จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2

เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ => แนะนำ เขื่อน อ่างเก็บน้ำ ในเชียงใหม่ => ข้อความที่เริ่มโดย: konhuleg ที่ พฤษภาคม 09, 2015, 09:55:01 AM



หัวข้อ: โบกรถเที่ยวเขื่อนแม่กวง ฉบับเต็ม
เริ่มหัวข้อโดย: konhuleg ที่ พฤษภาคม 09, 2015, 09:55:01 AM
“ต่อให้เราวางแผนดีแค่ไหน บางทีก็จำเป็นต้องมีแผนเอาไว้สำรอง”

ผมพาตัวเองมาท่องเที่ยวแบบตัวเองลำบากกันอีกรอบ ช่วง 4 – 5 เดือนหลังมานี่มีแต่อะไรให้ลุ้นระทึกอยู่เสมอ ไล่ไปตั้งแต่อาจหาญขึ้นดอยขุนตานคนเดียวตอนดึก เที่ยวถ้ำผาต๊ะแบบระทึกที่แม่ริม ถูกขังไว้ในถ้ำเมืองออน จนเกือบจะได้นอนค้างคืนที่นั้น และล่าสุดก็ได้โบกรถมาเที่ยวเขื่อนแม่กวงเอา แบบไม่เคยนึกคิดกันมาก่อน

เรื่องมันเริ่มจากในบ่ายหนุ่มๆ วันหนึ่งผมก็บิดมอเตอร์ไซค์พร้อมกล้องถ่ายรูปมุ่งหน้ามายังดอยสะเก็ด เป้าหมายในวันนั้นคือมาหาถ่ายรูปวัดและตอนเย็นก็มาลงท้ายด้วยการไปเก็บภาพพระอาทิตย์ตกที่เขื่อนแม่กวง

เหตุการณ์หักเหไม่เป็นไปตามที่คิดเอาไว้ ระหว่างทางมอเตอร์ไซค์เกิดยางรั่วถึงขั้นต้องเปลี่ยนยางนอก และต้องเสียค่าใช่จ่ายเกือบพัน แต่วันนั้นผมดันพกตังค์ไปน้อย เลยทำการเจรจากับร้านซ่อมว่าเดี๋ยววันหลังมาจ่ายให้ แต่ถ้าร้านก็ไม่ยอมเพราะกลัวผมเบี้ยว อิดออดค่าจ่าย สุดท้ายร้านเลยเสนอให้ผมนั่งรถสองแถวกลับเข้าในเมืองไปเอาตังค์ซะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาเอารถที่ซ่อมไว้ให้ หรือผมจะเลือกนั่งรถสองแถวเข้าไปยังตัวเขื่อนต่อก็ได้ ถ้ายังจะอยากไป แต่ขากลับมันจะไม่มีรถกลับมา เพราะหารถยาก

ผมดีดลูกคิดคำนวณอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายเลยเลือกอย่างหลังเพราะอยากลุย ว่าแล้วก็เลยยืนโบกรถสองแถวที่จะมุ่งหน้าไปยังดอยสะเก็ด แถวบ้านบ่อหิน บอกลุงคนขับว่าจะไปเขื่อนแม่กวงครับ

ยืนรอรถไม่ถึง 5 นาที รถสองแถวคันสีเหลืองก็มาจอดรับผมมุ่งพาไปยังตัวเขื่อนตอนเกือบจะห้าโมงเย็น ลัดเลาะเข้าไปยังเส้นทางเดียวกันที่เข้ามายังวัดศรีมุงเมือง ที่เป็นวัดไทลื้อ ผ่านหลากหลายหมู่บ้าน จนสุดท้ายก็มาทะลุยังปากทางที่จะเข้าไปยังเขื่อนแม่กวงกัน

ลุงถามผมว่าจะให้ไปส่งตรงไหน ผมเลยบอกให้แกไปส่งตรงท่าเรือที่มีร้านอาหารครับ ซึ่งเมื่อผ่านด่านเข้าไปยังตัวเขื่อนแล้ว จะขับแยกขวาขึ้นไปยังตัวสันเขื่อน แต่ถ้ามุ่งตรงขึ้นไปเรื่อยๆ ตรงนั้นจะเป็นแค่จุดชมวิวเฉยๆ (ไว้จะมาเล่ากันอีกรอบ ว่าบรรยากาศทั้งสองส่วนเป็นไง ต่างกันตรงไหนบ้าง)

