ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
พฤษภาคม 05, 2024, 09:09:32 PM
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: ประกาศ  โพสหัวข้อเดียวซ้ำๆ กัน รับสิทธิ์ โดนลบกระทู้ และโชคดีได้รับสิทธิ์แบนฟรี 90 วันครับ


จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2  |  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ  |  แนะนำ น้ำพุร้อน ในเชียงใหม่  |  หัวข้อ: น้ำพุร้อนเทพพนม เสน่ห์ของน้ำพุร้อนใน อ.ฮอด เชียงใหม่ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: น้ำพุร้อนเทพพนม เสน่ห์ของน้ำพุร้อนใน อ.ฮอด เชียงใหม่  (อ่าน 7561 ครั้ง)
konhuleg.
Jr. Member
**
กระทู้: 90


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: ตุลาคม 03, 2015, 10:38:45 AM »


ตอนที่1
เท่าที่ไปสัมผัสน้ำพุร้อนมา 2-3 ที่ในเชียงใหม่ พบว่าน้ำพุร้อนเทพพนม นี่แหละที่ดูเข้าเท่าที่สุดแล้วในสายตาผม ด้วยเหตุผลสั้นๆ ก็คือ มันมีความเป็นน้ำพุร้อนกว่าที่อื่นๆ ที่เคยไปมา อย่างสัมผัสได้ (แม้จะไม่ได้ลงไปอาบน้ำพุร้อน) คือไอ้ที่ผมเจอมาเนี่ย มันก็เป็นแค่บ่อเล็กๆ ที่สองที่ แล้วก็มีห้องอาบน้ำไว้ค่อยบริการ แต่ที่นี้หาเป็นแบบนั้นไม่ คือนอกจากจะมีบ่อน้ำพุเดือดปุดๆ แล้วพื้นที่บริเวณดังกล่าวยังมีบ่อน้ำพุอื่นๆ กระจายตัวอยู่ด้วย เรียกได้ว่าเดือดกันทั้งบริเวณ และก่อนจะลากยาวกันไปมากกว่านี้ ขออุบเอาไว้บางส่วน เพราะจะขอบอกใบ้เส้นทางกันก่อนครับ


น้ำพุร้อนเทพพนม จะตั้งอยู่ที่บ้านอมกุด ตำบลกองแขก อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ตอนมาผมใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 108 (เชียงใหม่-ฮอด) โดยขับรถเลยจากอุทยานแห่งชาติออบหลวงไปสักหน่อย ก็จะพบทางแยกไปอำเภอแม่แจ่มจากนั้นเลี้ยวขวาเข้ามาอีก 14 กิโลเมตร ก็จะถึงน้ำพุร้อนเทพพนมซึ่งใครมีรถยนต์ส่วนตัว ก็สามารถมาตามทางที่ผมบอกได้ ส่วนใครต้องอาศัยรถโดยสาร คาดว่าคงต้องนั่งรถเมล์จากเชียงใหม่ (เมล์สีฟ้า) มาลงที่ อ.ฮอด กันครับ แล้วจากนั้นคงต้องหารถเหมากันไปเอง หรืออาจะสอบถามชาวบ้านแถวนั้นว่ามีรถไปกันรึเปล่า หรือ ถ้าใครทรหดหน่อย หากมาจากตัวเมืองเชียงใหม่ เช่ามอเตอร์ไซค์ขับมาโลด ระยะทางก็ร่วมๆ 100 กว่ากิโลเมตร ซึ่งแม้จะปวดตูดกันพอสมควร แต่สำหรับผมถือว่าคุ้มครับ แถมก่อนถึงน้ำพุร้อนเทพพนม เรายังสามารถแวะเที่ยวที่ออบหลวงกันก่อนได้ และโชคอีกชั้นก็คือ เอาตั๋วเข้าชมจากออบหลวงมาใช้ที่น้ำพุร้อนเทพพนมได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าเข้าเพิ่ม เพราะมันเป็นพื้นที่ในส่วนของอุทยานแห่งชาติออบหลวง (ค่าธรรมเนียมเข้าชม 20 บาท)


