โผล่พ้นขอบเมฆ

เมื่อตอนเดือนมกราคม นั่งเครื่องบินของสายการบิน นกแอร์ จาก กทม มุ่งหน้าไปยัง เชียงใหม่
โดยออกเดินทางตอนไฟลท์เช้า  ระหว่างเดินทางมองออกไปทางนอกหน้าต่างเห็นความสวยงานของพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า
โดยมีทะเลหมอก อยู่เบื้องล่าง เลยเก็บภาพประทับใจมาฝาก

กำเนิดต้นไม้สองข้างทางหลวง

                   เจ้าพระยาสุรสีหวิสิษฐ์ศักดิ์ ผู้ให้กำเนิดการปลูกต้นไม้สองข้างทางหลวง แผ่นดินสายต่างๆ เพื่อความร่มรื่นแก่ผู้สัญจรไปมา ทั้งราษฎร สัตว์ พาหนะล้อเกวียนได้พักอาศัย ท่านจะทำอย่างไรก็มีแผนการล่วงหน้าไว้เสมอไม่ใช่คิดทำตามอารมณ์ชั่วแล่น ดังผู้ใหญ่สมัยนี้ชอบทำ เช่น

                   ถนนเชียงใหม่-ลำพูน เขตเชียงใหม่ปลูกต้นยางทั้งสองฟาก ลำต้นมหึมาของต้นยางนี้จะหาไม่พบอีกแล้วแม้แต่ในป่าภาคเหนือ พอเลยเขตเชียงใหม่เข้าเขตลำพูนก็ปลูกต้นขี้เหล็กให้รู้ว่าเป็นเขตแบ่งของสองจังหวัด

                  ถนนสายเชียงใหม่-สันป่าตอง ปลูกต้นขี้เหล็ก

                   ถนนสายเชียงใหม่-ดอยสะเก็ด ปลูกต้นประดู่

                   ถนนรอบคูเมือง ปลูกต้นสักกับต้นสน
                   ถนนในเมือง ประดับด้วยต้นโอ๊คพันธ์ุเมืองหนาว
(ปราณี ศิริธร ณ พัทลุง, เพ็ชร์ล้านนา, 2507, หน้า 143-144)

                   เมื่อเข้าเขตลำพูนแล้ว ก็เปลี่ยนเป็นปลูกต้นขี้เหล็กไว้สองข้างทาง จนกระทั่งถึงเขตตัวเมืองลำพูน น่าชมทางการอยู่อย่างหนึ่งที่ใช้สีสะท้อนแสงเขียนจุดขาวกลมๆไว้ตามต้นไม้ข้างทาง ในเวลากลางคืนแสงไฟจากรถยนต์ส่องทำให้มองเห็นแนวถนนได้ถนัด นับว่าเป็นการช่วยลดอุบัติเห็นได้อย่างหนึ่ง

                   เมื่อผ่านหลักกิโลเมตรที่ 24 ก็ผ่านทางแยกเข้าไปยังสถานีรถไฟจังหวัดลำพูน ซึ่งตั้งอยู่ที่หมู่บ้านวังทองเมื่อรถแล่นตรงเข้าไปก็จะเข้าสู่เขตที่ตั้งศาลากลางจังหวัดลำพูน จะผ่านกองกำกับการตำรวจภูธรกองเมืองลำพูน ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกถนนสายลำพูน-เชียงใหม่ และเมื่อรถแล่นมาถึงประตูช้างศรีซึ่งเป็นประตูเมืองโบราณทางทิศเหนือ ก็จะมองเห็นยอดพระเจดีย์สีทองเหลืองอร่ามแต่ไกล ยอดพระเจดีย์ที่มองเห็นนั้นคือยอดพระธาตุหริภุญชัย อันเป็นมิ่งขวัญและเป็นที่เคารพสักการะ ของบรรดาพุทธศาสนิกชนทั่วไป (สงวน โชติสุขรัตน์ นำเที่ยวเชียงใหม่ 2514 หน้า 199-200)