ควักตังค์จ่ายค่าโดยสารให้แกไป 50 บาท ก่อนกลับลุงถามว่าจะกลับยังไง ผมเลยบอกแกไปว่าเดี๋ยวโบกรถลงมาก็ได้ ไม่ต้องห่วง พอสิ้นเสียงบทสนทนาระหว่างชายหนุ่มต่างวัยทั้งสองคน ต่างคนต่างก็แยกย้ายไปทำภารกิจของใครของมัน

โดยที่ภารกิจของผมนั้น คือการมาเที่ยวถ่ายรูปเขื่อนแม่กวง แล้วตอนกลับต้องโบกรถหาวิธีกลับเอาเอง



หัวข้อ: Re: โบกรถเที่ยวเขื่อนแม่กวง #1
เริ่มหัวข้อโดย: Trip2555 ที่ พฤษภาคม 14, 2015, 09:29:18 AM
สวยจับใจ  :16:


หัวข้อ: Re: โบกรถเที่ยวเขื่อนแม่กวง #1
เริ่มหัวข้อโดย: DDjung ที่ พฤษภาคม 14, 2015, 10:28:34 AM
ทำไม น้ำแห้งจัง  914


หัวข้อ: Re: โบกรถเที่ยวเขื่อนแม่กวง #1
เริ่มหัวข้อโดย: konhuleg ที่ กันยายน 20, 2016, 04:34:39 PM
เขื่อนแม่กวง ผิดคาดกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ คือหมายถึงผมไม่ได้ผิดหวังในตัวมัน เพียงแต่อะไรที่ผมคิดไว้ แต่แรกมันไม่ใช่ภาพที่วาดไว้ในหัวทั้งหมด

อย่างแรกที่ผมคิดคือ คิดว่าร้านอาหารต้องมีเยอะ ต้องมีแพให้เช่าค้างคืน บรรยากาศต้องคึกคักกว่านี้ น้ำไม่น่าจะลดเยอะ และอื่นๆ อีกสารพัด เอาเป็นจะค่อยๆ เล่าไป กันทีละสเต็ปก็แล้วกัน

จากจุดที่ลุงขับสองแถวมาจอดส่งผมตรงท่าเรือ (และเป็นร้านอาหาร) ผมสับตีนลงมาด้านล่างตรงที่เป็นท่าเรือ ซึ่งจะมีถนนขนาดเล็กพอให้รถกระบะ 4X4 วิ่งลงมาได้ รถมอเตอร์ไซค์ รถยนต์อย่างอื่น ไม่แนะนำให้ขับลงมา เพราะทางมันระห่ำพอสมควร

ระหว่างทางเดินลงมาจะเห็นได้เลยว่าน้ำในเขื่อนแม่กวง ลดลงไปมากจนแห้งแล้งอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2558 บอกว่า เขื่อนแม่กวง เหลือน้ำเพียง 37 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นเพียงร้อยละ 14 ของความจุอ่าง โดยน้ำในเขื่อนแม่กวงนั้น เก็บไว้เพื่อนำไปผลิตน้ำประปาของเมืองเชียงใหม่เป็นหลัก ซึ่งมีการส่งน้ำแต่ละวันมากกว่า 30,000 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้น แต่ไม่สามารถปล่อยน้ำใช้เพื่อการเกษตรโดยเฉพาะข้าวนาปรังได้แล้ว

ผมใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาทีก็เป็นอันว่าถึงตรงท่าน้ำ ตรงนี้จะมีเหลืออยู่หลายลำจอดไว้ ซึ่งก็มีทั้งให้บริการพาล่องชมเขื่อน ตกปลา เรื่องรายละเอียดต่างๆ ต้องถามร้านหารตรงปากทางที่ผมเดินลงมาครับอันนี้ ราคาเท่าที่ทราบมาจากการเสิร์ชในเน็ต เห็นบอกว่า 400 บาท นั่งได้ประมาณ 8 คน

