ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
มิถุนายน 18, 2024, 05:07:43 PM
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: ประกาศ การกระทำใดๆ  เพื่อที่จะให้กระทู้ตัวเองมาอยู่อันดับต้นๆ ประจำ หากพิจารณาแล้วว่า ไม่เกิดประโยชน์กับผู้เข้าชม  ก็รับสิทธิ์โดนแบนเหมือนกันครับ


  แสดงกระทู้
หน้า: 1 2 »
1  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ น้ำพุร้อน ในเชียงใหม่ / Re: อาบน้ำแร่ แช่น้ำอุ่น ที่น้ำพุร้อนอรุ่งอรุณ ตอน 1 เมื่อ: ตุลาคม 08, 2016, 09:34:28 AM
นอกจากบ่อน้ำพุร้อนเอาไว้ต้มไข่ เอาไว้ชม และมีบ่อน้ำพุร้อนเอาไว้หย่อนเท้ากันรุ่งอรุณรีสอร์ท ก็ยังมีห้องอาบน้ำแร่แบบส่วนตัว เป็นอ่างนอนแช่ไว้คอยบริการกันอีกด้วย


โดยห้องอาบน้ำแร่แบบส่วนตัว กับอ่างนอนแช่มีทั้งหมด 76 ห้อง โดยแยกเป็น (ห้องอาบน้ำแร่ชาย 37 ห้อง ห้องอาบน้ำแร่หญิง 39 ห้อง) พร้อมทั้งมีผ้าเช็ดตัวและหมวกคลุมผมไว้บริการ ค่าใช้จ่ายผู้ใหญ่ท่านละ 70 บาท เด็กท่านละ 60 บาท เปิดบริการเวลา 08.00 น. – 20.00 น.


สำหรับการอาบน้ำแร่นั้น มีความเชื่อมานานแล้วว่า การอาบน้ำแร่ร้อนจากน้ำพุร้อนจะทำให้สุขภาพดีขึ้นสามารถรักษาและบรรเทาอาการบางอย่างที่เป็นสาเหตุของโรคต่างๆ ได้ ประโยชน์ของน้ำพุร้อนมีประโยชน์หลายด้านอาทิเช่น บรรเทาอาการปวดกระดูก ปวดกล้ามเเนื้อ ช่วยให้โลหิตในร่างกายหมุนเวียนได้ดีขึ้นและช่วยลดความเครียดทั้งร่างกายและจิตใจช่วยขยายหลอดเลือดทำให้ระบบเผาผลาญในร่างกายดีขึ้น  ช่วยขับสิ่งอุดตันใต้ผิวหนังและรูขุมขนทำให้ผิวหนังสะอาดบำรุงผิวพรรณให้สดใส ช่วยในการดูดซึมแลกเปลี่ยนออกซิเจนและกลูโคสระหว่างเส้นเลือดฝอยและเนื้อเยื่อในส่วนต่างๆ ของร่างกาย

แต่สิ่งที่สำคัญ และควรพิจารณาก่อนการอาบน้ำพุร้อนคือเรื่องสภาพของร่างกาย เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง กล่าวคือ คนทีมีร่างกายอ่อนเพลียหรือคนที่เพิ่งเสร็จจากการออกกำลังกายมาใหม่ๆ ควรอาบน้ำพุร้อนในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้อย่างสะดวก เนื่องจากมีความต้องการอากาศออกซิเจนมากกว่าคนที่มีสภาพร่างกายปกติทั้งนี้ ขณะเตรียมตัวก่อนลงอาบน้ำพุร้อน ควรสังเกตป้ายหรือข้อความต่างๆ ที่แสดงบอกไว้บริเวณบ่ออาบน้ำพุร้อน จากนั้น ค่อยชำระร่างกายให้สะอาดในบริเวณที่อาบน้ำภายนอกที่ได้จัดเตรียมไว้ให้ ก่อนการอาบน้ำพุร้อนควรทดสอบอุณหภูมิของน้ำร้อนโดยการจุ่มมือลงในบ่อน้ำและหย่อนตัวลงในบ่อน้ำร้อนอย่างช้าๆ เพื่อให้ร่างกายปรับสภาพให้เข้ากับน้ำร้อน แช่และผ่อนคลายความเครียดตามอัธยาศัย


อนึ่ง การแช่น้ำร้อนนานเกินไปอาจทำให้รู้สึกอึดอัด ระหว่างการอาบน้ำร้อนอาจขึ้นมาพักผ่อนคลายความเครียด หรือชำระร่างกายในห้องอาบน้ำภายนอกด้วยสบู่และแชมพู แล้วกลับลงมาอาบน้ำพุร้อนอีกครั้ง จนรู้สึกว่าร่างกายเบา โป่รง และกระปรี้กระเปร่า จึงขึ้นมาเช็ดตัว และเปลี่ยนเสื้อผ้า


สุดท้ายและท้ายสุด รุ่งอรุณรีสอร์ท ยังมีบริหารห้องพัก เป็นห้องพักปรับอากาศ จำนวน 15 หลัง มีทั้งหมด 39 ห้อง (แบบ 4 ห้องนอน มี 4 หลัง แบบ 2 ห้องนอนมี 10 หลัง และแบบ 3 ห้องนอนมี 1 หลัง) พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น ทีวีสี, เคเบิลทีวี, ตู้เย็น, เตาผิง และยังมีน้ำแร่ไว้สำหรับอาบในห้องพักทุกห้องด้วย (เป็นอ่างนอนแช่) และที่พิเศษกว่านี้ ยังมี Jacuzzi (อ่างน้ำแร่วนนวดตัว) อยู่บริเวณท้ายสุดของบ้านพัก ไว้บริการท่านฟรี 1 ครั้งต่อคืน


สำหรับใครที่สนใจอยากจะไปเที่ยวน้ำพุร้อนรุ่งอรุณ สามารถสอบถามได้ที่ รุ่งอรุณรีสอร์ท กิ่ง อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ โทร.053-939128 กันได้ครับ
2  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ น้ำพุร้อน ในเชียงใหม่ / Re: อาบน้ำแร่ แช่น้ำอุ่น ที่น้ำพุร้อนอรุ่งอรุณ ตอน 1 เมื่อ: ตุลาคม 08, 2016, 09:33:11 AM
เดินเล่นในสวนจนเพลินยังกะสาวๆ ไปเดินช้อปปิ้งเลือกเสื้อผ้าในห้างกันซึ่งหลังจากเดินเล่นถ่ายรูปเสร็จ ผมก็มุ่งหน้าตรงมายังในส่วนของน้ำพุร้อนรุ่งอรุณกันครับ


บริเวณนี้จะมีร้านค้าขนาดเล็กจำหน่ายเครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยวเล็กน้อย พร้อมทั้งไข่เอาไว้ให้ต้มในบ่อน้ำพุร้อนกัน คล้ายๆ กับที่น้ำพุร้อนสันกำแพง เพียงแต่ที่นี้มีร้านค้าแค่ 1 – 2 กันเท่านั้นเองครับ


น้ำพุร้อนรุ่งอรุณนี้ เป็นน้ำพุร้อนแบบ (Hot Spring) หรือบ่อน้ำร้อน (Hot Pool)กันครับ (ซึ่งแบ่งตามลักษณะกายภาพ)โดยเป็นแหล่งน้ำที่มีอุณหภูมิสูงกว่าร่างกายมนุษย์ไหลขึ้นมาจากใต้ดิน น้ำที่ขึ้นมามีตั้งแต่อุ่นๆ จนถึงเดือดพล่าน เนื่องจากทางเดินน้ำใต้ดินใหญ่ทำให้น้ำสามารถไหลเวียนอย่างรวดเร็วได้ น้ำร้อนที่ไหลขึ้นมาจะไหลออกไปจากแหล่งหรือกลายเป็นไอ เพื่อปล่อยพลังงานความร้อน เมื่อน้ำร้อนนั้นเย็นลงจะไหลกลับสู่ระบบน้ำใต้ดิน ทั้งนี้ น้ำร้อนแต่ละแห่งจะมีแร่ธาตุรวมทั้งก๊าซละลายอยู่ในปริมาณที่ไม่เท่ากัน ทำให้มีสีและกลิ่นแตกต่างกัน และมีปริมาณน้ำที่ไหลออกมาจากแต่ละบ่อแตกต่างกัน เช่น บ่อน้ำพุร้อนที่ทะเลสาบโบโกเรีย น้ำพุร้อนนับร้อยแห่งที่ประเทศ ไอซ์แลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ และน้ำพุร้อนในประเทศไทย เป็นต้น ถ้ามีเพียงน้ำร้อนไหลซึมขึ้นมาบนผิวดินจะเรียกว่าน้ำซึม (Seepage)


ส่วนถ้าแยกตามปริมาณแร่ธาตุที่ละลายในน้ำน้ำพุร้อนรุ่งอรุณ น่าจะจัดอยู่ในน้ำพุร้อนทั่วไป (Simple Springs) เป็นน้ำพุร้อนที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 25 องศาเซลเซียส ประกอบด้วยธาตุคาร์บอน เกลือและแร่ธาตุอื่นๆ น้อยกว่า 1 กรัม/ลิตร เป็นน้ำพุร้อนส่วนใหญ่ที่พบในประเทศไทย


อย่างบ่อแรกที่เห็นนั้น มีความลึก 40 เมตร ขนาดรูเจาะ 3 นิ้ว อุณหภูมิปากหลุม 105 องศาเซลเซียส (ไม่เชื่อลองเอานิ้วไปจิ้มได้ ฮ่าๆๆ) อัตราการไหล 4 ลิตร / วินาที มีความดัน 0.3 บรรยากาศ  บ่อนี้สามารถเอาไข่มาต้มกันได้ครับ โดยใช้ไม้คล้องตระกร้าไข่ แล้วไปหย่อนในบ่อ ไข่ลวกใช้เวลาประมาณ 7 นาที ไข่ยางมะตูม ใช้เวลา 9 นาที และถ้าชอบกินไข่สุกก็ 14 นาทีกันครับ


ข้อควรระวังในการเดินเข้ามาชมและเอาไข่มาต้ม คือระวังพื้นลื่นและน้ำร้อนลวก และข้อก้ามอีกอย่างของที่นี่ก็คือ ไม่อนุญาตให้นำน้ำแร่ออกจากสถานที่กันนะฮะ


ใกล้ๆ กัน กับบ่อต้มไข่ อันนี้เป็นบ่อที่เอาไว้แช่เท้าในน้ำพุร้อนกัน สามารถหย่อนเท้าลงไปแช่ได้ ในระหว่างที่รอไข่สุก แต่ห้ามลงไปอาบน้ำแร่กันตรงนี้ (จริงๆ ก็ไม่ควรลงไปแหละ เพราะเขาเอาไว้แช่เท้ากัน ไม่ได้เอาไว้อาบซักหน่อย)

ส่วนตอนหน้าจะมาเล่าถึงคุณประโยชน์ในการอาบน้ำแร่ และส่วนอื่นๆ ที่น่าสนใจที่เหลือของรุ่งอรุณรีสอร์ทกันครับ
3  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำที่เที่ยว เส้นทางหลวงหมายเลข 107 เชียงใหม่-แม่ริม-แม่แตง-เชียงดาว-ไชยปราการ-ฝาง-แม่อาย / Re: เที่ยวเชียงใหม่ในสไตล์ฮิปสเตอร์ เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 09:45:44 AM
ตอนที่ 3

ก่อนหน้านี้ผมเคยมากระโดดน้ำเล่นที่แกรนแคนยอน หางดง ไปแล้วรอบหนึ่งครับ รู้สึกว่ามันมันส์สะใจดี มีความตื่นเต้นเข้ามาเสริมสร้างให้ชีวิตมันสนุก เพียงแต่ที่ขาดอย่างเดียวตอนนั้นที่มาคือภาพถ่ายตัวเองไม่มี ฉะนั้นมาคราวนี้ เลยอยากจะมีภาพตัวเองบ้าง แต่ก่อนจะขอน้องแกถ่ายภาพให้ ก็ต้องถ่ายภาพให้นางก่อน นางจะได้ดูฮิปๆ กับโลเคชั่นที่แกรนแคนยอน เหมือนฮิปสเตอร์คนอื่นๆ ที่ชอบมาถ่ายรูปกันตรงนี้ ส่วนที่เหลือถ่ายเสร็จแล้ว น้องแกอยากจะไปนั่งจิบกาแฟมองวิวตรงร้านอาหาร อันนี้ก็ตามแต่น้องแกจะสะดวก แต่ขอแค่ถ่ายภาพให้ผมหน่อยล่ะกัน ฮ่าๆๆ


เห็นนั่งๆ กดไปหลายช็อต พร้อมกับการกระโดดน้ำไปตั้งหลายรอบของผมจนเริ่มจะเหนื่อย และจากหลายชอตที่ว่านั้นเมื่อกลับมาดู น้ำตาจะไหล มีใช้ได้ใบเดียวที่เหลือเสียหมด กลับกันของคนอื่นกระโดด ถ่ายออกมาจังหวะพอดีมากนี่ก็เลยได้แต่เอิ่มมมมม นะ


วันที่สาม แห่งการพาเที่ยวแบบฮิปสเตอร์ ผมพามาไกลถึงบ้านแม่กำปอง แหล่งท่องเที่ยวที่ถือว่าฮอตฮิต อากาศดี มีกาแฟจิบ เหมาะแก่การมาสโลว์ไลฟ์