ข้อมูลและภาพ จาก เชียงใหม่นิวส์

แม้จะเป็นแม่น้ำปิงห่าง แต่ก็ยังเป็นเส้นทางคมนาคมทางน้ำที่ใช้ติดต่อกันระหว่างเมืองเชียงใหม่กับเมืองลำพูน อารยธรรมลุ่มแม่น้ำปิงห่างยังปรากฏให้เห็นในการตั้งหมู่บ้านตลอดแนวแม่น้ำและมีวัดสร้างริมฝั่งแม่น้ำตลอดแนวแม่น้ำปิงห่าง ประมาณ 30 วัด

                   การตั้งถิ่นฐานไปตามแนวแม่น้ำปิงห่าง ทำให้เกิดเส้นทางคมนาคมทางบกเลียบแนวแม่น้ำปิงห่าง เส้นทางสายนี้เป็นเส้นทางสำคัญของการติดต่อระหว่างเมืองเชียงใหม่กับเมืองลำพูนในเวลาต่อมา และมีการพัฒนาเส้นทางขึ้นตามลำดับ ตามหลักฐานของหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ได้มีการสร้างถนนอย่างเป็นทางการขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ.2438 โดยพระยาทรงสุรเดช (อั้น บุนนาค) ข้าหลวงใหญ่มณฑลลาวเฉียง เริ่มสร้างตั้งแต่เชิงสะพานนวรัฐ เลียบแนวแม่น้ำปิงห่างที่วัดกู่ขาว จนถึงเมืองลำพูน ทำให้การคมนาคมในแม่น้ำปิงห่างขาดความสำคัญ และประชาชนได้บุกรุกเข้าอยู่อาศัยจนไม่เหลือสภาพการเป็นแม่น้ำที่สำคัญในอดีตให้เห็น ยกเว้นในบางช่วงในเขตเทศบาลตำบลอุโมงค์อำเภอเมืองลำพูน

                   ถนนสายนี้ส่วนหนึ่งสร้างบนผนังดินธรรมชาติของแม่น้ำปิงห่าง ถนนสายนี้นับเป็นถนนที่มี ความสำคัญและเป็นถนนสายแรกที่เป็นเส้นทางคมนาคมติดต่อระหว่างเมืองทั้งสอง มีการซ่อมแซมปรับ ปรุงตลอดมา โดยเฉพาะที่ระบุไว้ในหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ในปี พ.ศ.2443 พ.ศ.2448 และในปี พ.ศ.2454 ทางราชการได้นำต้นยางมาให้ชาวบ้านช่วยกันปลูกตลอดสองข้างทาง เพื่อความร่มรื่นและสวยงาม ส่วนในเขตเมืองลำพูนได้ปลูกต้นขี้เหล็ก ต้นไม้ตลอดเส้นทางของถนนสายนี้มีร่วมสองพันต้น มีการปลูกเป็นแถวอย่างมีระเบียบ มีระยะห่างกันระหว่างต้นประมาณ 10 ถึง 20 วา ตลอดเส้นทาง
                   
                   นับเป็นเอกลักษณ์คู่ถนนสายนี้ตลอดมาร่วมร้อยปีแล้ว ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา มีการขยายตัวของชุมชนเข้าสู่การเป็นชุมชนเมืองมากยิ่งขึ้น ประกอบกับการขาดการวางแผนการป้องกันระยะยาวอย่างจริงจัง โดยเฉพาะถนนสายนี้ ทำให้มีก่อสร้างอาคารร้านค้าและที่พักอาศัยใกล้ชิดติดแนวถนนและการใช้ที่สาธารณะข้างถนนโดยขาดการอนุรักษ์ต้นไม้ มองเฉพาะด้านความปลอดภัยและผลประโยชน์ของบุคคลและกลุ่มคน ทำให้จำนวนต้นไม้ลดจำนวนลงอย่างมากในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา ถ้าสภาพเหตุการณ์ยังเป็นเช่นนี้ เอกลักษณ์ของต้นยาง-ต้นขี้เหล็กที่เคียงคู่กับถนนสายเชียงใหม่-ลำพูน คงจะเหลือเป็นเพียงตำนานที่เล่าขานให้อนุชนรุ่นหลังเท่านั้น(คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมาย เหตุในคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จัดพิมพ์เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ, วัฒนธรรมพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญาจังหวัดลำพูน 2542 หน้า 275-277)
                   