ไหนๆ ก็เล่าไปถึงเรื่องร้านอาหารแล้ว ก็ขอเล่าต่อเลยล่ะกันว่าเว็บน้าอ้วนชวนหิวแนะนำร้านอำไพบริการมาครับ ปลาทับทิ่มนึ่งบ๊วย ทับทิมทอดสมุนไพร ต้มยำปลา เป็นเมนูที่ต้องสั่ง ส่วนจะอร่อยจริงอร่อยจังขนาดไหน ไว้ไปลองกันดู

กลับมาที่บรรยากาศเขื่อนตรงท่าน้ำกันบ้าง ผมเดินสำรวจหามุมเหมาะๆ ถ่ายรูปไปเรื่อยล่ะครับ โดยเลือกเอามุมที่คิดว่าสวยที่สุด ในช่วงพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน แถวนั้นวันที่ผมไป ที่ว่าเงียบสงบมาก ไม่มีใครตรงนั้นเลย จะเห็นมีคนก็แค่ตรงท่าเรืออื่นๆ ซึ่งอยู่ถัดไปจากผมราวๆ ซัก 1 กิโลเมตร
หกโมงเย็น วิวกำลังสวยได้ทีเลยเชียว พระอาทิตย์ฉายแสงลงมากระทบกับพื้นน้ำในเขื่อนเป็นสีทอง มีฉากหลังเป็นภูเขาสลับซับซ้อนกันหลายลูก จนมีความรู้สึกว่าวิวแบบนี้ช่างคล้ายกันกับที่แก่งกระจาน ตรงสันเขื่อน เพียงแต่อาจจะต่างกันตรงที่ เขื่อนแม่กวง น้ำมันแห้งและน้อยไปหน่อยก็เท่านั้น

แล้วไว้ตอนหน้าจะพามาทำความรู้จักกันในเชิงวิชาการว่าเขื่อนแม่กวง มีความเป็นมากันยังไง


หัวข้อ: Re: โบกรถเที่ยวเขื่อนแม่กวง #1
เริ่มหัวข้อโดย: konhuleg ที่ กันยายน 20, 2016, 04:38:06 PM
จากนี้ไปคือโหมดแห่งความเป็นสาระบ้าง ประเดี๋ยวจะได้มีความรู้ติดตัวกัน จากนั้นเราค่อยไปลุยกันต่อกับส่วนบรรยากาศอื่นๆ ในวันที่ผมไปเที่ยว

เขื่อนแม่กวงอุดมธารา เป็นเขื่อนดินถมบดอัดแน่น สูง 68 เมตร สันเขื่อนยาว 610 เมตร สร้างปิดกั้นลำน้ำแม่กวง นอกจากนั้นยังได้ก่อสร้างเขื่อนดินปิดช่องเขาขาดด้านฝั่งขวาสูง 42 เมตร สันเขื่อนยาว 640 เมตร และ เขื่อนดินปิดช่องเขาขาดด้านฝั่งซ้ายอีกแห่งหนึ่งสูง 54 เมตร สันเขื่อนยาว 655 เมตร สามารถเก็บกักน้ำในอ่างด้านเหนือเขื่อนได้ประมาณ 263 ล้านลูกบาศก์เมตร มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเฉลี่ยปีละ 186 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่งน้ำให้พื้นที่เพาะปลูก 13 ตำบล ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ และลำพูนประมาณ 175,000 ไร่

เขื่อนแม่กวง เกิดจากแผนพัฒนางานชลประทานในลุ่มน้ำแม่กวง ได้ริเริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. 2472 โดยได้ก่อสร้างฝายผาแตก ขึ้นที่ดอยลอง บ้านผาแตก เมื่อ พ.ศ. 2478 ต่อมากรมชลประทานได้ปรับปรุงฝายใหม่ สามารถส่งน้ำให้แก่พื้นที่เพาะปลูกได้ 72,750 ไร่