บ้านแม่กำปอง ส่วนใหญ่เท่าที่เห็นมากัน มีทั้งแบบมาไป – กลับ ภายในวันเดียว กับมาแล้วค้างคืนแบบโฮมสเตย์ อย่างหลังผมถือว่าน่าจะเหมาะมากนะ คือบรรยากาศที่หมู่บ้านแห่งนี้ มันใช่เลยจริงๆ กับการอยู่เงียบๆ แม้ว่าบางทีมันก็อาจจะไม่มีคำว่าเงียบเลยก็ตาม ถ้ามากันในวันหยุด และร้านที่จะไปนั่งจิบกาแฟนั้น ดันเป็นร้านดัง ที่มีวิวสำคัญของบ้านแม่กำปองเป็นแลนด์มาร์ค


ร้านชมนกชมไม้ หลายคนอาจจะเคยได้ยิน หรือถ้าไม่เคยได้ยิน อาจคุ้นกับภาพวิวทิวทัศน์ของบ้านแม่กำปองที่มองจากตรงระเบียงของร้าน (กาแฟ เค้กที่นี้ ถือว่าสอบผ่านครับ)


มาบ้านแม่กำปองแล้ว ต้องมาชมวิวตรงกิ่วฝิ่นด้วย ที่อยู่เลยจากนี้ไปประมาณ 5 กิโลเมตร (กะเอาแบบมั่วๆ) ซึ่งตรงจุดนี้มีหลายคนที่ไม่รู้จัก เลยทำให้พลาดโอกาสสำคัญในการมาเที่ยว ฉะนั้นแล้วสำหรับใครที่ยังไม่รู้ หากท่านจะไปบ้านแม่กำปอง อย่าลืมแวะมาชมวิวตรงกิ่วฝิ่นด้วย ตรงนี้มันพลาดไม่ได้เลยจริงๆ


สุดท้ายและท้ายสุดจบกันแบบดื้อๆ การเที่ยวแบบฮิปสเตอร์นี้ เป็นการเที่ยวในอีกสไตล์หนึ่ง ของคนกลุ่มหนึ่งในสังคมที่อยากจะเอามานำเสนอกัน โดยใจความหลักนั้น ก็ยังคงไว้แบบเดิม คือพยายามป้อนข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่คนอ่านให้มากที่สุด ส่วนที่เหลือรองลงไป ก็มีทั้งบันเทิง ไม่บันเทิงบ้าง ผสมกับการจิกกัดเล็กน้อย พอเป็นกษัย

แล้วไว้โอกาสหน้าเจอกันใหม่ครับ
4  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำที่เที่ยว เส้นทางหลวงหมายเลข 107 เชียงใหม่-แม่ริม-แม่แตง-เชียงดาว-ไชยปราการ-ฝาง-แม่อาย / Re: เที่ยวเชียงใหม่ในสไตล์ฮิปสเตอร์ เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 09:15:53 AM
ตอนที่ 2

มีการถกเถียงกันว่า แท้จริงแล้วทะเลหมอกมันควรจะมีให้ดูกันตอนไหนระหว่างหน้าหนาวกับหน้าฝน


จากที่ผมเคยสัมผัสตอนมาม่อนแจ่มครั้งแรกในหน้าฝน ทะเลหมอกมันจะมีให้เห็นช่วงหลังฝนหยุดใหม่ๆ แต่หน้าหนาวสำหรับบางที่ที่เคยไปชมทะเลหมอกมา มันก็มีทะเลหมอกเหมือนกัน ตกลงก็เลยยังไม่รู้ว่ามันอะไรยังไงกันแน่


มาม่อนแจ่มคราวนี้ ทะเลหมอกไม่น่าจะมีมาต้อนรับฮิปสเตอร์เพราะมาตอนบ่ายแก่ๆ แถมแปลงดอกไม้สวยๆ ก็ไม่ค่อยจะมีเหมือนตอนหน้าฝนก่อนหน้านี้ที่บานสะพรั่ง ส่วนแปลงกะหล่ำ อันนี้ยังมีให้ชมกันครับ


ที่ม่อนแจ่มเรื่องอาหาร มาครั้งนี้เพิ่งเคยลองสั่งมาชิมครั้งแรก แถมเมนูที่สั่งมาเรียกได้ว่าสิ้นคิดกันพอควร มีแกงจืดเต้าหู้หมูสับ ไก่ทอดขิง เรื่องรสชาติอยู่ในระดับโอเค แต่ที่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ คือราคาที่ค่อนข้างจะแพงนิดๆ อาจจะเพราะว่ามันอยู่บนเขาบนดอยด้วย


วิวที่ม่อนแจ่มว่ากันว่าจะสวยตอนเย็นๆ ฝั่งที่มองไกลๆ ไปเห็นถึงเชียงดาว แต่การจะมองวิวแบบนั้นได้ มันก็ต้องรอถึงช่วงทไวไลท์ และก็แน่นอนว่าคนที่จะอยู่กันถึงตอนนั้น ก็น่าจะมีที่พักแถวนั้นไว้นอนแล้ว ส่วนคนที่ไม่มี คงไม่ค่อยมีใครกล้าเสี่ยงขับรถลงม่อนแจ่มกันมาตอนค่ำๆ แน่นอน มันอันตรายเกินไปสำหรับมอเตอร์ไซค์ และผมก็ไม่อยากทำแบบนั้น


จบวันแรกผ่านไปแบบเอื่อยๆ ไม่ค่อยมีอะไรน่าตื่นเต้นสำหรับการพาฮิปสเตอร์เที่ยว ส่วนวันที่สองนั้นเป้าหมายที่คิดกันก็คือ การมาตะลอนแถวในเมือง
โครงการบ้านข้างวัด คือเป้าหมาย ว่ากันว่า สถานที่แห่งนี้จะมีร้านรวงเก๋ๆ ต่างๆ มากมาย รวมทั้งเป็นแหล่งจัดกิจกรรมสำหรับงานอีเว้นต่างๆ ประมาณสายอาร์ต และเมื่อรวมเข้ากันกับโลเคชั่นแบบบ้านไม้สมัยเก่าเท่ๆ มันเลยดูมี่เสน่ห์สำหรับหลายคน แต่ก็ไม่ใช่กับทุกคน


5 นาทีเห็นจะได้ พวกเราใช้เวลาในการเดินสำรวจ ก่อนจะพากันออกมาด้านนอก แล้วน้องแกก็บอกผมว่า “ไม่เห็นอะไรเลย ไปที่อื่นกันดีกว่า เอาแบบธรรมชาติ”


ว่าแล้วผมก็เลยพาถ่อไปยังออบขาน ไปสัมผัสลำธาร ธรรมชาติ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าสถานที่แห่งนี้มันจะเข้ากับคอนเซ็ปต์ฮิปสเตอร์กันมั้ย แต่ก็นั่นแหละ นี่ก็พากันมาแล้ว จะโอเคหรือไม่อย่างไร ค่อยเถลไถลไปแกรนคอนยอน หางดง ต่อเป็นการปิดท้ายทัวร์ของวัน


ไปออบขาน อยากไปนั่งเล่นมองลำธารแบบเพลินๆ ส่วนไปแกรนคอนยอน หางดง ก็น่าจะเพลินเหมือนกัน โดยจุดประสงค์หลักของผมนอกจากจะพาชาวบ้านไปด้วยแล้ว อีกอันคือ การไปกระโดดเล่นน้ำ
5  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำที่เที่ยว เส้นทางหลวงหมายเลข 107 เชียงใหม่-แม่ริม-แม่แตง-เชียงดาว-ไชยปราการ-ฝาง-แม่อาย / เที่ยวเชียงใหม่ในสไตล์ฮิปสเตอร์ เมื่อ: ธันวาคม 15, 2015, 09:23:17 AM
ตอนที่ 1

ใครที่ติดตามความเป็นไปในกระแสของโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ค คงพอจะทราบกันดีว่า หลังๆ มานี้มีรีวิวสถานที่ท่องเทียวกันเยอะมาก อาจจะด้วยเพราะกระแสของการเที่ยวของคนรุ่นใหม่ ที่ไปแล้วก็อยากกลับมาเล่าถึงประสบการณ์การเดินทางให้คนอื่นได้ฟังกัน ซึ่งมันก็ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับคนอ่านที่จะได้รับข้อมูลเรื่องการท่องเที่ยวที่หลากหลายขึ้น ส่วนข้อมูลอันไหนดีมีประโยชน์ต่อสมองมากน้อยแค่ไหน อันนี้ก็ต้องไปพิจารณากันเอา


มีกระแสการท่องเที่ยวในเชียงใหม่แบบหนึ่งที่ดูน่าสนใจกันครับ ผมขออนุญาตเรียกว่า เป็นการเที่ยวในแบบสไตล์ของ “ฮิปสเตอร์” ก็แล้วกัน โดยกลุ่มคนเหล่านี้เขาจะมีสถานที่ฮิตๆ ที่ชอบไป แล้วคนอื่นๆ ที่เป็นสายพันธุ์เดียวกันก็จะตามรอย

สำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่าเที่ยวแบบ “ฮิปสเตอร์” มันคือแบบไหนใน จ. เชียงใหม่ ของกระแสโซเชียลเน็ตเวิร์ค ผมจะขออธิบายให้เห็นภาพคร่าวๆ ดังต่อไปนี้


สถานที่ฮิตๆ ที่ชอบไปกันต้องมี แกรนแคนยอน หางดง, ม่อนแจ่ม, บ้านแม่กำปอง, สวนพฤกษศาสตร์ แม่ริม และบ้านข้างวัด หลักๆ ก็มีกันประมาณนี้ ที่เหลือก็อาจจะปรับเปลี่ยนกันไปตามแต่สถานการณ์ โดยคอนเซ็ปต์ของพวกเขาคือเน้นสไตล์แบบ “Slow Life” ช้าๆ เนิบๆ ค่อยๆ ซึมซับกับบรรยากาศ


ผมมีโอกาสได้พาน้องสาวที่รู้จักคนนึงพาเที่ยวแบบฮิปสเตอร์ คือจริงๆ แล้ว ผมไม่ได้ตั้งใจจะพาไปเที่ยวแบบนั้น แต่น้องเขารีเควสมา ก็นะ เลยต้องตามใจคนอยากเที่ยว ส่วนผม คือ ไปตอนไหนยังไงก็ได้

โปรแกรมเที่ยวแบบฮิปสเตอร์คร่าวๆ หลังจากวางแผนที่จะไปกัน มีหน้าตาออกมาประมาณนี้ คือ ไปสวนพฤกษศาสตร์ แม่ริม ไปม่อนแจ่ม ไปแกรนแคนยอน หางดง ไปบ้านแม่กำปอง ไปบ้านข้างวัด


วันแรกเริ่มต้นด้วยการไปสวนพฤกษศาสตร์ แม่ริม ตรงในส่วนของโรงเรือนที่มีกระบองเพชร ไอ้ที่ตรงนี้ผมก็ไม่รู้นะว่าใครเป็นคนเริ่มต้นมาสร้างกระแสแบบฮิปสเตอร์ มาถ่ายรูปคู่กับกระบองเพชร (ฮิปสเตอร์ชอบเลี้ยงกระบองเพชร)  ซึ่งแต่ก่อนย้อนกลับไป 1 ปีที่แล้ว แทบจะไม่ค่อยมีใครมาเที่ยวถ่ายรูปกัน แต่ ณ ปัจจุบันนี้ต้องบอกเลยว่ามันกลายเป็นแลนด์มาร์คสำคัญแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ และอาจจะประเทศไทย ที่บรรดาเหล่าฮิปสเตอร์ทั้งหลาย ต้องขีดเส้นใต้เน้นๆ เลยว่า “ต้องมา”
ออกจากสวนพฤกษสาสตร์ แม่ริม ก็พากันถ่อมายังม่อนแจ่ม สถานที่ที่ใครๆ ก็อยากมาไม่เว้นแม้แต่ฮิปสเตอร์ ที่ก็อยากมาเพื่อจะได้สัมผัสทะเลหมอก วิวทิวทัศน์ แปลงกะหล่ำ แปลงดอกไม้ พร้อมกับถ่ายรูปชิลๆ และจิบกาแฟ

เพียงแต่ว่าไอ้ที่คิดไว้ก่อนมานั้น มันจะสมหวังกับที่คิดไว้รึเปล่า
6  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / Re: วัดแม่ตะไคร้ กับรูปเหมือน หลวงปู่ทวด ปางยืนธุดงค์ องค์ใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อ: ธันวาคม 12, 2015, 09:38:24 AM
ตอนที่ 3



หลังจากร่ายยาวถึงประวัติของวัดไป ก็มาดูสิ่งที่น่าสนใจภายในวัดแห่งนี้ครับ เริ่มต้นที่รูปเหมือน หลวงปู่ทวด ปางยืนธุดงค์ องค์ใหญ่ที่สุดในโลก ที่หล่อด้วยโลหะผสม ขนาดความสูงรวมฐาน 29 เมตร มี อ.หนู กันภัย ผู้เชี่ยวชาญทางด้านอักขระ-เลขยันต์ รับเป็นประธานดำเนินการจัดสร้าง  โดยการสร้างครั้งนี้ ทุนในการจัดสร้างส่วนหนึ่งมาจากการสร้างภาพยนตร์เรื่อง “ห้าแถว” ที่ประพันธ์ขึ้นมาเอง จากประสบการณ์ส่วนตัว ตลอดชีวิตการเป็นอาจารย์ด้านการสักยันต์ของ อ.หนู กันภัยปัจจุบันรูปเหมือนหลวงปู่ทวดยังไม่เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อย เพราะต้องใช้งบประมาณมากถึง 50-60 ล้านบาท ซึ่งงานนี้ก็คงต้องท่านผู้มีจิตศรัทธากันทั้งหลายช่วยกันบริจาคครับ


