จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2

เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ => คุยเรื่อง ดอยอินทนนท์ => ข้อความที่เริ่มโดย: Traveller Freedom ที่ กรกฎาคม 20, 2016, 02:30:27 PM



หัวข้อ: เส้นทางสู่ผืนป่าหิมาลัย @ เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา (Page 1-4)
เริ่มหัวข้อโดย: Traveller Freedom ที่ กรกฎาคม 20, 2016, 02:30:27 PM
เส้นทางสู่ผืนป่าหิมาลัย @ เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา (Page 1)

สถานที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
โทรศัพท์ : 053 355 728 (อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์)
พิกัด : 18.588507, 98.486408
   
     ในเส้นทางเดินป่าระยะสั้นของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติยอดนิยมอยู่ 2 เส้นทาง นั้นก็คือ เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา กับเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน โดยทั้งสองเส้นทางมีสิ่งที่แตกต่างกัน 3 ประการหลักด้วยกัน ประการแรกเป็นเรื่องของระยะทาง ซึ่งเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานจะมีระยะทางที่มากกว่าถึง 10 เท่า ประการต่อมาคือเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานจะเปิดให้เดินกันตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนถึง 31 พฤษภาคมของทุกปี นอกเหนือเวลาดังกล่าวจะปิดป่าเพื่อให้ระบบนิเวศน์ได้ฟื้นฟู อีกประการหนึ่งคือเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานจะต้องมีมัคคุเทศก์ท้องถิ่นคอยเดินนำทางเท่านั้น ห้ามนักท่องเที่ยวเดินเที่ยวเองโดยปราศจากเจ้าหน้าที่นำทาง

    จากทั้ง 3 ประการหลักดังที่กล่าวไปนั้น ทำให้เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา กลายเป็นเส้นทางเดินป่าระยะสั้นที่ได้รับความนิยมสูงสุด และได้ต้อนรับผู้มาเยือนจากทั่วทุกสารทิศตลอดทั้งปีแบบไม่มีหยุด นอกจากนี้เส้นทางที่ตั้งอยู่บนหลังคาสยามสายนี้ยังอุดมไปด้วยมนต์เสน่ห์ทางธรรมชาติ อย่างที่ใครๆ ที่ได้มีโอกาสมาเยือนแล้ว ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ประทับใจที่นี่”

    เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา ตั้งอยู่บนยอดดอยอินทนนท์ ตรงข้ามกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีระยะทางประมาณ 300 เมตร เป็นเส้นทางสั้นๆ ใช้เวลาเดินจบจนครบรอบปประมาณ 30 นาที ซึ่งจะต่างกับเส้นทางกิ่วแม่ปานที่ใช้เวลามากถึง 3 ชั่วโมง เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกาเป็นเส้นทางเดินสบายๆ ชิลล์ๆ ไปตามทางเดินไม้ที่ลัดเลาะเข้าไปในผืนป่า เป็นทางเดินธรรมชาติที่มีความสวยงามและน่าประทับใจมากที่สุดสายหนึ่งของประเทศไทย เส้นทางนี้นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับธรรมชาติอันน่าหลงใหลที่อุดมไปด้วยเสนห์ผืนป่าอินทนนท์ ผืนป่าที่เป็นแหล่งต้นน้ำธรรมชาติประเภทพรุน้ำจืดที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในประเทศไทย เป็นบรรยากาศที่สามารถสร้างอารมณ์ได้แตกต่างไปจากผืนป่าแห่งอื่นใดในประเทศไทยที่ได้เคยสัมผัส เป็นป่าที่มีความพิเศษเฉพาะตัวหาได้มีที่ใดเสมอเหมือน

    อีกทั้งยังมีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยระบบนิเวศน์ที่หาชมได้ยากยิ่ง โดยผู้สร้างเส้นทางศึกษาธรรมชาติสายนี้ไม่ใช่คนไทย แต่เป็นชาวแคนาดานามว่า “ไมเคิล แมคมิลแลน วอลซ์” นักสัตววิทยาที่มาเป็นอาสาสมัครประจำอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ท่านผู้นี้ได้ทุ่มเททำงานให้กับพื้นที่บนดอยแห่งนี้เป็นอย่างมาก จวบจนกระทั่งสิ้นชีวิตลงด้วยโรคหัวใจ

by Traveller Freedom


หัวข้อ: Re: เส้นทางสู่ผืนป่าหิมาลัย @ เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา (Page 1-4)
เริ่มหัวข้อโดย: Traveller Freedom ที่ กรกฎาคม 20, 2016, 02:34:13 PM
เส้นทางสู่ผืนป่าหิมาลัย @ เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา (Page 2)