                   มิสเตอร์คอลินซ์กล่าวขึ้นว่า ได้ทราบข่าวจากชาวเมืองลำพูนว่าได้ตกลงกันจะปูอิฐตลอดถนนในระหว่างเมืองลำพูนและเชียงใหม่ มิสเตอร์คอลินซ์เห็นว่าถนนสายนี้เป็นถนนดีมากถ้าจะเอาอิฐปูเข้า เข้าใจว่าจะกลับทำให้ถนนเสียลงที่ประชุมได้ปรึกษากันช้านาน พระยาศรีสหเทพจึงพูดว่า ได้ฟังเสียงในที่ประชุมเห็นกันโดยมากว่าไม่ควรจะปูอิฐตามถนนในระหว่างเมืองเชียงใหม่และเมืองลำพูน แต่ควรจะซ่อมแซมถนนให้ดีขึ้นนั้น พระยาศรีสหเทพมีความยินดีที่ได้ทราบดังนั้น ราษฎรจะได้ไม่มีความลำบากที่จะต้องทำถนน เพราะฉะนั้นจะได้ทดลองเอาอิฐปูตามถนนบางแห่งเพื่อจะได้ทราบว่าอิฐจะทนน้ำฝนได้เพียงไร และขอให้บรรดาท่านทั้งหลายที่ได้เคยไปมา ตามถนนลำพูนได้โปรดชี้แจงว่าควรจะซ่อมตอนใดบ้าง

                   มิสเตอร์เกรกกล่าวว่าชาวบ้านมักจะทำนาบนถนน ควรจะมีข้อบังคับให้เปิดทางไว้ให้คนเดินได้บ้าง

                   มิสเตอร์แฮริซชี้แจงว่าในเรื่องทำนาบนถนนนี้มิสเตอร์แฮริซได้ทราบเหตุเรื่องหนึ่งที่มีท่านผู้หนึ่งต้องเสียเงิน 15 รูเปียเพื่อเป็นค่าทำขวัญที่ต้องเดินตัดนาไป

                   พระยาศรีสหเทพจึงได้ตกลงว่าต่อไปจะได้ห้ามมิให้ราษฎรทำนาบนถนนใหญ่ แต่จะต้องเปิดทางเดินไว้ให้กว้าง 6 ฟิตเสมอ แต่ข้อที่ห้ามนี้เฉพาะแต่ถนนใหญ่ ถ้าเป็นทางเดินเล็กน้อยไม่เป็นที่ห้ามอย่างใด (หนังสือระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพเจ้าราชบุตร, 2516, หน้า 83)