สำหรับด้านบนรูปเหมือนหลวงปู่ทวด ที่สามารถเดินขึ้นไปได้นั้น สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์รอบๆ วัดแม่ตะไคร้กันได้ครับ ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยป่าเขา และทุ่งนาสีเขียวดูแล้วสบายตา และเงียบสงบกันอย่างสุดๆ


จากรูปเหมือนหลวงปู่ทวด มาที่ฝั่งตรงข้ามที่เป็นวัดแม่ตะไคร้ ภายในนี้จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยกันหลายอย่าง เช่น พระสิงห์แสนล้าน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์, หลวงพ่อทันใจ มหามงคลได้สมปรารถนา, องค์โลกิเตศวรโพธิ์สัตว์(เจ้าแม่กวนอิม), พระพิฆเนศวร(รีนาโมจันคณปติ)ซึ่งมี  16  กรองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รูปปั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ปางเลิกทาส), เจ้าแม่ตะเคียนทองและกุมารทองเรียกทรัพย์ที่แกะจากไม้ตะเคียนตายพราย ที่แสดงปาฏิหาริย์ให้ผู้ที่ไปกราบไหว้สักการะ ให้ได้เห็นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน


ในส่วนของอุโบสถของทางวัดที่ด้านในประดิษฐานองค์หลวงพ่อทันใจ มหามงคลได้สมปรารถนา ลักษณะเป็นรูปทรงอุโบสถล้านนา ที่มีความวิจิตรสวยงาม ในเรื่องของลวดลายต่างๆ อีกทั้งบริเวณโดยรอบของอุโบสถ ยังมีรูปเหมือนของพระเถระที่สำคัญในเมืองไทยหลายรูปให้ได้สักการะกันอีกด้วย สำหรับวิหารของวัดจะอยู่ห่างจากอุโบสถออกไปตรงประตูทางเข้าอีกทางหนึ่ง ตัววิหารมีลักษณะเด่นตรงที่ตัวอาคารเป็นสีชมพู ตัดกับกะเบื้องมุงหลังคาที่มีสีน้ำเงินเข้ม ซึ่งดูแปลกตาออกไปดีจากที่เคยเห็นที่เป็นตัวอาคารสีขาว และกระเบื้องมุงหลังคาเป็นสีน้ำตาล


นอกจากศาสนสถานและศาสนวัตถุภายในวัดแห่งนี้จะมีให้เลือกสักการะมากมายแล้ว ภายในก็ยังสิ่งศักดิ์สิทธ์อื่นๆ เอาไว้ให้ศรัทธาประชานเอาไปบูชากันอีกได้ครับ


เสร็จจากเที่ยววัดเสร็จตอนกลับ ใครมีเวลาว่างเหลือๆ อยากไปผ่อนคลายกับธรรมชาติ สามารถแวะไปเที่ยวที่อ่างเก็บน้ำแม่ตระไคร้ได้ ซึ่งอยู่ห่างจากวัดไปไม่ไกลมากนักประมาณ 5 กิโลเมตรด้วยกันครับ

7  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / Re: วัดแม่ตะไคร้ กับรูปเหมือน หลวงปู่ทวด ปางยืนธุดงค์ องค์ใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อ: ธันวาคม 10, 2015, 09:15:42 AM
ตอนที่ 2


หลังจากที่ ครูบาอิ่นคำ คำภีระปัญโญ ได้จำพรรษา และบูรณะวัดขึ้นมาใหม่ ในปี พ.ศ. 2525 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถพร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมงกุฎราชกุมาร  เสด็จพระราชดำเนินมาที่หมู่บ้านแม่ตะไคร้ฯ นี้ และทรงสร้างอ่างเก็บน้ำพระราชดำริขึ้นมาเพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในยามหน้าแล้งและยังทรงเยี่ยมราษฎร พร้อมทั้งพระราชทานสิ่งของให้กับชาวบ้าน ด้วยพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ สร้างศาลาและกุฏิสงฆ์พระราชทาน, ยุ้งข้าวพระราชทานให้กับครูบาอิ่นคำ


เมื่อครูบาอิ่นคำก็ได้มรณภาพลง จึงได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานเพลิงศพครูบาอิ่นคำในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2528  และตั้งแต่นั้นมาในเดือนมีนาคมของทุกปี  ทางวัดจะจัดงานบำเพ็ญกุศลถวายให้กับท่านพระครูอิ่นคำมาตลอด


ทั้งนี้ ก่อนที่ท่านครูบาอิ่นคำจะมรณภาพท่านได้ทำนายไว้ว่า จะมีพระภิกษุรูปหนึ่งจะเดินทางมาพบและมาอยู่ที่วัดนี้ และจะทำที่วัดแห่งนี้มีความเจริญ  ซึ่งพระรูปนี้ไม่ต้องให้ใครไปนิมนต์ท่านมาอยู่ ท่านจะมาอยู่ของท่านเองที่วัดแห่งนี้ จนกระทั่งพระเทียนชัย สุภัทโท เดินทางมาพบวัดแห่งนี้ และได้ตั้งจิตอธิษฐานต่อหน้ารูปปั้นของ ครูบาอิ่นคำ ว่าจะขอพัฒนาวัดแห่งนี้ให้เจริญก้าวหน้า พระเทียนชัย สุภัทโท จึงได้เริ่มมาจำพรรษาตั้งแต่วันที่  4  ธันวาคม  พ.ศ. 2542  ได้เริ่มลงมือก่อสร้างพระวิหารหลังใหม่ขึ้นมา โดยเริ่มประกอบพิธีการก่อสร้างตั้งแต่นั้นมาใช้เวลาประมาณ  4  ปี  การก่อสร้างก็แล้วเสร็จจามจิตอธิษฐานที่พระเทียนชัย  สุภัทโทได้ตั้งไว้  นอกจากนั้นในขณะที่พระเทียนชัย สุภัทโทได้จำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้  ก็ได้ทำการก่อสร้างถาวรวัตถุต่างๆ ขึ้นมาอีกมากมาย


ราวปี พ.ศ. 2545  พระเทียนชัยได้พบกับอาจารย์หนู  กันภัยและคบหาไปมาหาสู่กันตลอดเวลา จนทราบว่าพื้นที่ของวัดแม่ตะไคร้ฯ นั้นอยู่กลางป่าเขาทุรกันดาร  อาจารย์หนูจึงได้ปรารภกับพระเทียนชัยเพื่อสนับสนุนโครงการ  30  บาทรักษาทุกโรคขึ้น  เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่  นอกจากนี้ยังได้บริจาคในด้านสาธารณะสงเคราะห์บริจาคโลงศพฟรี(แต่เพียงผู้เดียว) ในกับผู้ที่ยากไร้ จนถึงปัจจุบันวัดแห่งนี้แม้ด้วยเวลาเพียง 8-9 ปีที่ผ่านมาที่พระเทียนชัยจำพรรษา ได้สร้างถาวรวัตถุไว้มากมาย  ทั้งนี้พระเทียนชัย ยังปลื้มใจมากที่อาจารย์หนู  กันภัยได้เข้ามามีส่วนร่วมเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง ในการสร้างพระอุโบสถหลังปัจจุบัน


ส่วนตอนสุดท้ายจะพาไปดูนมัสการรูปเหมือนหลวงปู่ทวด ปางยืนธุดงค์ องค์ใหญ่ที่สุดในโลก และชมสิ่งที่น่าสนใจภายในวัดกัน

8  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / วัดแม่ตะไคร้ กับรูปเหมือน หลวงปู่ทวด ปางยืนธุดงค์ องค์ใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อ: ธันวาคม 10, 2015, 09:08:41 AM
ตอนที่ 1


ว่ากันว่าตามธรรมชาติของมนุษย์นั้น อะไรที่มันดูยิ่งใหญ่ ดูที่สุดในเรื่องของการท่องเที่ยวไม่ว่าจะแนวไหน ย่อมตกเป็นที่สนใจในลำดับต้นๆ เสมอ และยังมีแรงดึงดูดให้เราอยากที่จะไปสถานที่แห่งนั้นกันซักครั้ง เรื่องแบบนี้เป็นกันทุกคน ผมก็คนนึง


หลังจากไล่ตระเวนเที่ยวสถานที่สำคัญใน อ.แม่ออน กันมาหลายที่ มาครั้งนี้ก็ถึงอีกหนึ่งสถานที่สำคัญ ที่ดึงดูดให้ผมอยากมาเยือนกันซักหน คือถ้าไม่ได้มาเนี่ย นอนไม่หลับกัน 3 คืนแน่นอน
วัดแม่ตะไคร้ วัดที่มีรูปเหมือน หลวงปู่ทวด ปางยืนธุดงค์ องค์ใหญ่ที่สุดในโลก!


การเดินทางมายังวัดแม่ตะไคร้ ถ้ารถส่วนตัวก็จะสะดวกสุด จะมอเตอร์ไซค์หรือรถยนต์ก็ได้ (ใครไม่มีรถคงต้องเหมากันมา) ให้มาตามเส้นทางเชียงใหม่ – สันกำแพง หมายเลข 1317 ขับไปจนถึงสี่แยกแล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนหมายเลข 1006 ผ่านโรงพยาบาลแม่ออน แล้วเข้าสู่ถนนหมายเลข 1229 ขับผ่านลัดเลาะไปตามเขา (ถนนค่อนข้างโค้งเยอะ แต่ไม่อันตราย) จากนั้นก็จะไปสุดตรงสามแยกเป็นถนนหมายเลข 1230 ให้เลี้ยวซ้าย ขับไปประมาณ 2 -3 กิโลเมตร ก็เป็นอันว่าถึงวัดแม่ตะไคร้ที่อยู่ฝั่งขวามือกันครับ ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นรูปเหมือน หลวงปู่ทวด ปางยืนธุดงค์ องค์ใหญ่ที่สุดในโลกส่วนขากลับก็กลับกันทางเดิมครับ อีกทางที่มุ่งหน้าเลยวัดไป มันจะเข้าไปเขตอุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ (ทางไปน้ำตกตาดเหมย) เส้นนี้ไม่แนะนำให้ไปกันครับ เพราะถนนไม่ค่อยดี แถมอ้อมไกล ซึ่งเหตุผลเดียวที่ควรจะไปทางนี้ มีอย่างเดียวคือ คุณไปเที่ยวน้ำตกตาดเหมย


มากันที่เรื่องวัดแม่ตะไคร้ ตามประวัติความเป็นมาบอกเล่าว่าเป็นวัดเก่าแก่สร้างมาตั้งแต่ปี พ..ศ.2391เมื่อสมัยรัชกาลที่ 5ได้รับราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี พ.ศ.2396สมัยเมื่อก่อนนี้ยังไม่มีวัดได้มีชาวบ้านคู่หนึ่งนามว่า พ่อเฒ่าแม่จ๊ะ กับแม่เฒ่าแยง เป็นคนริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านนี้มา และสร้างวัดนี้ไว้และมีการเปลี่ยนเจ้าอาวาสมาเรื่อยๆ


เนื่องจากสมัยนั้นสถานที่ตั้งของวัดอยู่ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพร เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางไปมาติดต่อกับโลกภายนอก  อีกทั้งประชาชนส่วนใหญ่ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงล้วนแต่มีเชื้อสายเขมร หรือไม่ก็ชาวป่าชาวเขาซึ่งนิยมนับถือผีมากกว่าพระ  ทำให้วัดแม่ตะไคร้ฯ ขาดผู้อุปถัมภ์ทำนุบำรุงจนต้องทรุดโทรมร่วงโรยกลายสภาพเป็นวัดร้างไป จนกระทั่งต่อมามีพระภิกษุรูปหนึ่งธุดงค์เดินผ่านมาทางนี้ และพบเสมาองค์หนึ่งโผล่พ้นดินขึ้นมาเมื่อได้ทำการสำรวจตรวจสอบไปรอบๆ บริเวณ  ทำให้ท่านมั่นใจได้ว่า ณ ที่ป่าแห่งนี้ต้องเคยเป็นวัดเก่าอันเป็นสังฆมณฑลมาก่อนอย่างแน่นอน  ท่านจึงได้อยู่จำพรรษาเริ่มต้นบูรณะวัดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง พระภิกษุรูปดังกล่าวก็คือ ครูบาอิ่นคำ คำภีระปัญโญ

9  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / วัดบ้านโห้ง เมื่อ: ธันวาคม 08, 2015, 10:23:49 AM

หลังจากนี้ไปคาดว่าคงอีกนานเลยล่ะ กว่าจะได้มีโอกาสมาเที่ยววัดกันอีกที เพราะเมื่อเชียงใหม่ได้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวกันแล้วมันก็ต้องโฟกัสกันไปเรื่องดอย เรื่องป่าเขา คือถ้าไม่เที่ยวดอยกันช่วงนี้ ก็ไม่รู้จะไปเที่ยวกันช่วงไหน ส่วนเรื่องเที่ยววัดนั้นพับแผนเอาไว้ชั่วคราวกันก่อน เพราะมันจะไปตอนไหนก็ได้ ก็วัดมันตั้งอยู่ตายตัวไม่มีเรื่องฤดูกาลมาเกี่ยวข้องอยู่แล้ว ยกเว้นเสียแต่ว่า หน้าฝนที่มันทำให้ดูอึมครึมกันไปซักหน่อย