สถานที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
โทรศัพท์ : 053 355 728 (อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์)
พิกัด : 18.588507, 98.486408

    ก่อนเริ่มต้นเดินบนเส้นทางมหาเสน่ห์แห่งนี้ มาทำความรู้จักกับคำว่า “อ่างกา” กันก่อน ..อ่างกาเป็นแอ่งน้ำธรรมชาติ มีขนาดพื้นที่มากกว่าสิบไร่ ตั้งอยู่บริเวณจุดที่สูงที่สุดของประเทศไทย หรือยอดดอยอินทนนท์ เป็นจุดที่มีน้ำท่วมขังตลอดปี สำหรับที่มาของชื่อ “อ่างกา” มีอยู่ 3 แหล่งอ้างอิงด้วยกัน ที่มาแรก มีคนกล่าวว่ามีหินละม้ายคล้าย “กา” อยู่บริเวณอ่างน้ำแห่งนี้  ที่มาที่สองคือ ในสมัยก่อนเคยมีอีกามาอาศัยอยู่บริเวณแอ่งน้ำแห่งนี้ และที่มาสุดท้าย เป็นคำที่เพี้ยนมาจากภาษาท้องถิ่น คือคำว่า “อั่งกา” ที่แปลว่า “ภูเขาใหญ่” จนมาเป็นคำว่า อ่างกาในปัจจุบันนั้นเอง ..ทั้ง 3 แหล่งที่มานี้ อาจเป็นได้เพียงอันใดอันหนึ่ง หรือใช่ทั้งสามเลยก็ถือว่ามีเหตุผลและไม่เหนือคาดแต่อย่างใด

    นอกจากนี้ระบบนิเวศน์ของอ่างกา เป็นระบบนิเวศน์ที่ไม่เหมือนที่ไหนในประเทศไทย จะคล้ายหน่อยก็ผืนป่าบนยอดดอยผ้าห่มปก เนื่องจากตั้งอยู่บนที่สูงกว่า 2,500 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง มีหมอกปกคลุมตลอดปี มีอุณหภูมิเฉลี่ย 12 องศาเซลเซียส มีความชื้นสูง อุดมไปด้วยพืชพันธุ์ที่หาชมได้ยาก เช่น ข้าวตอกฤาษี กุหลาบพันปี ทะโล้ และอูนแดง เป็นต้น

    เนื่องจากเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติอ่างกา ถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกที่ลอยพัดผ่านเข้ามาตลอดเวลา ทำให้มีอากาศชื้นและเต็มไปด้วยละอองน้ำที่กระจายด้วยไปทั่วบริเวณเสมือนละอองฝน ทำให้ต้นไม้ใหญ่ในป่าดิบเขามีมอสและเฟิร์นขึ้นหุ้มเต็มต้นจนแลดูราวกับเป็นป่าในยุคดึกดำบรรพ์ ด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ถูกปกคลุมดังกล่าวทำให้ไม่สามารถหาที่ว่างตามกิ่งไม้ได้ รวมถึงบริเวณตลอดทางเดินจะอุดมไปด้วยพืชนิยมความชื้นทั้งมอส เฟิน และฝอยลม ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น เปรียบเสมือนพรมสีเขียวที่ปกคลุมไปทั่วทั้งผืนป่า หรือที่เรียกกันเชิงเปรียบเทียบว่า “ต้นไม้ใส่เสื้อ”

    เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติอ่างกาแห่งนี้มีฉายาว่าเป็น “ประตูสู่หิมาลัย” เนื่องจากมีการศึกษาพบว่าบริเวณนี้เป็นส่วนหนึ่งของปลายเทือกเขาหิมาลัยที่ทอดยาวมาจากประเทศเนปาล ผ่านอินเดียและพม่าก่อนเข้าสู่ประเทศไทย ด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์นี้เองทำให้ได้รับอิทธิพลจากอากาศที่หนาวเย็นจัดตลอดปี มีลักษณะทางชีวภาพที่โดดเด่น นางเอกของเส้นทางสายนี้คือ ต้นกุหลาบพันปีที่จะอวดโฉมบานสะพรั่งเป็นดอกไม้สีแดงสดดึงดูดให้นกเฉพาะถิ่นมาดื่มด่ำกับน้ำหวานและช่วยผสมเกสรเพื่อการขยายพันธุ์ต่อไป
 
by Traveller Freedom


หัวข้อ: Re: เส้นทางสู่ผืนป่าหิมาลัย @ เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา (Page 1-4)
เริ่มหัวข้อโดย: Traveller Freedom ที่ กรกฎาคม 20, 2016, 02:36:28 PM
เส้นทางสู่ผืนป่าหิมาลัย @ เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา (Page 3)

สถานที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
โทรศัพท์ : 053 355 728 (อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์)
พิกัด : 18.588507, 98.486408

    มาเริ่มเดินบนเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกากัน ด้านหน้าทางเข้าเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกาจะมีป้ายไม้เขียนว่า “เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา” กับ “ศาลเจ้ากรมเกียรติ” สองสถานที่บนป้ายและเส้นทางเดียวกัน เข้ามาได้หน่อยเดียวจะมี “แผนที่ไม้” ตั้งอยู่ สนับสนุนโดยไม้เฌอร่า แผนที่บอกลักษณะของเส้นทางเดินที่เป็นแบบรอบวงกลม มีทางแยกแตกออกไปเล็กน้อย คือเส้นทางไปศาลเจ้ากรมเกียรติ

    หลังจากผ่านป้ายแผนที่ไปจะเป็นทางเดินลงบันได เมื่อสุดทางบันไดจะมีทางแยกสองทาง ทางซ้ายคือทางออก ส่วนทางขวาคือทางเข้า เราจะไปทางไหนคงไม่ต้องคิดเยอะ (แต่ไม่น่าเชื่อว่าก็ยังมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางผิดอยู่บ้าง ทั้งๆ ที่ป้ายก็ค่อนข้างชัดเจนเลยทีเดียว) เมื่อเริ่มเข้ามาบนเส้นทางแห่งนี้จะรู้สึกได้ทันทีถึงอากาศที่หนาวเย็นแบบฮวบๆ มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมหนาแน่นจนแสงแดดส่องลงมาไม่ถึงพื้น และเมื่อเริ่มต้นเดินเท้าก้าวเข้าสู่เส้นทาง “ประตูสู่หิมาลัย” จากนี้จะเป็นทางเดินไม้ยกระดับเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวไม่ให้เดินหลงทาง และเพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวก้าวเดินออกนอกเส้นทางอันจะเป็นการรบกวนธรรมชาติและทำลายระบบนิเวศน์ เนื่องจากเส้นทางนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่มาคอยควบคุมหรือบังคับ นักท่องเที่ยวสามารถเดินได้อย่างอิสระจึงต้องช่วยกันปฏิบัติตามกฏด้วย

    ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติจะพาผ่านจุดสนใจต่างๆ พร้อมป้ายให้ความรู้ตามจุดนั้นๆ เช่น ข้าวตอกฤาษี ป่าพรุ อ่างกา พืชอิงอาศัย ซึ่งนอกจากจะได้เดินเที่ยวชมกันเพลินๆ ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นแล้ว ยังได้ความรู้ควบคู่กันไปด้วย สมเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติอย่างแท้จริง แถมระหว่างทางยังได้ยินเสียงนกร้องเป็นระยะๆ ซึ่งบนดอยอินทนนท์แห่งนี้ถือเป็นแหล่งดูนกชั้นดีมีคุณภาพ เนื่องจากมีนักดูนกจากทั่วโลกเดินทางมาส่องนกเฉพาะถิ่น รวมถึงนกหายาก และนกอพยพมากมายหลายชนิด จากการสำรวจนกบนดอยอินทนนท์มีอยู่ถึง 385 ชนิด จาก 978 ชนิดที่พบในประเทศไทย “ป้ายวิหคไพร” ยังถือเป็นหนึ่งในจุดสื่อความหมายที่มีอยู่ในเส้นทางแห่งนี้ โดยนกที่พบเห็นมากได้แก่ นกศิวะหางสีตาล นกกินปลีหางยาวเขียว นกอีแพรดท้องเหลือง นกมุ่นรกหัวน้ำตาลแดง นกหางรำดำ นกจับแมลงหน้าผากขาว นกปีกสั้นสีน้ำเงิน และนกกะรางหัวแดง เป็นต้น สำหรับนักดูนกสมัครเล่นเช่นนักท่องเที่ยวทั่วไป จงเอี้ยหูฟังเสียงไพร แม้จะไม่รู้ว่านกอะไรแต่ก็ไพเราะเพราะเพลิน