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2519 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรบริเวณที่จะก่อสร้างเขื่อนแม่กวงอุดมธาราแห่งนี้ ได้พระราชทานพระราชดำริให้กรมชลประทาน ศึกษาการพัฒนาลำน้ำสาขาของลำน้ำแม่กวง และจัดหาที่ดินทำกินใหม่ให้แก่ราษฎร ซึ่งพื้นที่ทำกินดังกล่าวจะถูกน้ำท่วมหลังการก่อสร้างเขื่อน

คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้กรมชลประทานเริ่มงานเบื้องต้น เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 กรมชลประทานจึงได้ขอความช่วยเหลือกู้เงินจากรัฐบาลญี่ปุ่นในการศึกษาโครงการออกแบบและก่อสร้าง และต่อมาคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้กรมชลประทานก่อสร้างเขื่อนแม่กวงอุดมธาราเมื่อ พ.ศ.2529 งานก่อสร้างตัวเขื่อนและอาคารประกอบจึงได้เริ่มเมื่อ พ.ศ. 2531 และเสร็จสมบูรณ์ทั้งโครงการใน พ.ศ. 2536 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อ เขื่อนเก็บกักน้ำโครงการชลประทานแม่กวงให้กับกรมชลประทาน ทรงพระราชทานชื่อ ว่า “ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา” เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2538

กลับมาที่บรรยากาศตรงท่าน้ำกันอีกรอบ หลังจากเสพความงามของธรรมชาติไปจนพระอาทิตย์ตกดิน และมืดสนิท ผมก็ค่อยๆ เดินพาตัวเองออกมาจากตรงเขื่อน เพื่อโบกรถกลับตอนทุ่มกว่าๆ

ทุ่มกว่าๆ แหม นี่ชิลมากเลยนะ ทำยังกับขับรถมาเองจะกลับตอนไหนก็ได้ ฮ่าๆๆ

ผมเดินจากสันเขื่อนกันมาเรื่อย รอคอยว่าจะมีใครซักคน รถซักคันแวะจอดรับ เดินมา 20 นาที จนถึงด้านตรวจของเขื่อนปรากฏว่า รถผ่านไป 5 – 6 คัน โบกแล้วดันไม่มีใครจอด

ความหวังยังไม่มลายสิ้น ทุ่มกว่าๆ ผมยังเดินต่อไปจากด่านตรวจของเขื่อนออกมาข้างนอก แม่เจ้าแถวนี้มืดและเปลี่ยวมาก จำนวนที่รถวิ่งผ่านเริ่มลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะมันเริ่มดึก ความกังวลเริ่มก่อตัวขึ้น เอาละว่ะ ทำไงดีถ้ามันไม่มีรถจอดให้ไปด้วยซักคัน

จากตอนแรกจะสนุก รู้สึกตอนนี้ชักจะไม่สนุกแล้วครับพี่น้อง



หัวข้อ: Re: โบกรถเที่ยวเขื่อนแม่กวง #1
เริ่มหัวข้อโดย: konhuleg ที่ กันยายน 20, 2016, 04:40:01 PM
เวลานั้นอยู่ช่วงราวๆ สองทุ่ม ผมเดินจากจุดด่านตรวจของเขื่อนแม่กวง จนมาถึงแยกระหว่างจะไปเขื่อนกับวังธาร รีสอร์ท ด้วยความเมื่อยล้าจากการเดิน เลยนั่งพักเอาแรงซักหน่อย ถ้ามีรถวิ่งผ่านมาค่อยเดินไปโบก แต่ก่อนจะโบกต้องลุ้นกันก่อนว่า จะมีรถวิ่งมารึเปล่า

และแล้วพระเจ้าก็เข้าข้างผม แค่คันแรก โบกแล้วก็จอดทันที เป็นรถกระบะสองตอน มีคุณลุงกับคุณป้าในอยู่ในรถ ถามผมว่าจะไปไหน ผมเลยบอกจะไปในตัวเมืองเชียงใหม่ครับ เป็นอันว่าตกลง ลุงแกอนุญาตให้ผมนั่งรถไปด้วย