มาคราวนี้พากันมาเที่ยววัดแถวสันกำแพง ที่เลยๆ เกือบจะมาถึงฝั่งแม่ออน ชื่อวัดบ้านโห้ง ที่ได้มาเที่ยวกัน เพราะขากลับจากอ่างเก็บน้ำแม่ผาแหน ซึ่งเห็นว่าวัดแห่งนี้น่าสนใจดี เลยถือโอกาสแวะมาถ่ายภาพกันในช่วงบ่ายของวัน


วัดบ้านโห้ง ตั้งอยู่เลขที่ 1 บ้านโห้ง ต.ออนใต้ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ มีเนื้อที่วัดประมาณ 5 ไร่ด้วยกัน ซึ่งถือว่าไม่กว้างมาก สร้างเมื่อ พ.ศ . 2465 ได้รับการตั้งแต่งเป็นวัดที่ถูกต้องเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2475 โดยที่ผ่านมามีเจ้าอาวาสด้วยกันถึง 10 รูป


สิ่งที่สนใจภายในวัดเริ่มต้นที่ เจดีย์วัดบ้านโห้ง เจดีย์รูปทรงสี่เหลี่ยม ซ้อนชั้น คล้ายรูปทรงปราสาทหรือที่อยู่ของกษัตริย์ เจดีย์รูปทรงนี้เชื่อว่าพัฒนาการมาจากเจดีย์ทรงศิขรของอินเดีย เป็นเจดีย์ทรงปราสาทที่มีเรือนธาตุและมีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปภายในชั้นเดียว และมีส่วนยอดทำเป็นเจดีย์องค์ระฆังขนาดเล็กซ้อนชั้นขึ้นไป ซึ่งถือว่าเป็นรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของเจดีย์ทรงปราสาทล้านนา โดยลักษณะของเจดีย์ทรงปราสาท ประกอบไปด้วยองค์ประกอบ 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ ส่วนฐาน ส่วนเรือนฐาน และส่วนยอด สำหรับส่วนฐานนั้นทำเป็นฐานรูปสี่เหลี่ยมเช่นเดียวกับกับเจดีย์ทรงกลม เรียกว่าฐานเขียง และมักทำซ้อนชั้น 2-3 ชั้น เหนือขึ้นไปเป็นส่วนเรือนธาตุรูปทรงสี่เหลี่ยม มีช่องเพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปทั้งสี่ด้าน เหนือขึ้นไปเป็นส่วนยอดซึ่งมักจำลองเอาส่วนยอดของเจดีย์ทรงกลมมาใช้ในลักษณะเดียวกันทั้งนี้ตรงองค์เจดีย์ มีรูปเหมือนครูบาศรีวิชัยประดิษฐานอยู่


ส่วนสิ่งที่น่าสนใจอีกสองแห่ง เป็นตัววิหารของวัดรูปทรงล้านนา ลักษณะโครงสร้างของอาคาร เป็นการผสมผสานระหว่าง โครงสร้างก่ออิฐฉาบปูน กับ โครงสร้างไม้ หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผาหรือแป้นเกล็ด (หลังคาแผ่นไม้) ออกแบบแผนผังอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีการยกเก็จของผัง ภายในวิหารแบ่งพื้นที่ใช้สอยออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่พื้นที่ของพระสงฆ์ พื้นที่ของฆาวาส และฐานชุกชี หรือแท่นแก้ว ภายในวิหารมีจิตกรรมฝาผนังเกี่ยวกับเรื่องราวของพุทธศาสนา ส่วนอุโลสถนั้นที่อยู่เยี่ยงๆ กันไป เป็นอุโบสถรูปทรงล้านนา อาคารที่พระสงฆ์ใช้ประชุมสังฆกรรมร่วมกัน


10  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ เขื่อน อ่างเก็บน้ำ ในเชียงใหม่ / Re: เที่ยวเพลิน เดินสำรวจที่ อ่างเก็บน้ำแม่ผาแหน เมื่อ: ธันวาคม 04, 2015, 09:30:50 AM
ตอนที่ 2

เดินลงไปตรงที่กั้นน้ำแล้วก็พบว่ามีทางที่มอเตอร์ไซค์สามารถขับลงและข้ามไปยังฝั่งนู้นได้ ซึ่งเมื่อทราบดังนั้นก็ไม่รอช้า ผมขับมอเตอร์ไซค์ข้ามไป โดยไม่สนซักนิดเลยว่ามอเตอร์ไซค์ที่ขับอยู่นั้น มันเป็นมอเตอร์ไซค์เอาไว้ไปจ่ายตลาด


พอขับข้ามมาได้สำเร็จแล้วหันมองกลับมาดู พบว่าฝั่งนี้สามารถมองเห็นวิวของอ่างเก็บน้ำได้ถูกใจพอสมควร แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือ ถนนมันสุดแค่ตรงสันเขื่อนแค่นั้น และไม่มีถนนขับอ้อมรอบอ่างเก็บน้ำได้ว่าแล้วงานนี้ก็เลยต้องขับวกกลับมาทางเดิมก่อนจะขับอ้อมไปตามถนนที่เขาสร้างไว้วนขวารอบอ่าง



ระหว่างทางเส้นนี้จะผ่านถนนลูกรังและป่าไม้ที่อยู่ในเขตอุทยานกันครับ บรรยากาศค่อนข้างจะเงียบสงบ ป่าบางช่วงจะร่มรื่น มีสลับกับป่าแห้งๆ บ้าง


ในส่วนของ อ่างเก็บน้ำแม่ผาแหน โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นอ่างเก็บน้ำที่ใช้เพื่ออุปโภค-บริโภค การเกษตรและการปศุสัตว์ สำหรับประชานที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น โดยเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2520 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรโครงการหมู่บ้านสหกรณ์สันกำแพง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ มีราษฎรจากตำบลออนใต้เดินทางมาเฝ้ารับเสด็จฯ และถวายแผนผังเพื่อขอพระราชทานสร้างอ่างเก็บน้ำในบริเวณลำน้ำแม่ผาแหน เพื่อส่งน้ำให้ประชาชนในพื้นที่ตำบลออนใต้ ให้สามารถใช้เพื่อการอุปโภคและบริโภคได้


เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จฯ ทอดพระเนตรสถานที่ดังกล่าวและมีพระกระแสรับสั่งแก่พ่อหลวงอุดทา อินตายง อดีตผู้ใหญ่บ้านตำบลออนใต้ผู้ขอพระราชทานพร้อมราษฎรผู้ขอพระราชทาน 3 ประการ สรุปได้ความว่า 1.เงินมีน้อย เมื่อสร้างอ่างเก็บน้ำให้แล้ว คู คลองส่งน้ำให้ช่วยกันทำเอง 2.เมื่อสร้างให้แล้วอย่างแย่งกันใช้น้ำ และ 3. ที่ดินข้างเคียง อย่างแย่งกันถือครอง


ต่อมามีการปฏิรูประบบราชการเมื่อเดือนตุลาคม 2545 กรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับมอบอ่างเก็บน้ำแม่ผาแหน อันเนื่องมาจากพระราชดำริมาอยู่ในความรับผิดชอบ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา กรมทรัพยากรน้ำ โดยสำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 1 ลำปาง ทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลอ่างเก็บน้ำแม่ผาแหน ตลอดมา


กลับไปที่เรื่องบรรยากาศของอ่างเก็บน้ำกันอีกรอบเพื่อเป็นการส่งท้าย ผมขับรถมาจอดช่วงกลางทาง แล้วเดินลงไปยังด้านล่างของอ่างเก็บน้ำ สภาพที่เห็นปัจจุบันนี้ต้องบอกว่าน้ำค่อนข้างน้อยครับ ไม่ต่างจากอ่างเก็บน้ำที่อื่นๆ ในเชียงใหม่ ที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ อ่างเก็บน้ำที่นี้เงียบ และห่างไกลจากผู้คน ซึ่งเท่าที่ผมพบเห็นก็มีแค่ชาวบ้านเอาวัวควายไปเลี้ยงก็เท่านั้น ส่วนไอ้เรื่องจะบอกว่ามันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้มั้ย ณ ช่วงเวลานี้ คงต้องบอกว่าไม่ครับ มันเปลี่ยวไป หาใครอยากจะมาปลีกวิเวก

และถ้าจะมา ยกเว้นเสียแต่ว่าคุณเป็นคนไม่กลัวอะไรซักอย่างแบบผมเลยครับ
11  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ เขื่อน อ่างเก็บน้ำ ในเชียงใหม่ / เที่ยวเพลิน เดินสำรวจที่ อ่างเก็บน้ำแม่ผาแหน เมื่อ: ธันวาคม 03, 2015, 10:29:24 AM
ตอนที่ 1

กลับไปเปิดดูภาพใน HDD ตัวเองแล้วก็พบว่ายังมีภาพถ่ายอ่างเก็บน้ำอยู่หลายที่ด้วยกันที่ยังไม่ได้เอามาเขียนรีวิว ซึ่งหลังจากใช้เวลาคิดว่าจะเขียนอันไหนก่อนดี งานนี้ก็เลยเลือกเอาเรื่องที่อยากเขียนมากที่สุดก็แล้วกัน และหวยก็มาตกที่ อ่างเก็บน้ำแม่ผาแหน ใน อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่


อย่างที่เราๆ ท่านๆ เข้าใจกันว่า อ่างเก็บน้ำหลายๆ ที่นอกจากประโยชน์ในด้านของชลประทานแล้ว ยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจไปในตัวกันอีกด้วย แต่ก็ใช่ว่าทุกที่มันจะเป็นที่เที่ยวได้ อย่างที่ผมไปเจอมาล่าสุดนี้ ก็อ่างเก็บน้ำแม่ผาแหนนี่แหละ


จริงๆ แล้วจะบอกว่ามันเป็นที่เที่ยวไม่ได้ก็ไม่เชิง ที่น่าจะถูกต้องน่าจะบอกว่ามันเป็นได้ แต่ไม่มีคนสนใจและดูแลก็เท่านั้น

ผมออกมาจากตัวเมืองเชียงใหม่ในช่วงบ่ายของวัน เพื่อมุ่งหน้ามายังอ่างเก็บน้ำแม่ผาแหน ตอนมาเนี่ยก็ไม่ได้ดูแผนที่อย่างมาละเอียดมากนะ โดยกะว่าจะมาอาศัยถามชาวบ้านแถวนี้กันเอา แต่ก่อนถามก็จะลองขับรถมาตามเส้นทางดู ถ้าถึงก็แสดงว่าโอเค ไม่ต้องไปขอความช่วยเหลือใคร แต่ถ้าไม่ ก็ค่อยว่ากันทีหลัง


ผมขับรถมาตามเส้นทาง เชียงใหม่ – สันกำแพง ถนนหมายเลข 1317 จนถึงสี่แยกแล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนหมายเลข 1006 แถวๆ โรงพยาบาลแม่ออนก่อนเลี้ยวทางแยกขวาเข้ามายังวัดบ้านโห้ง ขับผ่านวัดมาจนถึงสามแยก (ในภาพ) จนเจอป้ายมายัง หน่วยพิทักษ์อุทยานแม่ตะไคร้แห่งที่ 4 เลี้ยวเข้ามาขับผ่านถนนที่เป็นทางเล็กๆ จนเกือบจะร้าง ผ่านหน่วยพิทักษ์อุทยานแม่ตะไคร้แห่งที่ 4 ลึกเข้าไปเรื่อยจนสุดทางจนเจออ่างเก็บน้ำ


เมื่อมาถึงไม่น่าเชื่อเลยว่าตัวผมเองนั้น สุ่มเดาทางมาเองจนเจอได้ ยิ่งพิจารณาจากทางเข้ามาที่ลึกมาก แม่เจ้า นี่ตูตามหาอ่างเก็บน้ำได้ไงเนี่ย


เมื่อเข้ามาถึงยังอ่างเก็บน้ำ ผมเดินสำรวจดูป้ายก่อนเลยว่ามันใช่หรือไม่ เพราะกลัวจะพลาดว่ามาผิดที่อีกและเมื่อเจอป้ายแสดงถึงความชัวร์ ก็ได้เวลาสนุกในการออกสำรวจกันโดยเลือกมาทางด้านฝั่งขวามือของอ่างเก็บน้ำก่อน จากนั้นค่อยจะไปทางซ้ายมือที่มีถนนซึ่งน่าจะสามารถขับรถอ้อมตัวอ่างเก็บน้ำได้


เริ่มต้นสำรวจก็เจอความลำบากเลยครับ เมื่อถนนที่ผมไปนั้นมันสุดทางแค่ตรงที่กั้นน้ำเท่านั้น แต่ด้วยความสงสัยก็ไม่วายคิดว่าทำไมฝั่งที่จะข้ามมีถนนด้วย ว่าแล้วก็เลยเดินลงไปสำรวจแล้วตอนหน้ามาต่อกันให้จบ
ครับ

12  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ ตลาดเชียงใหม่ กาดเจียงใหม่ กาดหมั้ว / อยากได้เสื้อผ้าพื้นเมือง หัตถกรรมชาวเขา เชิญมาช็อปเอาได้ที่ วิชัยบราเดอร์ 99 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2015, 09:30:20 AM
ตรอกเล่าโจ๊วถือได้ว่าเป็นไชน่าทาวน์เล็กๆ แห่งเมืองเชียงใหม่กันนะครับ ซึ่งมีโอกาสหลายครั้งเลยล่ะ ที่ผมแว่บผ่านไปผ่านมา ทั้งไปเดินถ่ายภาพเล่น พาเพื่อนไปซื้อของบ้าง รวมทั้งขับรถผ่านก็บ่อย (อันนี้ขอนับด้วยล่ะกัน ฮ่าๆๆ)