by Traveller Freedom


หัวข้อ: Re: เส้นทางสู่ผืนป่าหิมาลัย @ เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา (Page 1-4)
เริ่มหัวข้อโดย: Traveller Freedom ที่ กรกฎาคม 20, 2016, 02:38:26 PM
เส้นทางสู่ผืนป่าหิมาลัย @ เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา (Page 4)

สถานที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
โทรศัพท์ : 053 355 728 (อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์)
พิกัด : 18.588507, 98.486408

    จุดที่น่าสนใจคือป้ายสื่อความหมาย “ข้าวตอกฤาษี” เป็นพืชจำพวกมอสชนิดหนึ่ง แต่มีขนาดใหญ่กว่ามอสทั่วไป ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น มีสีเขียวสลับส้มกับสีน้ำตาลอ่อนๆ มอสชนิดนี้จะขึ้นได้เฉพาะบนที่สูงที่มีความชื้นมากและมีอากาศหนาวจัดเท่านั้น เป็นพืชที่หาดูได้ยากมาก เพราะจะเจริญได้ดีในระดับความสูง 2,000 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ชอบอาศัยอยู่ตามหุบเขาที่แสงส่องลงไปไม่ถึง เป็นพืชที่ขึ้นปกคลุมตามพื้นดิน โดยเฉพาะใต้ต้นไม้ใหญ่ ในอดีตข้าวตอกฤาษีเคยมีจำนวนลดลง เพราะมีการสูบน้ำบริเวณอ่างกาไปใช้ประโยชน์ ทำให้น้ำแห้งลงอย่างมาก ระบบนิเวศน์เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง แต่ในปัจจุบันมีการใช้น้ำจากอ่างกาลดลง ข้าวตอกฤาษีจึงฟื้นคืนกลับมามีสภาพเกือบเหมือนเช่นในอดีต

    ถัดมาเป็น “ต้นกุหลาบพันปี” ที่ถือเป็นนางเอกของเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติอ่างกาแห่งนี้ กุหลาบพันปีเป็นพืชที่แตกต่างกับกุหลาบพันธุ์ทั่วไป สายพันธุ์นี้ชอบขึ้นบริเวณผาหิน มีหน้าดินน้อย มีอากาศหนาวเย็นและมีความชื้น คนท้องถิ่นเรียกกุหลาบพันปีชนิดที่มีดอกสีแดงนี้ว่า “คำแดง” พันธุ์นี้พบเฉพาะบนดอยอินทนนท์ที่เดียวเท่านั้น จึงถือเป็นพืชเฉพาะถิ่น ลักษณะของลำต้นของกุหลาบพันปี เป็นต้นไม้พุ่มขนาดกลาง มีพันธุ์ดอกสีขาวและดอกสีแดง ออกดอกในช่วงเดือนมกราคม–กุมภาพันธ์ ส่วนตามโคนต้นกุหลาบพันปีจะมีข้าวตอกฤาษีขึ้นปกคลุมราวกับพรมธรรมชาติ