เล่าเรื่องก่อนเดินทางมา ตามจริงกะจะติดสอยห้อยตามมากับชาวบ้านเขาครับ ชาวบ้านที่ว่าก็คือ เป็นกลุ่มนักเรียนนานาชาติที่ผมเจอที่ออบหลวงและได้เดินเที่ยวป่าด้วยกันพวกเขาบอกว่ามีโปรแกรมจะมาต่อกันที่นี้หลังเสร็จสิ้นเที่ยวจากออบหลวง แต่กว่าจะพากันมา ผมก็เห็นพากันนั่งปิกนิกกันกลุ่มใหญ่ และท่าจะนาน ว่าแล้วก็เลยขอตัวขับมอเตอร์ไซค์มาก่อน และถ้ามีบุญพาวาสนา คงได้เจอกันอีกที่น้ำพุร้อนเทพพนม


เมื่อมาถึงน้ำพุร้อนเทพพนม ผมกะจะควักตังค์เพื่อจ่ายค่าธรรมเนียม แต่อย่างที่ได้บอกไป เมื่อเราจ่ายค่าธรรมเนียมที่ออบหลวงมาแล้ว มาถึงที่นี้ก็แค่ควักตั๋วมาแสดงตัวว่าเราจ่ายเงินมาจากที่นู้นกันแล้วนะ จากนั้นก็ค่อยๆ เดินตัวลอยเข้าไปเที่ยวยังภายในน้ำพุร้อนเทพพนมกันครับ


เดี๋ยวตอนหน้าจะมาเล่าต่อ ขอบอกว่ามีหลายเรื่องที่อยากจะเล่า


บันทึกการเข้า
konhuleg.
Jr. Member
**
กระทู้: 90


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: ตุลาคม 05, 2015, 09:29:06 AM »


ตอนที่2
เข้ามาถึงกันบริเวณด้านใน เป็นไปตามคาด ที่ไม่ค่อยจะมีนักท่องเที่ยวกันมากนัก เทียบกับน้ำพุร้อนที่สันกำแพงแล้ว ที่นั้นแลดูจะคึกคักกว่าหลายขุม แต่นั้นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไรกับผม เพราะผมมาเที่ยวไมได้เกี่ยวว่าคนจะเยอะหรือว่าน้อย ขอแค่สถานที่เที่ยวมันสวยงามเป็นพอใช้ได้


นับนิ้วไล่ดูเห็นจะมีแค่กลุ่มเด็กวัยรุ่นอยู่ 5 -6 คนมาถ่ายภาพเล่น ออกแนวพวกฮิปสเตอร์อะไรเทือกนั้น เมื่อดูจากการแต่งตัว นี่ถ้าอากาศช่วงนี้หนาว ผมคงคิดว่าตัวเองอยูที่ญี่ปุ่นเป็นแน่แท้ เพราะจากสภาพแวดล้อมของน้ำพุร้อน กับเด็กๆ วัยรุ่นกลุ่มนั้น ที่ทำตัวเข้ามาประกอบฉากประหนึ่งกำลังอยู่ในแดนปลาดิบ


น้ำพุร้อนเทพพนม เป็นน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดินกันครับมีอุณหภูมิของน้ำอยู่ระหว่าง 30 ถึง 90 องศาเซลเซียส ลักษณะโดยสังเขปเป็นพื้นที่โล่งมีบ่อน้ำร้อนกระจายอยู่โดยรอบ โดยมีบ่อน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง ซึ่งน้ำร้อนแต่ละบ่อมีความร้อนแตกต่างกันไป