ตรอกเล่าโจ๊ว เป็นแหล่งจำหน่ายผ้าทอพื้นเมือง ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในเชียงใหม่ครับ พวกผ้าใยกัญชง ผ้าฝ้าย ผ้าไหมแบบ ธรรมดา และผ้าลายบาติกรวมทั้งหัตถกรรมของชาวเขาซึ่งถ้าใครอยากได้เสื้อผ้า และของที่ระลึกแบบนี้ ต้องแวะมาแถวนี้กันเลย มีให้เลือกกันเยอะ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้วกับ เสื้อผ้าพื้นเมือง หัตถกรรมชาวเขา ร้านที่น่าสนใจ หนึ่งในนั้นต้องมีร้าน “วิชัยบราเดอร์ 99”


“วิชัยบราเดอร์ 99” ตั้งอยู่ใน ถ.ข่วงเมรุ ต.ช้างม่อย อ.เมือง เชียงใหม่ ก่อนถึงศาลเจ้ากวนอู หาไม่ยาก ที่นี่มีเสื้อผ้าพื้นเมืองจำหน่าย รวมทั้งหัตถกรรมชาวเขา ที่มีให้เลือกกันหลายแบบมาก อย่างรองเท้าผ้าฝ้าย ราคาถูกๆ 3 คู่ 100 บาท กระเป๋าใส่ของเล็กๆ น้อยๆ ที่มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์ เหมาะสำหรับผู้หญิง ชุดเด็กชาย เด็กหญิงแม้วผ้าฝ้าย เสื้อผ้าชาวเขาแบบอื่นๆ ทั้งของเด็กและผู้ใหญ่ หมวก ย่าม ผ้าผืน เรียกได้ว่ามีหมด แถมซื้อเยอะแม่ค้าใจดี มีแถมสร้อยข้อมือจักสานด้วย


ทั้งนี้ ลวดลายต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์นั้น ผ่านมาจากฝีมือการเย็บปักถักร้อยของชาวเขาเผ่าต่างๆ จึงทำให้สินค้าที่ออกมาจำหน่ายแต่ละตัวมีความประณีต และมีความน่าสนใจ ส่วนเสื้อผ้าพื้นเมืองที่น่าสนใจก็มี ผ้าใยกัญชาผ้าทอเส้นใยหยาบจากใยของต้นกัญชาหรือต้นกัญชา จะคล้ายผ้าลินิน เมื่อผ่านการชักจะนุ่ม มีสีน้ำตาลอ่อน นิยมนำมาตัดชุดสตรี ซึ่งผ้าใยกัญชานี้ถือเป็นผ้าทอของชาวเขาเผ่าม้ง เคยได้รับความนิยมมากในยุคหนึ่ง


ความมหัศจรรย์ของผ้าใยกัญชานั้น คือเส้นใยมีลักษณะเรียงตัวเป็นแนวตั้งสม่ำเสมอ และมีความเหนียวทนทาน ทั้งยังสามารถดูดซับความชื้นโดยรอบ ทำให้คงสภาพความเย็นชุ่มชื้น และระบายถ่ายเทได้อย่างดีเยี่ยม เวลาสวมใส่ ซึ่งเป็นคุณสมบัติทางฟิสิกส์ และทางธรรมชาติของเส้นใยที่มีอยู่ดั้งเดิมมานับล้านๆปีอยู่แล้วนอกจากนี้ เส้นใยกัญชง ยังมีความเหนียวมากที่สุดเมื่อเทียบกับเส้นใยจากธรรมชาติประเภทอื่นๆ


สำหรับใครที่สนใจอยากได้เสื้อผ้าพื้นเมือง หัตถกรรมชาวเขา ผ้าใยกัญชา ก็ลองแวะมาหาเลือกซื้อได้ที่ร้าน “วิชัยบราเดอร์ 99” ครับ เบอร์โทรติดต่อ 053-233315 และหากใครยังไม่หนำใจในสินค้าก็สามารถเดินหาเลือกซื้อในย่านตรอกเหล่าโจ๊วกันได้อีก เพราะแถวนี้มีเสื้อผ้าพื้นเมืองให้เลือกซื้อกันอีกเยอะแยะตั้งหลายร้านครับกระผม โดยเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ จันทร์ ช่วงเช้าก่อนเที่ยง จะมีพ่อค้าแม่ค้าจากต่างอำเภอที่เป็นชาวเขา เอามาขายเยอะเป็นพิเศษ

13  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ร้านอาหารพื้นเมืองเชียงใหม่ / น้ำพริกหนุ่มรสดีต้องที่ ร้านเจ๊หงษ์ น้ำพริกหนุ่ม เมื่อ: ธันวาคม 01, 2015, 09:18:59 AM
“ทุกสิ่งถูกใจ ไปกาดหลวง” ผมบอกกับเพื่อน ถึงคำนิยามของตลาดแห่งนี้


ขยายความกันให้เข้าใจ ที่ต้องบอกแบบนั้น เพราะไม่ว่าคุณจะอยากได้อะไร ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน ของฝาก ของที่ระลึก เสื้อผ้า ให้มาที่ตลาดแห่งนี้ รับรองไม่มีคำว่าผิดหวัง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้วกับของฝากในรูปแบบของกิน มาที่นี้ที่เดียว จบเลย ได้ของไปฝากชาวบ้านครบแน่


พูดถึงเรื่องของฝากในรูปแบบของกินแล้ว ที่ขึ้นชื่อในเชียงใหม่ ก็ต้องมีไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม แคบหมู หมูยอ แหนม ผลไม้อบแห้ง ผลไม้สด ขีดเส้นวงกลมเน้นๆ หน่อย ประเภทพกง่าย ซื้อง่าย ก็แคบหมู หมูยอ แหนม และของแห้งอื่นๆ


ในกาดหลวงมีร้านขายของฝากประเภทที่ว่ามานี้หลายเจ้าด้วยกันครับ ใครยังไม่เคยไปเดินซื้อก็อาจจะเจอปัญหาว่าควรจะแวะร้านไหนกันดี เอาเป็นว่าเพื่อชีวิตที่ดีและง่ายขึ้น ก็เลยขอเสนอตัวเลือกมาให้ด้วยกัน 1 ร้าน ถ้วนครับ ชื่อร้าน “เจ๊หงษ์ น้ำพริกหนุ่ม” ตั้งอยู่ข้างในกาดหลวงชั้นแรกสุด ที่ขายของฝากกันเยอะๆ นั่นแหละ เดินเข้าไปเลย


ร้าน “เจ๊หงษ์ น้ำพริกหนุ่ม” สินค้าที่นำมาขายก็มีหลากหลายครับ ที่ขึ้นชื่อของร้านก็เป็นน้ำพริกหนุ่ม เผ็ดกำลังดี ทำใหม่ๆ ซื้อไปรับประทานไม่หมดเก็บเข้าไว้ในตู้เย็นได้มีขายทั้งแบบเป็นถุงและกระปุก  แคบหมู มีให้เลือกด้วยกันหลายขนาดของถุงครับ ทั้งหนังพองแบบไม่ติดมัน ที่ชิ้นเล็ก กรอบ และชนิดชิ้นใหญ่ติดมัน ใครชอบแบบไหน สามารถเลือกเอาได้ตามใจชอบ อย่างผมเอาไปกินกับน้ำพริกหนุ่มชอบแบบหนังพอง แต่ถ้าเอาไปกินกับส้มตำเผ็ดๆ ต้องแบบติดมันเท่านั้น ถึงจะอร่อยดี


แหนม หมูยอ ร้านนี้ก็มีขายเช่นกันครับ เท่าที่เห็นวางขาย ก็รับมาจากเจ้าอื่นมาวางขายอย่างหมูยอ และแหนมป้าย่น วิธีเลือกซื้อก็เลือกแหนมที่สีไม่แดงจัดจนผิดธรรมชาติ ส่วนหมูยอที่ใส่ห่อพลาสติกใส อันนี้จะทำให้เก็บไว้ได้นานกว่าแบบใบตอง ผลไม้อบแห้ง ก็มีให้เลือกเยอะแยะเช่นกันอย่าง ลำไยอบแห้ง มะเขือเทศอบแห้ง สตรอว์เบอร์รี่อบแห้ง มะม่วงอบแห้ง ถ้าจะบอกว่าควรเลือกซื้ออะไร ลำไยอบแห้ง กับสตรอว์เบอร์รี่อบแห้งนี่แหละ ที่ดูเข้าท่าที่สุด เพราะเชียงใหม่เป็นแหล่งของมัน


เวลาเปิด – ปิดร้านเจ๊แก ก็ตามเวลาเปิด-ปิดในกาดหลวงครับ ประมาณราวๆ ซักหกโมงเช้า – หกโมงเย็น เอาเป็นว่าใครกำลังมองหาน้ำพริกหนุ่มรสดี มีแคบหมูขาย กินเป็นเครื่องเคียง จะซื้อไปกินเอง หรือซื้อไปฝากเพื่อน ก็ขอฝากร้านเจ๊หงษ์น้ำพริกหนุ่ม เอาไว้พิจารณาอีกร้านด้วยล่ะกันครับ
14  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ร้านก๋วยเตี๋ยวเชียงใหม่ / ท้าพิสูจน์ควาอร่อยที่ เย็นตาโฟสมุทรสาคร อ.สารภี เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2015, 09:33:44 AM
เย็นตาโฟสมุทรสาคร อร่อยที่สุดในโลกมีด้วยกันหลายสาขานะครับในเชียงใหม่ สาขาที่ผมแวะไปกินอยู่เป็นประจำ คือสาขาแยกแอร์พอร์ต ข้างร้านเป่าเปา เนื่องด้วยเพราะตัวเองอยู่ใกล้สาขานี้สุด อีกทั้งเมื่อนึกถึงเย็นตาโฟรสเด็ดในย่านนี้ ก็ต้องมาร้านนี้กันเท่านั้น


ในเรื่องของมาตรฐานนั้น จัดว่าคงเส้นคงวาในความอร่อย และถ้าถามว่าแล้วสาขาอื่นๆ ล่ะ อันนี้ประเดี๋ยวจะพาไปหาคำตอบพร้อมๆ กัน  ซึ่งคำตอบนั้น ผมจะขอพามาพิสูจน์ที่สาขาหน้าไปรษณีย์ อ.สารภี กันครับ สาขานี้ ผมแวะไปกินมานานแล้ว พอดีตอนนั้นที่ไป มีโอกาสไปเดินเที่ยวถนนคนเดินสารภีในวันเสาร์ จังหวะจะหาข้าวเย็นกิน ก็เลยลองแวะมาชิมเย็นตาโฟร้านนี้กัน เพราะเชื่อมั่นลึกๆ ว่าอย่างน้อยๆ สาขาอื่นที่เราเคยไปกินมานั้น รสชาติมันจัดว่าเด็ดใช้ได้


ตำแหน่งที่ตั้งของร้าน อยู่บนถนนต้นยางสายเชียงใหม่ – ลำพูน ครับ เป็นห้องแถวชั้นเดียว อยู่ฝั่งตรงข้ามที่ทำการไปรษณีย์อำเภอสารภี สังเกตกันดีๆ เอาเวลามากิน


เมนูในร้านมีหลากหลายด้วยกันทั้งข้าวซอย ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น เนื้อตุ๋น  ข้าวหมูแดง  ข้าวหมูกรอบ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ เย็นตาโฟ ถ้าให้แนะนำ ก็ต้องเย็นตาโฟ นั่นแหละครับ พระเอกของทางร้าน


อย่างในชามนี้เป็นเย็นตาโฟต้มยำ รสชาติจัดจ้าน เครื่องเครามาเต็ม ทั้งปลาหมึกกรอบ  ลูกชิ้นปลา  เต้าหู้  แคบหมู  กากหมู  เลือด เกี๊ยวกรอบ เส้นปลา และผักบุ้ง แบบคุ้มราคา กรณีถ้าเป็นต้มยำแบบนี้ ใครชอบรสจัดหน่อยก็ปรุงเพิ่มอีกนิดได้ครับ แต่ถ้าใครไม่ชอบรสจัดมาก ก็ไม่ต้องใส่เยอะ โดยเฉพาะพริกป่นที่นี้ ที่ค่อนข้างเผ็ดมาก ทั้งยังเป็นพริกป่นที่คั่วเอง แต่จะไม่ค่อยละเอียดเหมือนกับ พริกป่นที่ซื้อตามท้องตลาดส่วนน้ำส้มสายชู ใครชอบเปรี้ยวเติมนิดเดียวพอ ประเดี๋ยวจะเปรี้ยวจัดจนกินไม่ได้ ราคาต่อชาม ธรรมดา 35 (ชามสีฟ้า) พิเศษ 40 (ชามสีชมพู)


ส่วนเมนูอื่นๆ ที่น่าสนใจก็จะมี เกาเหลาเนื้อตุ๋นมาชิม ที่น้ำซุปเข้มข้น  เนื้อชิ้นหนาใส่มาทั้งเนื้อและเอ็น พร้อมกับลูกชิ้นข้าวซอยไก่ น้ำแกงข้น ๆ  หอมเครื่องแกง เผ็ดกำลังดีใส่บะหมี่กรอบมาให้เยอะ รวมทั้งก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ที่รสชาติเด็ดพอๆ กันกับเวอร์ชั่นของเย็นตาโฟ