    นอกจากกุหลาบพันปี กับข้าวตอกฤาษีที่ดูโดดเด่นแล้ว อีกหนึ่งต้นไม้ที่เหมือนจะธรรมด๊าธรรมดา คือ “ต้นทะโล้” ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่เรียกอีกชื่อว่า “มังตาน” เป็นไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ลำต้นตรงมีความสูงประมาณ 15-25 เมตร ขนาดวัดรอบลำต้นได้ถึง 1.5 เมตร พบมากในป่าดิบชื้นที่ระดับความสูง 2,000 เมตรขึ้นไป แม้ทะโล้จะไม่ถึงกับเป็นพืชเฉพาะถิ่นที่พบได้ที่ดอยอินทนนท์ที่นี่ที่เดียว แต่เชื่อเถอะว่าต้นทะโล้ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกาแห่งนี้ มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประเทศไทย จนถึงขนาดเป็นอีกหนึ่งในไฮไลท์บนเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกาเลยทีเดียว

    เมื่อเดินมาถึงทางแยกไปศาลเจ้ากรมเกียรติ์ เส้นทางนี้ไม่ได้อยู่ในวงกลมจะต้องย้อนออกมาทางเดิม “ศาลเจ้ากรมเกียรติ์” สร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์แด่ พล.อ.อ เกียรติ์ มังคละพฤกษ์ และนายนิพนธิ์ บุญทรารมณ์ ผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่กองทัพอากาศและประเทศชาติ ซึ่งประสบอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกจนถึงแก่กรรม ณ ที่แห่งนี้ หลังจากเสร็จภารกิจสำรวจที่ตั้งศูนย์ควบคุมและรายงานดอยอินทนนท์ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2515

    นอกจากนี้ จะละเลยการกล่าวถึงเสียมิได้ก็คือ “อ่างกา” แหล่งน้ำบนหลังคาสยามอันเป็นที่มาของชื่อเส้นทางแห่งนี้ ในอดีตบนนี้เป็นแอ่งน้ำที่มีน้ำอยู่มากพอที่จะถูกสูบไปใช้ได้ หลังจากที่มีการสร้างห้องน้ำเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้มาเยือน เนื่องจากบนยอดดอยนี้ไม่มีแหล่งน้ำใดๆ ในสมัยนั้น และเมื่อน้ำในอ่างกาถูกสูบไปใช้จนมีสภาพแห้งเหือด ส่งผลต่อระบบนิเวศน์บนดอยอินทนนท์อย่างรุนแรง จึงได้มีการสร้างแทงค์น้ำกักเก็บน้ำฝนเพื่อนำไปใช้ภายในห้องน้ำแทน แต่เมื่อฉุกคิดได้ก็สายเสียแล้ว..

    เมื่อได้เดินจนจบครบรอบแล้ว หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะทำให้ผู้มาเยือนได้รักษ์และหวงแหนในสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่แต่เฉพาะบนดอยอินทนนท์แห่งนี้ แต่ขอให้อยู่ในทุกๆ ลมหายใจ

by Traveller Freedom


หัวข้อ: Re: เส้นทางสู่ผืนป่าหิมาลัย @ เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา (Page 1-4)
เริ่มหัวข้อโดย: Penelope ที่ พฤศจิกายน 18, 2016, 02:34:44 PM
น่าไปมาก ต้องหาเวลา :11:แล้ว

(http://www.tripchiangmai.com/chiangmaiboard/index.php?action=dlattach;topic=673.0;attach=48647;image)


หัวข้อ: Re: เส้นทางสู่ผืนป่าหิมาลัย @ เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา (Page 1-4)
เริ่มหัวข้อโดย: Pinky pink ที่ กรกฎาคม 25, 2017, 01:58:39 PM
ได้ไปสัมผัสมาแล้ว เป็นธรรมชาติที่สวยงามมาก
ชอบมากๆค่ะ :)


หัวข้อ: Re: เส้นทางสู่ผืนป่าหิมาลัย @ เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา (Page 1-4)
เริ่มหัวข้อโดย: auto ที่ พฤศจิกายน 10, 2017, 11:06:11 AM
 :onio:


หัวข้อ: Re: เส้นทางสู่ผืนป่าหิมาลัย @ เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา (Page 1-4)
เริ่มหัวข้อโดย: TripChiangmai ที่ พฤศจิกายน 30, 2019, 09:10:46 AM
 :onion2012:


หัวข้อ: Re: เส้นทางสู่ผืนป่าหิมาลัย @ เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา (Page 1-4)
เริ่มหัวข้อโดย: parsuk ที่ พฤศจิกายน 27, 2020, 09:17:53 AM
สวยมาก