ขี่ไปนั่งบนรถเสร็จก็ถามไถ่ที่มาที่ไป ว่าเป็นยังไงผมถึงมายื่นโบกรถแบบนี้ ไอ้ผมก็เล่าๆ ไปแบบรวบรัดล่ะครับ ว่ามาเที่ยวถ่ายรูป รถเสีย เลยโบกรถมาเที่ยวเอา ส่วนลุงกับป้าสองคน แกเป็นเจ้าของร้านอาหารที่เขื่อน และก็เพิ่งกลับออกมาจากเขื่อน บ้านอยู่หลังสถานีตำรวจดอยสะเก็ด และที่แกจะไปส่งผมได้ ก็คือแค่ถึงในตัว อ.ดอยสะเก็ดเท่านั้น จากนั้นผมค่อยหารถโดยสารกลับเอา

10 นาที เป็นอันว่าถึงตัว อ.ดอยสะเก็ด ผมร่ำลาแก และขอบพระคุณเป็นอย่างมากที่มาส่ง จกานั้นที่เหลือผมก็มายืนคอยลุ้นรถโดยสารเอาว่าจะมีรถเข้ามายังตัวเมืองมั้ย

ยืนคอยอยู่ 20 นาที คิดว่าคงไม่มีแล้วล่ะ เพราะมันจะสามทุ่ม สุดท้ายผมเลยตัดสินใจเดินออกมาตรงทางแยกถนนใหญ่ (ถนนเส้นเชียงใหม่ – ดอยสะเก็ด) เพื่อโบกรถจะเข้าไปในตัวเมือง

เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมงถ้วนๆ ผมยืนโบกรถตรงนั้นอยู่ประมาร 40 คัน เห็นจะได้ ปรากฏว่าไม่มีรถซักคันที่จะจอดให้ คราวนี้เรียกว่าซวยของจริงแล้วครับพี่น้อง ตอนนั้นก็เริ่มจะดึกมาก เพราะมันปาไปสี่ทุ่ม แน่นอนว่ายิ่งดึก อัตราการที่รถจะจอดรับเรายิ่งต่ำลง และเมื่อบวกกับเป็นถนนเส้นใหญ่รถวิ่งเร็ว นั้นคนขับเลยแทบจะไม่มองเลยว่า ใครจะมาโบกรถแถวนั้น หรือถึงเห็นก็คงไม่จอดอยู่ดี เพราะเสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิต เนื่องจากไม่รู้ว่าผมจะเป็นมิจฉาชีพรึเปล่า

โครงการโบกรถเที่ยวของผมกำลังจะล่มสลาย แบตเตอรี่โทรศัพท์กำลังจะหมด สุดท้ายผมเลยตัดสินใจยกเลิกความเสี่ยงและความมันส์ทั้งหมด ด้วยการโทรหาน้องที่รู้จักกันให้มันมารับ

“ฮัลโหล พี่อยู่ไหน ผมอยู่ ม.พายัพ เดี๋ยวผมไป 15 นาที เจอกัน” เสียงปลายสายบอกับผมแบบนั้น

ผม (คิดในใจ) “ถ้ากูโทรบอกมันแต่แรก ป่านนี้คงนอนดูทีวีที่บ้านสบายใจ ไม่ต้องมาลำบากอะไรแบบนี้ตั้งแต่ต้น”

แต่ก็นั่นแหละ ไอ้ผมมันชอบเสพติดความเสี่ยง


หัวข้อ: Re: โบกรถเที่ยวเขื่อนแม่กวง #1
เริ่มหัวข้อโดย: konhuleg ที่ กันยายน 20, 2016, 04:41:47 PM
หลังจากเหน็ดเหนื่อยและเมื่อยล้าจากเมื่อวาน วันต่อมาผมต้องมาเอารถที่ฝากไว้ร้านซ่อมที่ดอยสะเก็ดกัน และก็แน่นอนว่า เมื่อได้รถเสร็จ ผมจะไปเขื่อนแม่กวงกันอีกรอบ!