สำหรับเวลาทำการของทางร้าน เปิดตั้งแต่ช่วงเที่ยงเป็นต้นไปจนกว่าของจะหมด กรณีสำหรับวันเสาร์ จะมีถนนคนเดินสารภี ตั้งแต่วัดแสนหลวงถึงสี่แยกไฟแดง ร้านจะเปิดถึงค่ำประมาณ 4 ทุ่ม เพื่อให้บริการผู้ที่มาเที่ยวถนนคนเดิน เอาเป็นว่าใครผ่านไปทางถนนเส้นเชียงใหม่ – ลำพูน มีโอกาส ก็อย่าพลาดแวะไปชิมเย็นตาโฟสมุทรสาคร สาขาสารภี กันได้ครับ รับประกันความแซบว่าชัวร์
15  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำสถานทีเที่ยว ในจังหวัดเชียงใหม่-สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่ / ตามหาช้อปเสื้อผ้ามือสองสภาพดีที่ “ตำนานผ้าเก่าพิกุลเจริญ” สาขาศรีปิงเมือง เมื่อ: พฤศจิกายน 27, 2015, 09:24:39 AM
ไม่แน่ใจว่าร้าน “ตำนานผ้าเก่าพิกุลเจริญ” สาขาศรีปิงเมือง ย้ายมาจากสาขาที่เคยอยู่ใกล้ๆ สี่แยกเซ็นทรัล แอร์พอร์ต รึเปล่า หรือแตกแยกย่อยกันออกมาใหม่ เพราะเนื่องจากตรงนั้นที่เดิมได้ปิดตัวลงไปแล้ว แต่จากเท่าที่สันนิษฐาน คิดว่าไม่น่าจะใช่ สาขานี้น่าจะเป็นสาขาที่เปิดใหม่ ส่วนสาขาใหญ่ที่แต่เดิมเป็นแถวๆ สี่แยกเซ็นทรัล แอร์พอร์ต น่าจะเป็นสาขาหลังตลาดแม่เหียะ


“ตำนานผ้าเก่าพิกุลเจริญ” สาขาศรีปิงเมืองถ้าจำไม่ผิดน่าจะเปิดมาได้ประมาณซักราวๆ ปีหนึ่งได้แล้วครับ อยู่บนถนนศรีปิงเมือง ต.หายยา แถวโซนที่เป็นร้านคาราโอเกะ ร้านนั่งดื่มในตอนกลางคืน


สาขานี้ขนาดร้านถือว่าไม่ได้ใหญ่มากครับเมื่อเทียบกับสาขาอื่นๆ แต่ก็ยังถือว่าใหญ่กว่าหลายๆ ร้านที่ขายเสื้อผ้ามือสองแถวกาดสันป่าข่อย สินค้าที่เอามาลงขายของร้านมีหลากหลายครับ พวกเสื้อผ้ามือสองราคาถูกๆ ที่เริ่มต้นตัวละ 10 – 20 บาท ไปจนถึงหลักร้อย ราคาตามสภาพ มีทั้งเสื้อยืด เสื้อกันหนาว เสื้อเชิ้ต เสื้อกีฬา กางเกงขาสั้น ขายาว กางเกงยีนส์ หมวก รองเท้า เข็มขัด ทั้งของสุภาพสตรี และของสุภาพบุรุษ ซึ่งภายในร้านก็จะแบ่งออกเป็นโซนไว้ชัดเจน พร้อมป้ายราคา อย่างพวกที่ห้อยอยู่ก็อีกราคาหนึ่ง พวกที่กองอยู่ก็อีกราคาหนึ่ง เป็นต้น


ลูกค้าที่มาใช้บริการส่วนใหญ่จะเป็นพ่อค้าแม่ค้าซื้อไปขายต่อครับ ประเภทซื้อไปขายฟันกำไรเยอะ พวกเสื้อผ้าวัยรุ่นที่เน้นเก๋ๆ หน่อย อย่างต้นทุนซื้อไปตัวล่ะ 30 – 50 บาท ก็เอาไปขายตัวละ 199 บาท กินกำไรอิ่มบาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องเลือกเสื้อผ้าสภาพดีๆ หน่อยบางคนใช้วิธีนี้ก็มี คือเอาไปตัดเย็บใหม่ ให้ดูเก๋ อัพราคาขึ้น


ส่วนลูกค้าประเภทซื้อไปใช้เอง อันนี้ก็มีครับ อย่างผมชอบมาหาเลือกซื้อเสื้อเชิ้ตลายสก็อตเท่ๆ ตัวล่ะ 30 -50 บาท ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยได้ตัวสวยๆ มาถึง 2 -3 ตัว และทุกวันนี้ก็ยังใส่อยู่ แต่นานๆ ทีก็จะเจอตัวสภาพดีๆ ที่เป็นไซส์ที่เราใส่ได้พอดีตัวด้วย งานนี้เรียกได้ว่านอกจากจะตาดีแล้ว ต้องอาศัยโชคประกอบในการเลือกซื้อเสื้อผ้ามือสองอีกต่างหาก


ใครจะนั่งเลือกเสื้อผ้านานๆ อย่าลืมพกผ้าปิดจมูกไปด้วย เพราะฝุ่นเยอะ ผมเห็นลูกค้าหลายท่านก็พกไปด้วย เอาผ้าปิดจมูกแล้วนั่งเลือกของอย่างเมามัน เลือกซื้อเสร็จแล้ว ด้านนอกมีก๊อกน้ำให้ล้างมือก่อนกลับบ้าน อันนี้ถือว่าเวิร์คดี

เวลาเปิด-ปิดร้านคงจะเริ่มช่วงเช้ายาวไปจนถึงราวซักหกโมงเย็นล่ะครับ ใครอยากได้เสื้อผ้ามีสองสภาพดีๆ ก็ลองไปค้นหากันเอา ใครไม่สะดวสาขานี้ ลองแวะไปสาขาอื่นดูอย่างสาขาหลังตลาดแม่เหียะ(สาขาใหญ่) สาขาแยกพืชสวนโลก สาขาสารภี สาขาหางดง และสาขาแม่โจ้
16  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / แนะนำ ร้านกาแฟ ชา เบเกอรี่ เค้ก ขนม ไอศกรีม อาหารว่าง ของทานเล่น ในเชียงใหม่ / กล้วยปิ้งฝีมือแม่ กล้วยปิ้งอร่อยของแท้ที่ห้ามพลาด เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2015, 09:19:40 AM
จะว่าไปแล้วกล้วยปิ้งในเชียงใหม่ก็หากินยากพอสมควร เวลานึกจะอยากกิน กลับกันเวลาไม่ค่อยอยากกินมักจะบังเอิญเห็นอยู่เสมอ เวลาไปไหนมาในเมือง จนล่าสุดเพื่อตัดปัญหา ผมเลยใช้วิธีต้องหาร้านประจำเอาไว้ เผื่อเวลาหิวค่อยขับมอเตอร์ไซค์มากินทีหลัง และร้านที่ผมกำลังพูดถึงนั้น คือ ร้านกล้วยปิ้งฝีมือแม่


ร้านกล้วยปิ้งฝีมือแม่ตั้งอยู่บนถนน สุเทพ ตรงข้ามเภสัชชุมชน คณะเภสัชฯ มช. ครับ อยู่แถวๆ ร้านเย็นตาโฟศรีพิงค์ แต่ก่อนร้านกล้วยปิ้งฝีมือคุณแม่นั้นตั้งอยู่หน้าโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัยก่อนจะย้ายทำเลใหม่มาตรงสวนดอก หน้าร้านแกสังเกตไม่ยาก มีเตาปิ้งเล็กๆ วางอยู่ด้านหน้าร้านก๋วยเตี๋ยว ซึ่งร้านก๋วยเตี๋ยวนั้นก็เป็นชื่อเดียวกันกับร้านกล้วยปิ้ง คือ ก๋วยเตี๋ยวฝีมือคุณแม่


กล้วยปิ้งที่นี่จะปิ้งกันใหม่ๆ ด้วยไฟแรงขนาดพอดี วันผมไปซื้อเห็นลูกชาย (น่าจะใช่ลูกชายแก) มาปิ้งขายช่วย เวลาปิ้งก็จะเอากล้วยทั้งลูกเสียบด้วยไม้ยาวๆ สองชิ้นเรียงกันหลายๆ ลูก จากนั้นเมื่อปิ้งจนสุกแล้วค่อยนำมาหั่นใส่ถุงขายเป็นชุดกัน ชุดละ 20 บาท ต่างกับบางเจ้าที่จะหั่นกล้วยเสียบใส่ไม้ไว้ก่อนแล้วน้ำไปปิ้ง พอปิ้งสุกก็ขายกันเป็นไม้เลย


กล้วยปิ้งที่นี้จะมีให้เลือกสองแบบครับ คือแบบแข็ง กับแบบนิ่ม ถามผมว่าแบบไหนอร่อยสุด ก็ต้องแบบนิ่มครับ เพราะเคี้ยวง่ายสะดวกดี ที่สำคัญมันดูเข้าน้ำเข้าเนื้อมากกว่าแบบแข็ง ลองจินตนาการดูถึงเนื้อกล้วยนิ่มๆ เมื่อถูกราดด้วยน้ำจิ้มข้นหวาน มันจะเข้าไปแทรกซึมในเนื้อกล้วยได้ง่ายกว่า


ส่วนน้ำจิ้มรสชาติเยี่ยมมาก จัดว่าเป็นไม้ตายของร้านเลย หอมหวานกำลังดี ไม่ข้นมาก เวลาซื้อจะสั่งแบบราดใส่ถุงเลย หรือสั่งแยกเป็นน้ำจิ้มก็ได้ครับ มาคนเดียวซื้อไปกิน 1 ชุด อิ่มกันแบบสบายท้อง (เผลอๆ กินไม่หมดด้วยซ้ำ)


นอกจากเรื่องรสชาติกล้วยปิ้งแล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่ผมชื่นชอบก็คือ แพคเกจจิ้ง ของทางร้านครับ เพราะถุงที่เอาไว้ใส่กล้วยปิ้งนั้นเป็นถุงกระดาษ ที่ถูกออกแบบมาได้อย่างน่ารัก มีโลโก้คุณแม่ยิ้มเป็นรูปการ์ตูน พร้อมแปะคำบรรยายด้วยว่า “Mom Made กล้วยปิ้งฝีมือคุณแม่” ชนิดที่ว่าแพคเกจจิ้งบางร้านที่ใหญ่กว่ายังมีอายเลย


ร้านกล้วยปิ้งฝีมือแม่ เปิดเวลาตั้งแต่ 10.00 – 16.00 น. ทุกวัน ใครหิวกล้วยปิ้งรสชาติเด็ดๆ ลองแวะไปชิมกันได้ ในราคาสบายกระเป๋า และอิ่มสบายท้อง อีกทั้งภายในร้านยังมีก๋วยเตี๋ยวฝีมือคุณแม่ให้ลองชิมกันอีกด้วยครับ ก๋วยเตี๋ยวนี้ผมเคยชิมแล้ว รสชาติก็จัดว่าได้เรื่องเหมือนๆ กัน

17  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ เขื่อน อ่างเก็บน้ำ ในเชียงใหม่ / ย้อนอดีตเล่าเรื่องเมืองเชียงใหม่ “ฝายพญาคำ” เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2015, 08:41:36 AM
ช่วงเจาะอดีตเมืองเชียงใหม่คราวนี้ ผมยังคงวนเวียนอยู่ที่แถวๆ ริมแม่น้ำปิงกันครับ ซึ่งจะพามาสำรวจและทำความรู้จักกับ “ฝายพญาคำ” เหมืองฝายดั้งเดิมของเมืองเชียงใหม่ ที่ยังหลงเหลืออยู่ให้ชนรุ่นหลังได้เรียนรู้วัฒนธรรมการจัดการน้ำด้วยจิตวิญญาณและชีวิตของชาวล้านนาโดยสายเลือด


“ฝายพญาคำ” จะอยู่เลยค่ายกาวิละไปทางใต้เล็กน้อย เป็นฝายขนาดใหญ่ในเขตเทศบาลเมืองเชียงใหม่ เป็นฝายทดน้ำที่สร้างปิดกั้นน้ำและยกระดับน้ำจากแม่น้ำปิง เพื่อทดน้ำเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่เกษตรกรรม 16,721 ไร่ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองเชียงใหม่ ครอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัดคือ เชียงใหม่ ลำพูน รวม 3 อำเภอ 8 ตำบลคือ ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่ (พื้นที่ส่งน้ำ 420 ไร่) ตำบลหนองผึ้ง (พื้นที่ส่งน้ำ 1,550 ไร่)  ยางเนิ้ง (พื้นที่ส่งน้ำ 2,980 ไร่)  สารภี (พื้นที่ส่งน้ำ 2,730 ไร่)  หนองแฝก (พื้นที่ส่งน้ำ 1,814  ไร่)  ชมพู (พื้นที่ส่งน้ำ 2,880  ไร่)  และไชยสถานเขต อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ (พื้นที่ส่งน้ำ 546 ไร่)  และตำบลอุโมงค์ เขตอำเภอเมืองลำพูน (พื้นที่ส่งน้ำ 1,801ไร่)


ฝายพญาคำเกิดขึ้นจากการชาวบ้านเดือดร้อนขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูก โดยมีนายพญาคำ เรืองฤทธิ์ กำนันตำบลสารภีในขณะนั้น เป็นผู้รวบรวมชาวบ้านที่เดือดร้อนมาช่วยกันขุดและสร้างฝายทดน้ำ เพื่อปิดกั้นลำน้ำปิง ฝายที่สร้างขึ้นเป็นฝายไม้รวก ซึ่งตัวฝายนี้มักจะถูกกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกัดเซาะทำลายแตกทุกปีต้องซ่อมแซมกันเสมอในการบริหารจัดการน้ำจากเหมืองฝาย ทางภาคเหนือของประเทศเรานี้ จะมีการทำ “สัญญาเหมืองฝาย” ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่สังคมน้ำของชาวล้านนาว่า เป็นกฎข้อบังคับ ที่สมาชิก ผู้ใช้น้ำและหัวหน้าเหมืองฝาย ช่วยกันตั้งขึ้นไว้ใช้ในระบบชลประทานของตนเอง