                   ถนนสายเชียงใหม่-ลำพูน (สายเก่า) นี้ มีความผูกพันกับแม่น้ำปิงห่าง ต้นยาง และต้นขี้เหล็กอย่างแยกไม่ออก แต่เดิมแม่น้ำปิงตามตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ตำนานพื้นเมืองล้านนาเชียงใหม่ ชินกาลมาลีปกรณ์ จะไหลผ่านทางทิศตะวันออกของเวียงกุมกามและทิศตะวันออกของตัวเมืองหริภุญชัยและวัดอรัญญิกรัม มการาม (วัดดอนแก้ว) ซึ่งเป็นสี่มุมเมืองในสมัยพระนางจามเทวี คงอยู่ในพื้นที่ฝั่งเดียวกับตัวเมืองลำพูน ในพงศาวดารโยนกกล่าวถึงพญามังรายยึดครองเมืองหริภุญชัยได้และไปสร้างเมืองใหม่ในทางทิศอีสานของเมืองหริภุญชัยชื่อ ชะแว ได้ 3 ปี เกิดน้ำท่วมจึงไปสร้างเมืองกุมกาม แม่น้ำปิงคงเปลี่ยนทางเดินไหลผ่านเข้าในตัวเมืองหริภุญชัยและไหลผ่านหน้าวัดพระธาตุหริภุญชัยในสมัยพญามังราย ระยะทางจากเวียงกุมกามถึงตัวเมืองหริภุญชัยประมาณ 25 กิโลเมตร จนถึงสิ้นราชวงศ์มังราย
                   
                   ในสมัยท้าวแม่กุ (พระเจ้าเมกุฏิ) พ.ศ.2101 แม่น้ำปิงยังไหลผ่านทางทิศตะวันออกของเวียงกุมกามและทิศตะวันออกของตัวเมืองหริภุญชัยอยู่ แต่ในระหว่าง พ.ศ.2101 ถึง พ.ศ.2317 พม่าเข้าปกครองล้านนา เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ไม่มีการบันทึก จนถึง พ.ศ.2317 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ยกทัพขึ้นมาตามแม่น้ำปิงสายปัจจุบันนี้ ที่ไหลผ่านทิศตะวันตกของเวียงกุมกามและทิศตะวันตกของเมืองหริภุญชัย แสดงว่าแม่น้ำปิงเปลี่ยนร่องน้ำจากเดิมในช่วงที่พม่าปกครองล้านนา แม่น้ำปิงระหว่างเวียงกุมกามกับเมืองหริภุญชัยจึงกลาย เป็นแม่น้ำปิงห่าง แต่แม่น้ำปิงห่างตั้งแต่บ้านหลิ่งห้า อำเภอเมืองลำพูนไหลไปพบแม่น้ำปิงสายปัจจุบันที่อำเภอป่าซาง ยังมีน้ำจากแม่น้ำกวงไหลลงสู่ลำน้ำปิงห่างอยู่ ซึ่งปัจจุบันจึงเรียกแม่น้ำช่วงนี้เป็น แม่น้ำกวง

  นกแอร์ ขยายฝูงบินด้วย เครื่องบินเทคโนโลยีล้ำสมัย
โบอิ้ง Next-Generation 737- 800


เพื่อให้ทุกเที่ยวบินของคุณมีรอยยิ้ม นกแอร์ได้เพิ่มเครื่องบินรุ่นใหม่ โบอิ้ง Next-Generation 737-800 จำนวน 2 ลำ ที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 189 ที่นั่งเข้าประจำการที่ฝูงบินนกแอร์ พร้อมทั้งตกแต่งลำตัวเครื่องบิน ด้วยรูปแบบและสีสันสดใสสไตล์นกแอร์ ภายในห้องโดยสารจะได้รับการออกแบบตกแต่งด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายรุ่นใหม่ล่าสุด ทัศนียภาพบนเที่ยวบินของคุณจะรื่นรมย์ขึ้นด้วยหน้าต่างที่กว้างมากขึ้น ทั้งยังเพลิดเพลินตลอดการเดินทางด้วยระบบความบันเทิงที่มีพร้อมสรรพบนเครื่องบิน นอกจากนี้ ยังมีระบบการบริหารน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพ จึงช่วยลดมลภาวะของสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี

สัมผัสเครื่องบินโบอิ้ง Next-Generation 737-800 ได้แล้ววันนี้

ที่เที่ยวแนะนำ

ยอดดอยอินทนนท์      
ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของประเทศ ซึ่งคนไทยส่วนมากต้องการไปสัมผัสเพื่อเป็นประวัติของชีวิต อากาศบนยอดดอยหนาวเย็น ยามฤดูหนาวอากาศหนาวจัด มีเมฆหมอกครึ้ม บรรยากาศดังกล่าวหาได้ยาก ในประเทศไทย ต้นไม้ในบริเวณยอดดอยแตกต่างจากที่อื่นเพราะมีสภาพเป็นป่าโบราณ ตามต้นไม้มีเฟิร์น หลายชนิดและมอสจับเขียวครึ้ม พันธุ์ไม้ดอกเช่น กุหลาบป่า คล้ายกับภูกระดึง แต่สูงใหญ่กว่ามาก จนเรียกกันว่า "กุหลาบพันปี" นอกจากนี้ ยังมี ลานข้าวตอกฤๅษี ซึ่งเป็นมอสชนิดหนึ่ง ขึ้นอยู่หนาแน่นมีสีเขียว สลับสีน้ำตาลอ่อนๆ มอสชนิดนี้จะขึ้นได้เฉพาะที่สูง ความชื้นมาก และอากาศหนาวเย็นเท่านั้น และเป็นที่ประดิษฐาน สถูปบรรจุอัฐิเจ้าอินทวิชยานนท์ อดีตเจ้าเมืองเชียงใหม่

โครงการหลวงดอยอินทนนท์
ตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 31 แยกขวาเข้าไปอีก 1 กิโลเมตร ผลิตผลหลักคือไม้ดอกเมืองหนาว นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมแปลงดอกไม้และการเพาะขยายพันธุ์

พระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ
ตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 41.5 ด้านซ้ายมือสร้างถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ ในปี พ.ศ. 2530 และ พ.ศ. 2535

น้ำตกแม่กลาง
อยู่ทางทิศตะวันออกของอุทยานฯ จากถนนสายจอมทอง-อินทนนท์ ประมาณหลักกิโลเมตรที่ 8 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะถึงน้ำตกแม่กลาง

น้ำตกวชิรธาร หรือน้ำตกเมืองโยง
เกิดจากลำห้วยแม่กลางอยู่ประมาณกิโลเมตรที่ 22 ถนนสายจอมทอง-อินทนนท์ มีน้ำไหลตกจากหน้าผาสูงถึง 70 เมตร

รูปถ่าย ที่ถนนด้านข้างศาลากลางเก่า
หากท่านมาเชียงใหม่ลองมาแวะทานอาหารดูนะครับ (มีให้เลือกทานหลายร้านเต็มไปหมด) โดยเฉพาะ มื้อเช้า และ มื้อกลางวัน  ;D

จุดเด่น อีกอย่างของร้านนี้ที่ผมชอบมากก็คือ การบริการที่รวดเร็วมากๆ หากท่านมานั่ง รอเพียงไม่ถึง 1 นาที่ อาหารทุกอย่างที่ท่านสั่งจะมาอยู่ตรงหน้าของท่าน (เหมาะมากเวลาหิว ไม่ต้องรอให้เสียอารมณ์) นอกจากนี้เวลา จะขอน้ำซุป หรือ น้ำจิ้ม เพิ่ม พนักงานจะรีบมาเติมให้ท่านอย่างรวดเร็ว ผมว่าจุดนี้อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ผู้คนต่างหลั่งไหลมาทานที่ร้านนี้ โดยเฉพาะเวลารีบเร่งอย่างตอนเที่ยง คนจะเต็มร้านไปหมด

ไก่สับเป็นจาน มีให้เลือก ทานหลายรูปแบบครับ ชอบทานแบบไหนหรือ ต้องการเนื้อส่วนไหนของไก่ก็สั่งเค้าได้ครับ ในรูปผู้เขียนจะสั่งเนื้อน่อง ไม่เอามัน ไม่เอาเครื่องใน เอาแต่เลือด  อร่อยมากๆครับ