ถามว่าไปทำไม ในเมื่อเมื่อวานก็เพิ่งไปมา

คำตอบคือ ก็เมื่อวานมันยังสำรวจไม่หมดกันไงครับ

บ่ายสอง ผมต้องหอบสังขารตัวเองนั่งรถสองแถวจากกาดกลวงมาดอยสะเก็ด ในสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว ความรู้สึกตอนนั้นรู้สึกหงุดหงิดหน่อยๆ เพรามีหลายเรื่องปนกันทั้งเรื่องที่ต้องเสียเวลาตั้งแต่เมื่อวาน รวมทั้งเรื่องช่างซ่อมมอเตอร์ไซค์ที่ทำให้ผมหงุดหงิด ที่สุดถึงขั้นอยากกระโดดถีบหน้า

จากเวลาบ่ายสองนั่งรถสองแถวมาเป็นชั่วโมงจนถึงร้านซ่อมรถ เคลียร์เรื่องค่าใช้จ่ายเสร็จ ก็ได้ฤกษ์มาเขื่อนแม่กวงอีกครั้ง เพื่อตามเก็บส่วนที่เหลือ ซึ่งส่วนที่เหลือที่ผมต้องไปเก็บภาพนั้นก็คือจุดชมวิวอีกฝั่งของเขื่อนแม่กวงครับ

จากจุดด่านตรวจของเขื่อน เรามุ่งหน้าขับรถขึ้นไปเรื่อยๆ ตามป้ายนำทางเลยครับ ก็จะถึงจุดชมวิว ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ทางบางช่วงมีลาดชัน แต่ไม่เป็นอุปสรรคเท่าไร

ตรงจุดนี้จะเป็นจุดชมวิวของเขื่อนครับ ฝั่งขวามือเป็นถนน ฝั่งซ้ายเป็นสันเขื่อน แต่ทั้งสองฝั่งที่ว่าถูกปิดกั้นไว้ห้ามให้คนเข้า ฉะนั้นมาตรงนี้ เราก็แค่มาเสพวิวกันล้วนๆ

จากสภาพภูมิประเทศ จะเห็นได้ว่าเป็นตัวเขื่อนขนาดใหญ่ที่ปิดกั้นหุบเขาสูง มีอ่างเก็บน้ำเสมือนทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่โอบล้อมด้วยทิวเขาและป่าเขียวขจี เป็นที่กักเก็บลำน้ำกวง อันเป็นลำน้ำสาขาใหญ่สาขาหนึ่งของแม่น้ำปิง มีต้นน้ำอยู่บริเวณเทือกเขาในท้องที่อำเภอดอยสะเก็ด ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัดเชียงใหม่ เขตติดต่อกับจังหวัดเชียงราย    โดยลำน้ำนี้ไหลผ่านท้องที่ อำเภอดอยสะเก็ด อำเภอสันทราบ อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน โดยไหลลงสู่แม่น้ำปิงที่บ้านสบทา อำเภอป่าซางจังหวัดลำพูน

ทั้งนี้ แหล่งน้ำภายในเขื่อนนั้นใช้เป็นแหล่งเพาะและบำรุงพันธุ์สัตว์น้ำจึงเป็นแหล่งประมงที่สำคัญของ จังหวัดชียงใหม่อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งโครงการชลประทานแม่กวง ได้ขอพันธุ์ปลาน้ำจืดมาปล่อยในอ่างเก็บน้ำตั้งแต่ พ.ศ. 2536 ทำให้ปลาที่นำมาปล่อยนี้นอกจากจะเป็นอาหารที่มีคุณค่าสำหรับชาวบ้านในท้องถิ่นแล้ว ยังได้ทำการประมงเป็นอาชีพเสริมด้วย

สรุปข้อมูลส่งท้ายกัน มาเขื่อนแม่กวง กิจกรรมมีให้ทำก็คือ มารับประทานอาหารริมเขื่อน ล่องเรือชมวิวทิวทัศน์ และมาชมวิวตรงบริเวณสันเขื่อนตอนเย็นๆ

สำหรับรีวิวนี้ ขอกล่าวคำว่า “สวัสดี” แบบตอนจบหนังไทยสมัยก่อนครับ


หัวข้อ: Re: โบกรถเที่ยวเขื่อนแม่กวง ฉบับเต็ม
เริ่มหัวข้อโดย: auto ที่ กันยายน 24, 2016, 09:49:27 AM
สวยครับ