อย่างการจัดสรรน้ำให้กับคนที่อยู่ท้ายเหมืองฝายที่ชาวบ้านเรียกว่า ‘ลูกฝาย’ จะมีสัญญาประชาคมร่วมกันของผู้ใช้น้ำว่า การจัดสรรรับน้ำเข้าที่นา จะต้องมีการจัดการดูแลซ่อมแซมเหมืองฝายร่วมกันทุกๆ ปี รวมไปถึงมีบทลงโทษสำหรับผู้ที่กระทำความผิดหรือฝ่าฝืนกฎระเบียบเหมืองฝาย เมื่อมีการละเมิดกฎระเบียบของเหมืองฝายคนที่มีหน้าที่พิจารณาโทษ ชาวบ้านเรียกว่า ‘แก่ฝาย’


‘แก่ฝาย’ เป็นบุคคลสำคัญที่ถูกเลือกมาจากชุมชนผู้ใช้น้ำจากเหมืองฝาย คนที่ถูกเลือกเข้ามาต้องเป็นบุคคลที่มีความเป็นธรรม และสามารถจัดสรรน้ำให้กับลูกสมาชิกฝายได้ใช้กันอย่างทั่วถึง

ทั้งนี้ ในตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ได้กล่าวถึงการจัดการน้ำในระบบเหมืองฝายเอาไว้ว่า การจัดการน้ำด้วยระบบเหมืองฝายในเมืองเชียงใหม่มีมาตั้งแต่ พ.ศ. 1100-1200 ในยุคสมัยของพ่อขุนมังรายณ์ในขณะที่รวบรวมอาณาจักรต่างๆ ก็ได้ใช้กุศโลบายให้พญาญีบาซึ่งเป็นผู้ครองเมืองหริภุญชัยให้เกณฑ์แรงไปขุดเหมืองแข็งหรือเหมืองแก้ว โดยการขุดนั้นเป็นการขุดเลียบเชิงเขายาวรวมความยาวทั้งสิ้น 17,000 วา ในสมัยพ่อขุนมังรายณ์ที่ได้มีการตรากฎหมายมังรายณ์ศาสตร์ขึ้น ตามที่ปรากฎในวันเพ็ญ สุรฤกษ์ได้กล่าวไว้ถึง 7 ฉบับด้วยกัน จะเห็นว่าระบบเหมืองฝายเกี่ยวข้องกับการเมืองการปกครองที่มีระเบียบวินัยควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มีสิ่งยึดเหนี่ยวไว้ให้เป็นระเบียบไว้ป้องกันการเกิดโกลาหล



และทั้งหมดนั้นก็คือเรื่องราวของ “ฝายพญาคำ” กันครับ
18  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำสถานทีเที่ยว ในจังหวัดเชียงใหม่-สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่ / ย้อนอดีตเล่าเรื่องเมืองเชียงใหม่ “โบสถ์คริสตจักรที่ 1 เชียงใหม่” เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2015, 09:21:08 AM
ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ มีโอกาสแวะเข้าไปร้านหนังสือ บังเอิญไปเจอหนังสือท่องเที่ยวเชียงใหม่เล่มหนึ่งที่น่าสนใจพอสมควร เป็นหนังสือท่องเที่ยวเชียงใหม่ที่เล่าออกมาในเชิงประวัติศาสตร์ครับซึ่งถือว่าแปลกแยกพอสมควร สำหรับการทำหนังสือท่องเที่ยว แต่ในความแปลกแยกนั้นก็มีข้อมูลหลายอย่างที่น่าสนใจ ชนิดที่เล่มไหนๆ ก็ไม่ค่อยจะมีกัน


หนังสือเล่าถึงอดีตของเมืองเชียงใหม่ ในแง่มุมต่างๆ ผ่านสถานที่สำคัญ ที่ปัจจุบันหลงเหลือเค้าโครงเดิมบ้างเพียงเล็กน้อย บ้างบางที่ก็สร้างใหม่ โดยข้อมูลมาจากปลายปากกาของคนเขียนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะในเมืองเชียงใหม่ ซึ่งความน่าสนใจของข้อมูลนั้น คือการได้ย้อนอดีตกลับไปมองดูสภาพของเมือง สภาพของสังคม เหมือนเรากำลังนั่งฟังคนแก่เล่าเรื่องยังไงยังงั้น


และจากความน่าสนใจของหนังสือเล่มนี้ เลยทำให้ผมเกิดไอเดีย อยากตามรอยไปสัมผัสถึงสถานที่จริงหลายๆ แห่ง เพื่อนำมาถ่ายทอด และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ก็จะขอเริ่มด้วยการพาไปย้อนอดีตสถานที่แห่งแรกกัน คือ โบสถ์คริสตจักรที่ 1 เชียงใหม่ เอ่ยถึงโบสถ์คริสตจักรที่ 1 เชียงใหม่คงต้องย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2411เมื่อครั้งพระเจ้ากาวิโลรส สุริยวงศ์ ได้ยกพื้นที่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำปิงให้กับคณะมิชชันนารี ทางคณะมิชชันนารีจึงได้ใช้พื้นที่นี้สร้างคริสตจักรเพรสไบทีเรียนที่ 1 เชียงใหม่ ระยะแรกสร้างเป็นอาคารไม้ไผ่ ต่อมาในปี พ.ศ. 2432-2434 ได้มีรื้ออาคารไม้ไผ่ และสร้างอาคารหลังใหม่เป็นอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกหลังแรกในเชียงใหม่ ออกแบบและก่อสร้างโดย ดร. มาเรียน เอ.ชีค.


ทั้งนี้ การทำงานในระยะแรกทำควบคู่ไปกับการรักษาพยาบาลแผนใหม่ โรคสำคัญที่เป็นกันมากคือไข้มาเลเรียเรื้อรัง โรคคอหอยพอก และไข้ทรพิษ การรักษาพยาบาลทำให้คณะมิชชันนารีมีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับมาก จนอาจกล่าวได้ว่าการเผยแผ่ศาสนาในระยะแรกนั้นไม่ค่อยได้ผลมากเท่ากับการรักษาพยาบาล ทั้งนี้เพราะทางการเองมิได้ให้การสนับสนุนมากนัก จะเห็นได้จากในวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2411 พระเจ้ากาวิโลรส สุริยวงศ์ สั่งประหารหนานชัย และน้อยสุริยะ 2 ใน 7 คนของผู้นับถือศาสนาคริสต์ในเชียงใหม่ขณะนั้น โดยอ้างว่าการละทิ้งศาสนาประจำชาติ เป็นกบฏต่อฉัน จึงต้องลงโทษอย่างนี้ ทำให้มีผู้คนกลัวกันมากจนไม่มีใครกล้านับถือศาสนาคริสต์อีก จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2412 มีการออกพระราชกฤษฎีกาของเจ้าพระยาเทพวรชุน ที่ปรึกษาราชการในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีความว่าถ้าผู้ใดจะชอบใจถือศาสนาใด ก็ให้ผู้นั้นถือได้ตามชอบใจ และในปีพ.ศ. 2413 พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ถึงแก่พิราลัย จากปัจจัยดังกล่าวทำให้มีคนเข้ามานับถือคริสต์ศาสนาเพิ่มมากขึ้น


จากนั้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โบสถ์หลังนี้เป็นที่ตั้งของกองทหาร หอระฆังของโบสถ์เป็นที่ตั้งของปืนต่อสู้อากาศยาน ก่อนต่อมาในปี พ.ศ. 2511 ได้มีการสร้างคริสตจักรเพรสไบทีเรียนที่ 1 เชียงใหม่หลังใหม่ที่ถนนเจริญราษฎร์ (โบสถ์หลังปัจจุบัน) เป็นโบสถ์ที่ทันสมัยมากในขณะนั้น ออกแบบโดย ศาสนาจารย์ เทเลอร์พอตเตอร์ ซึ่งเป็นแบบที่ชนะเลิศการประกวดออกแบบของสถาบันสถาปนิกแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา


ในวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2511 ได้มีการจัดพิธีอำลาโบสถ์เก่าและเดินทางไปโบสถ์ใหม่ ในการทำพิธีอำลาโบสถ์ มีวงดุริยางค์ของโรงเรียนปรินส์รอแยลวิทยาลัยนำขบวน ศาสนาจารย์ศิษยาภิบาล และเจ้าหน้าที่คริสตจักร พร้อมกับสมาชิกเข้าสู่พระวิหารหลังใหม่ ปัจจุบัน คริสตจักรที่ 1 เชียงใหม่ หลังเดิม ใช้เป็นสถานที่อบรมจริยธรรมแก่นักเรียน ที่ทำการศาสนกิจ เป็นห้องประชุมของโรงเรียนเชียงใหม่คริสเตียน และเป็นสัญลักษณ์ของโรงเรียนจนถึงปัจจุบันกันครับ

19  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ร้านอาหารปักษ์ใต้ เชียงใหม่ / อร่อยแบบข้าวแกงปักษ์ใต้ ในสไตล์ คุณอุ๊ ครัวปักษ์ใต้ เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2015, 09:41:23 AM
ด้วยความที่เป็นคนชอบอาหารรสจัด ถ้ามีโอกาสไปเที่ยวที่ไหน ก็จะพยายามสอดส่องหาร้านอาหารปักษ์ใต้กิน เพราะเมื่อขึ้นชื่อว่าอาหารปักษ์ใต้แล้วนั้น รสชาติความจัดจ้าน ถือว่าสูสีกันกับภาคอีสานเลยล่ะ


อาหารพื้นเมืองของชาวภาคใต้ โดยปกติชาวใต้กินข้าวเจ้าเป็นอาหารหลัก กับข้าวมักจะเป็นแกงและมีรสจัดมาก เช่น เผ็ดร้อน เปรี้ยว เค็ม ซึ่งถึงแม้ว่าภาคใต้จะมีมะพร้าวมาก แต่แกงพื้นเมืองของทางภาคใต้ ไม่นิยมแกงที่ใส่กะทิ อาหารส่วนมากประกอบด้วยปลา อาหารทะเล อาหารเนื้อสัตว์ประเภทอื่น เช่น หมู เป็ด ไก่ จะกินกันน้อยมาก


แกงทางภาคใต้ที่นับว่าขึ้นชื่อเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปจนถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของชาวภาคใต้ คือ แกงส้ม แกงเหลือง แกงไตปลา(แกงพุงปลา) ที่มีรสเผ็ดและเค็มจัด ส่วนขนมจีนน้ำยาของภาคใต้จะแตกต่างกับภาคอื่นตรงที่ใช้ขมิ้นในการทำน้ำยา และรสค่อนข้างจัด เพื่อเป็นการดับความเผ็ดร้อนและความเค็มของอาหาร ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าอาหารทางภาคใต้ส่วนใหญ่จะกินร่วมกับผักสดจำนวนค่อนข้างมาก ผักที่มีประจำคือ แตงร้านหรือที่ชาวใต้เรียกแตงกวา สะตอ ลูกเนียง เม็ดเหลียง และพืชผักอีกหลายชนิดที่มีในท้องถิ่น อาหารที่ใส่เครื่องเทศที่พบเห็นในภาคใต้นั้นจะได้รับอิทธิพลจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวมาเลย์ที่นับถือศาสนาอิสลาม รวมทั้งชาวอินเดียและชวาที่เดินทางเข้ามาทำการค้าขายกับคนไทยทางแถบนี้ในอดีต


นั่นเป็นเรื่องของลักษณะของอาหารภาคใต้กันคร่าวๆ มาที่เรื่องของร้าน “คุณอุ๊ ครัวปักษ์ใต้ ข้าวราดแกง”


ร้านนี้ตั้งอยู่ตั้งอยู่ที่ปากทางเข้าบ้านดอนชัย ตรงข้ามสุสานดอนชัย หรือ อบต. แม่สา ครับ เปิดมานานกว่า20 ปี  แล้ว ลักษณะของร้านเป็นตึกแถวหลายชั้น 1 คูหา ด้านหน้าจะมีป้ายใหญ่ของทางร้านแปะเอาไว้อยู่ สังเกตกันได้ไม่ยาก


เมนูข้าวราดแกงที่นี้มีหลากหลายเหลือเกินทั้ง ปลาดุกใบยี่หร่า ปลาดุกใบโหระพา น้ำพริก ปลาทูทอด พะแนงเนื้อ พะแนงหมู คั่วกลิ้งหมู หมูหวาน แกงหอยสับปะรด แกงเนื้อหน่อไม้เส้น แกงหอยใบชะพลู แกงส้มหน่อไม้ดอง หลักๆ รวมๆ ก็จะเป็นอาหารปักษ์ใต้เป็นหลัก ที่เน้นรสชาติจัดจ้านได้เรื่อง ถ้าเน้นเอาที่เมนูผมชอบก็คงประมาณนี้ครับ คือ ปลาดุกใบยี่หร่า พะแนงเนื้อ พะแนงหมู แกงหอยใบชะพลู ประมาณนั้น