ข้าวมันไก่ ผมว่าร้านนี้ความอร่อยจะอยู่ตรงข้าวมัน นี่แหละครับ (ทานบางร้าน ข้าวมันจะไม่ได้เรื่อง เช่น ข้าวแข็ง หรือ แฉะเกินไป )

เมื่อมาทาน คนนิยมจะสั่งหมูสะเต๊ะมาทาน ก็อร่อยใช้ได้ครับ

ไก่จะแขวนเรียงรายในตู้เต็มไปหมด พอบ่ายๆ ไก่ในตู้จะหมดเกลี้ยง ::)

ป้ายชื่อร้าน ( แถวนี้จะมีร้านขายข้าวมันไก่ อยู่ใกล้กันถึง 3 ร้าน สำหรับตัวผมแล้ว ผมว่า อร่อยและ ทานได้หมดทุกร้านครับ)

รูปด้านหน้าของร้าน ;D

วันนี้จะพาไปชิม ร้านข้าวมันไก่ เจ้าเก่าเจ้าหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ และ เป็นร้านที่ใครมาเยือนเชียงใหม่ จะถามหามากที่สุดร้านหนึ่ง ร้านที่ว่า คือ ร้าน ข้าวมันไก่เกียรติโอชา

ที่ตั้งของร้าน : หาไม่ยากครับ อยู่ตรงถนนข้างศาลากลางจังหวัดเก่า ( ที่มีอนุสาวรีย์สามกษัตรย์ อยู่ด้านหน้าตึก)
ถนนสายนี้จะมีร้านอาหาร โดยเฉพาะถ้าท่านจะแวะทานมื้อเที่ยงอยู่เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยว หรือ ข้าวมันไก่ ซึ่งมีถึง 3 ร้านด้วยกัน

 ;D

เท่าที่อ่านดู แสดงว่าชอบขี่มอเตอร์ไซด์  ผมว่า เช่าขับทั้ง trip เลยก็สะดวกดีครับ (อากาศที่เชียงใหม่ช่วงนี้ไม่ร้อน ไม่มีฝนตก ขี่รับลมเย็นสบายๆ อยากแวะไหนก็แวะ ค่อยๆไป) ผมว่าก็เป็นประสบการณ์ที่ดีครับ

คนเชียงใหม่หลายๆคนก็ชอบขับมอเตอร์ไซด์ไปเที่ยว

โรงแรมธาตุคำ ลองเข้าไปดูได้ที่
http://www.teawchiangmai.com/chiangmai_hotel/tadkhamvillage/index.htm

ร้านนี้ บรรยากาศ จะมีแบบทั้ง indoor และ outdoor  แต่อยากแนะนำ ให้มานั่งทานตอนหัวค่ำบรรยากาศเยี่ยม แถมมีดนตรีขับกล่อมให้ฟังเบาๆ

มอยส์เจอร์จัดประกวดสาวๆ


                   สำหรับร้าน "มอยส์เจอร์" ในย่านนิมมาเหมินทร์มีความบันเทิงเริงใจมอบให้เป็นประจำทุกๆค่ำคืน ไม่ว่าจะเป็นเสียงเพลง ถ่ายทอดสดฟุตบอล อาหารและเครื่องดื่มซึ่งเมื่อคืนวานทางร้านยังมีการจัดรายการพิเศษให้หนุ่มๆได้เจริญตากัน กับการประกวดสาวสวย "มิสมอยส์เจอร์" ชิงเงินรางวัลหลายหมื่นบาท โดยงานนี้มีสาวสวยจากทั่วสารทิศของเมืองเชียงใหม่เข้าร่วมประกวดทั้งสิ้น 12 ท่าน แต่ละท่านก็ล้วนแล้วแต่สวยไม่แพ้กัน ทำเอาหนุ่มๆทั้งหลายที่แวะไปชมความงามร่วมโหวตกันอย่างลำบากใจไม่เบา