น้ำพุร้อนแห่งนี้ ลักษณะทางธรณีวิทยา มีก้อนหินมนใหญ่ของแร่ควอรตซ์ และหินไบโอไทต์ไนส์ หินชีสต์ หินฟิลไลต์ และหินชนวน อายุไซลูเรียน-ดีโวเนียน ส่วนลักษณะทางกายภาพ น้ำพุร้อนมากกว่า 15 บ่อ เป็นชนิดบ่อน้ำร้อนและบ่อน้ำซึม วางตัวเป็นแนวเหนือ-ใต้ ตามแนวรอยเลื่อน ไหลรวมกันเป็นธารน้ำร้อนลงสู่ น้ำแม่แจ่มและลักษณะทางเคมี พบก๊าซผุดขึ้นมากับน้ำพุร้อนเป็นจำนวนมาก มีกลิ่นกำมะถันรุนแรง พบแร่แปรสภาพพวก ซิลิกา เหล็ก คาร์บอเนต


สำหรับภายในบริเวณน้ำพุร้อนนั้น มีพื้นที่สร้างไว้สำหรับเดินชมตามบ่อน้ำร้อนตามจุดต่างๆในบริเวณ ซึ่งมีลักษณะเดินรอบเป็นวงกลมระยะประมาณ 400 เมตร เป็นพื้นราบ บริเวณตรงกลางของทางเดินจะเป็นบ่อน้ำแร่ขนาดใหญ่ สีของน้ำจะเป็นสีเขียวมรกต ซึ่งตรงจุดนี่ถือว่าเป็นจุดที่สวยที่สุดของน้ำพุร้อนกันครับ และมันก็ทำให้น้ำพุร้อนแห่งนี้ สวยและมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร เหมือนๆ กับหลายๆ ที่ก่อนหน้านี้ที่ผมไปมาแล้วถ้าไม่หาว่าโอเวอร์ บางอารมณ์ยังคิดว่านี่มันยังกับญี่ปุ่นชัดๆ (ไม่เคยไปหรอก ฮ่าๆๆ)


ตามเส้นทางเดินชมบ่อนำพุร้อนนั้นระหว่างเดินจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอของแร่ต่างๆ รวมทั้งความร้อนจากตัวน้ำพุกันครับ ซึ่งผมคิดว่า ถ้ามาเที่ยวในช่วงหน้าหนาว คงจะเป็นอะไรที่เข้าท่ากันสุดๆ เลยทีเดียว


ส่วนตอนหน้า ซึ่งเป็นตอนสุดท้าย จะมาเล่าปิดท้ายถึงเรื่องราวของน้ำพุร้อนแห่งนี้กันครับ เพราะรู้สึกว่ายังค้างคากันอยู่ 2-3 เรื่องอยู่ในหัว แต่ยังคิดไม่ค่อยออก

บันทึกการเข้า
konhuleg.
Jr. Member
**
กระทู้: 90


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: ตุลาคม 06, 2015, 09:48:40 AM »


ตอนที่ 3
หลังจากใช้เวลานั่งระลึกชาติอยู่พอสมควร ก็นึกได้ว่าเรื่องที่จะเขียนถึง คือเรื่องต้มไข่ครับ


นี่ไม่ได้พูดเอาฮากันนะครับ พูดเป็นจริงเป็นจังเลยล่ะ เพราะจากที่ไปเที่ยวน้ำพุร้อนแถวสันกำแพงมา กิจกรรมต้มไข่กินที่น้ำพุร้อนดูจะเป็นอะไรที่ฮอตฮิตกันเหลือเกิน บางคนผมเห็นเตรียมตัวกันมาตั้งแต่อยู่บ้านเลย เผลอๆ ข้าวไม่กินกันมาด้วยซ้ำ แต่มาต้มไข่กินที่น้ำพุร้อนกันเอา


วิเคราะห์จากสาเหตุหลัก เหตุที่กิจกรรมต้มไข่ที่น้ำพุร้อนได้รับความนิยม คือ มันเป็นความรู้สึกร่วมของการกินและการต้มไข่นอกบ้าน มันไม่ใช่การต้มแบบธรรมดา แบบโยนใส่หม้อแล้วเปิดแก๊สนั่งกระดิกเท้ารอ 5 นาที แต่มันเป็นการต้มในบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ ซึ่งใช้เวลานานกว่านิดหน่อย ตรงนี้แหละที่เป็นจุดสำคัญ เวลากินมันเลยรู้สึกว่าอร่อยกว่าต้มกินอยู่ที่บ้านกันครับ ทั้งๆ ที่จริง รสชาติมันก็แทบจะไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก


ไหนๆ พูดถึงเรื่องต้มไข่ที่น้ำพุร้อนแล้ว ใครที่อยากจะต้มไข่ที่น้ำร้อนเทพพนมต้องเตรียมไข่และอุปกรณ์ไปเองกันนะครับ เพราะที่นี้ผมเห็นไม่มีไข่ และตะกร้าเอาไว้ให้บริการ และเท่าที่เห็นแลดูจะมีตะกร้าเอาไว้ต้มอันเดียว ซึ่งน่าจะเป็นของส่วนกลางนั่นแหละ


ส่วนบริการอาบน้ำแร่นั้น จะอยู่ในส่วนของบริเวณด้านหลังถัดเข้าไปด้านใน โดยจะมีแบ่งแยกไว้เป็นห้องๆ แบบส่วนตัว เป็นหลัง ซึ่งให้ความเงียบสงบความเป็นส่วนตัวดีมาก ค่าบริการลองสอบถามเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่กันได้ครับ ส่วนช่วงเวลาในการอาบน้ำแร่ที่ร้อนๆ คงเป็นในช่วงฤดูหนาวกันนี่แหละน่าจะเข้าท่าที่สุด นอกจากน้ำแร่อาบแล้วจะทำให้อุ่น ยังทำให้สุขภาพดีขึ้นสามารถรักษาและบรรเทาอาการบางอย่างที่เป็นสาเหตุของโรคต่างๆ ประโยชน์คร่าวๆ ก็ช่วยบรรเทาอาการปวดกระดูก ปวดกล้ามเนื้อ ช่วยให้โลหิตในร่างกายหมุนเวียนได้ดีขึ้นและช่วยลดความเครียดทั้งร่างกายและจิตใจช่วยขยายหลอดเลือดทำให้ระบบเผาผลาญในร่างกายดีขึ้นช่วยขับสิ่งอุดตันใต้ผิวหนังและรูขุมขนทำให้ผิวหนังสะอาดบำรุงผิวพรรณให้สดใส และช่วยในการดูดซึมแลกเปลี่ยนออกซิเจนและกลูโคสระหว่างเส้นเลือดฝอยและเนื้อเยื่อในส่วนต่างๆ ของร่างกายกันครับ


ถึงเวลาของช่วงส่งท้าย น้ำพุร้อนเทพพนม จัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวท่ามกลางธรรมชาติอีกแห่งหนึ่งที่น่าสนใจ ซึ่งหากใครได้ผ่านเดินทางมาทางนี้ ซึ่งเป็นทางผ่านของสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระหว่างอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ และอุทยานแห่งชาติออบหลวง หากวางแผนเที่ยวว่าจะมาเที่ยวอุทยานทั้งสองแห่งนั้น น้ำพุร้อนเทพพนมก็สมควรจะถูกยัดเพิ่มใส่ลงไปในโปรแกรมด้วย ในฐานะที่มันเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่น่าสนใจ และมีเสน่ห์อยู่ในตัวไม่เบากันครับกระผม
บันทึกการเข้า
tyu2
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 24, 2017, 12:16:04 PM »


อยากไปๆๆ
บันทึกการเข้า
jijira
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2019, 02:22:31 PM »


น่าเที่ยวมากๆคะ >>
 :01:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 29, 2019, 09:34:42 AM โดย TripChiangmai » บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ขึ้นบน พิมพ์ 
จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2  |  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ  |  แนะนำ น้ำพุร้อน ในเชียงใหม่  |  หัวข้อ: น้ำพุร้อนเทพพนม เสน่ห์ของน้ำพุร้อนใน อ.ฮอด เชียงใหม่ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  




Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.5 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.063 วินาที กับ 21 คำสั่ง