อาหารมีให้สั่งแบบราดข้าว หรือแยก แบบราดข้าวธรรมดา 30 บาท ราดได้ 2 อย่าง ผักสด น้ำดื่มมีบริการให้ฟรี เอาเป็นว่าใครมีโอกาสผ่านไปทางแม่ริม ชอบกินข้าวแกงปักษ์ใต้ ร้านนี้รสชาติไว้ใจได้ครับ ส่วนเวลาเปิดทำการตั้งแต่เช้าไปจนถึงเย็น
20  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ สถานที่ท่องเที่ยว ในตัวเมืองเชียงใหม่ / ย้อนอดีตเล่าเรื่องเมืองเชียงใหม่ “สถานกงสุลอังกฤษ ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ” เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2015, 09:38:35 AM
สถานกงสุลอังกฤษ ประจำจังหวัดเชียงใหม่ เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญและน่าสนใจของเมืองเชียงใหม่ ในย่านริมแม่น้ำปิงที่อยากจะพาย้อนอดีตเก็บมาเล่าให้ฟังกันครับ


สถานที่แห่งนี้ แต่เดิมตั้งอยู่ที่ ถ.เจริญประเทศ ด้านหลังติดแม่น้ำปิง ด้านข้างด้านหนึ่งติดวัดชัยมงคล อีกด้านติดสถานกงสุลฝรั่งเศส เป็นอาคารอนุรักษ์ลักษณะเป็นอาคารทรงโคโลเนียลอายุหลายร้อยปี (สถานกงสุลอังกฤษ ประจำจังหวัดเชียงใหม่ แห่งใหม่ ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ถนนบำรุงราษฎร์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ) โดยปัจจุบันเป็นของเอกชน คือ บริษัทเนเชอรัลปาร์ค และได้พัฒนาที่ดินบริเวณนี้เป็นโรงแรมเดอะเชดี  บริเวณรั้วเดิมของสถานกงสุลปัจจุบันโดนรื้อออกหมด ถ้ามองจากหน้าโรงแรมจะมองไม่เห็นตัวอาคาร แต่ถ้ามองจากฝั่งแม่น้ำปิงจะเห็นได้ชัดเจน


สถานกงสุลอังกฤษ ประจำจังหวัดเชียงใหม่ แห่งนี้เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2425 ต่อมาเลิกดำเนินการเมื่อต้นปี พ.ศ.2513มีหัวหน้ากงสุลอังกฤษประจำจังหวัดเชียงใหม่คนสุดท้ายคือ มิสเตอร์ดี.ซี.ริเวตต์อาร์แนคซึ่งหลังจากที่เลิกดำเนินการไป ในตอนนั้นก็เป็นที่น่าเสียดายและอาลัยอย่างยิ่งของประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่ อีกอย่างสถานกงสุลอังกฤษ แห่งนี้ นับว่าเป็นสถานกงสุล ที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของโลก



เหตุผลสำคัญที่สุดในการตัดสินใจปิดสถานกลสุลแห่งนี้ของรัฐบาลอังกฤษตอนนั้น คงจะหนีไม่พ้นเกี่ยวกับเงินงบประมาณ ในสมัย 90 ปีก่อนโน้นประเทศอังกฤษมีอิทธิพลมากในย่านนี้ของโลก มีหลายประเทศต้องตกไปเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ เช่น พม่า มะลายูและอินเดีย เป็นต้น ถึงแม้ประเทศไทยจะไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใครก็ตาม แต่อังกฤษก็มีอิทธิพลเหนือประเทศไทยมิใช่น้อย คนอังกฤษเป็นจำนวนมากได้เข้ามาประกอบอาชีพการค้าไม้สักทางภาคเหนือ นอกจากนี้ยังมีคนในบังคับอังกฤษมาช่วยทำงานอีกด้วยทั้งพม่าและคนจีน เป็นต้น


เมื่ออังกฤษได้ผลประโยชน์จากการทำไม้สักซึ่งเป็นเงินหลายร้อยล้านบาทในขณะนั้น อังกฤษจึงต้องเปิดสถานกงสุลขึ้นเพื่อคอยพิทักษ์คุ้มครองทรัพย์สินและผลประโยชน์ให้แก่คนในบังคับอังกฤษทุกคน แต่ในปัจจุบันนี้หรือนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง อิทธิพลของอังกฤษก็ค่อยๆหมดไปจากซีกโลกทางด้านนี้ การค้าไม้ก็ถูกรัฐบาลไทยยึดคืนมาหมด ประเทศราชของอังกฤษก็ได้รับเอกราชทั่วหน้ากันจึงทำให้กิจการของสถานกงสุลอังกฤษมีงานน้อยลงไปมาก อีกประการหนึ่งประเทศอังกฤษกำลังประสบกับปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ


ทั้งนี้ หลังจากมีการปิดสถานกงสุลอังกฤษแล้ว อาคารสถานกงสุลยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้ลักษณะเป็นอาคารทรงโคโลเนียล ด้านหน้าติดถนนเจริญประเทศ ด้านหลังติดแม่น้ำปิง ด้านทิศใต้ติดสถานกงสุลฝรั่งเศสปัจจุบันกงสุลฝรั่งเศสปรับเป็นหอสมุด ก่อนต่อมาประมาณปี พ.ศ.2548 บริษัทเอกชน คือ บริษัทเนเชอรัลปาร์คได้พัฒนาที่ดินบริเวณนี้เป็นโรงแรมเดอะเชดี ส่วนอาคารกงสุลอังกฤษเดิมปรับเป็นห้องอาหาร
21  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / พาไปเที่ยววัดโมคคัลลานะ ก่อนขึ้นไปยัง อุทยานพุทธสถานสุทธิจิตต์ เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2015, 09:22:14 AM
เข้าใจว่าน่าจะเป็นคนละส่วนกันครับ สำหรับวัดโมคคัลลานะ กับวัดพระธาตุดอยโมคคัลลานะ เพราะที่ตั้งของสองวัดนี้นั้น อยู่กันคนละตำแหน่ง อย่างวัดโมคคัลลานะจะอยู่ตรงปากทางขึ้นไปยังตัวอุทยานพุทธสถานสุทธิจิตต์บ.เชิงดอย ต.สบเตี๊ยะ  อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ส่วนวัดพระธาตุดอยโมคคัลลานะ นั้น ต้องขึ้นอีกทางหนึ่ง ซึ่งต้องผ่านปากทางเข้าวัดโมคคัลลานะ มาประมาณ 500 เมตร ก็จะเห็นถนนทางขึ้นวัดพระธาตุดอยโมคคัลลานะ อยู่ด้านขวามือของถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 (เชียงใหม่-ฮอด)



เขียนไปเขียนมาก็ชักจะงง เอาเป็นว่า สรุป อยู่กันคนละที่ แม้จะอยู่ในเขตเดียวกัน แต่สำหรับตอนนี้จะขอเล่าถึงวัดโมคคัลลานะก่อน ส่วนวัดพระธาตุดอยโมคคัลลานะ คราวหลังถ้ามีโอกาสจะแวะเก็บภาพมาฝากครับ


วัดโมคคัลลานะ เป็นวัดที่ตั้งอยู่ก่อนปากทางขึ้นไปยังอุทยานพุทธสถานสุทธิจิตต์ ถูกก่อตั้งเป็นวัดเมื่อปี 2475 โดยวัดเดิมย้ายมาจากบนเขาลงมาติดข้างน้ำ ที่นั้นมีเนื้อที่ 20 ไร่ แต่เกิดกรณีน้ำป่าพัดกำแพงเสียหาย เลยต้องกลับมาตั้งบนเขาโมคคัลลานะ



ส่วนพื้นที่ภายในของวัดปัจจุบันนี้ ไม่มากนัก ศาสนสถานภายในวัดสำคัญ ก็จะมีวิหารสุทธิจิตต์ สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2534 เป็นวิหารทรงล้านนาออกแบบแผนผังอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีการยกเก็จของผัง ภายในวิหารแบ่งพื้นที่ใช้สอยออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่พื้นที่ ของพระสงฆ์ พื้นที่ของฆาวาสและฐานชุกชี หรือแท่นแก้ว (พื้นที่ด้านในสุดของวิหาร มักทำเป็นแท่นยกพื้นสูงกว่าอาสนสงฆ์ ใช้สำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปซึ่งเป็นประธานของวัด) ลักษณะโครงสร้างของอาคาร เป็นการผสมผสานระหว่าง โครงสร้างก่ออิฐฉาบปูน กับ โครงสร้างไม้ หลังคาเป็นทรงจั่วมีการซ้อนชั้นของหลังคาด้านหน้าสามชั้น ด้านหลังสองชั้น สัมพันธ์กับการยกเก็จของผัง หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผาหรือแป้นเกล็ด


ส่วนเจดีย์ของวัดโมคคัลลานะ เป็นเจดีย์ทรงปราสาท รูปทรงสี่เหลี่ยม ซ้อนชั้น คล้ายรูปทรงปราสาทหรือที่อยู่ของกษัตริย์ เจดีย์รูปทรงนี้เชื่อว่าพัฒนาการมาจากเจดีย์ทรงศิขรของอินเดีย ในช่วงต้นของวัฒนธรรมล้านนา เรือนธาตุมีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปภายในชั้นเดียว และมีส่วนยอดทำเป็นเจดีย์องค์ระฆังขนาดเล็กซ้อนชั้นขึ้นไป ซึ่งถือว่าเป็นรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของเจดีย์ทรงปราสาทล้านนา


สุดท้ายศาลาบาตร ศาลาประเภทหนึ่งที่ใช้ในเขตสังฆาวาส สำหรับเป็นที่ตั้งบาตรของพระสงฆ์ที่วางเรียงรายเป็นแถวยาว เพื่อรับเครื่องไทยทานที่ พุทธศาสนิกชนนำมาถวายให้ ก่อนที่ศิษย์วัดจะนำไปประเคนถวายพระภายหลัง ด้านในศาลามีจิตกรรมฝาผนังเกี่ยวกับเรื่องราวของกฎแห่งกรรม และการเวียนว่ายตายเกิดครับ
22  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ร้านก๋วยเตี๋ยวเชียงใหม่ / มาลีก๋วยเตี่ยวต้มยำสุโขทัย สาขาดอนจั่น ร้านอาหารเชียงใหม่ เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2015, 09:25:42 AM
พูดถึงก๋วยเตี๋ยวต้มยำแล้ว จะเห็นได้ว่ามีด้วยกันหลากหลายเวอร์ชั่นครับ ทั้งต้มยำกุ้ง ต้มยำหมู ต้มยำปลา ต้มยำทะเล ต้มยำรวม เรียกได้ว่าอะไรที่ทำต้มยำได้ ก็เอามาให้หมด ซึ่งถ้าเป็นฝรั่งมาเที่ยวเมืองไทย คงฉีกยิ้มที่มุมปาก เนื่องจากโอกาสในการชิมต้มยำนั้น ช่างมีให้เลือกหลากหลายเวอร์ชั่นจริงๆ


นอกจากที่นึกออกและเขียนไปแล้วถึงก๋วยเตี๋ยวต้มยำแบบต่างๆ ก็ยังมีอีกหนึ่งต้มยำที่ถูกปากใครหลายคน (รวมทั้งผมด้วย) คือ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำแบบสุโขทัยครับ


ก๋วยเตี๋ยวต้มยำแบบสุโขทัย จัดเป็นก๋วยเตี๋ยวต้มยำที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในด้านของรสชาติ และวิธีการทำ ไล่ไปตั้งแต่ขั้นตอนการทำน้ำซุป พวกรากผักชีกระเทียมพริกไทยเม็ดทุบกระดูกหมูหัวไชเท้ากระเทียมดองน้ำกระเทียมดอง ต้องมีพร้อม รวมทั้งวัตถุดิบอื่นๆ อย่าง มันหมูกุ้งแห้งเนื้อแผ่นเกี๊ยวหมูบดลวก ถั่วฝักยาวหั่นเฉียงผักชีฝรั่งซอยน้ำมันกระเทียมเจียวผสมกากหมูแคบหมูใบมะกรูดซอย  ถั่วลิสงตังฉ่ายสับมะนาว ลูกชิ้นปลาฮือก้วยไข่เป็ดต้มยางมะตู พริกป่น น้ำปลา น้ำตาลทราย พริกน้ำส้ม ก็อย่าให้ขาดในการนำมาทำ เพราะทุกอย่างนั้นถูกหลอมรวมเป็น ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสุโขทัย


สำหรับใน จ .เชียงใหม่ ก็มีหลายเจ้าด้วยกันที่ผมเคยเขียนถึง ซึ่งคราวนี้ก็มาถึงคราวของร้านมาลีก๋วยเตี๋ยวต้มยำสุโขทัย สาขาดอนจั่น บนถนนเส้น เชียงใหม่ –สันกำแพง(ถนนสันกำแพงสายใหม่ น้ำพุร้อนสันกำแพง)ตามพิกัดจริงๆ คือบนทางหลวงหมายเลข 1317 ครับ จากตัวเมืองมา ผ่านพรอมเมนาด้า เชียงใหม่ ไปไม่ทันไรสังเกตซ้ายมือไว้ จะมีร้านมาลีก๋วยเตี๋ยวต้มยำสุโขทัยเอง อยู่ใกล้ๆ กับโลตัส เอ็กเพรส


ลักษณะของร้านถือว่ากว้างใหญ่พอสมควร ด้านในมีโต๊ะเก้าอี้ให้เลือกนั่งเยอะตามสะดวก เมนูในร้านหลักๆ ก็จะมีก๋วยเตี๋ยวต้มยำสุโขทัยแบบแห้ง และน้ำ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำรวม ก๋วยเตี๋ยวต้มยำทะเล เย็นตาโฟ ก๋วยจั๊บน้ำใส ข้าวซอยไก่ เป็นต้น

พูดถึงเรื่องรสชาติ ต้มยำสุโขทัยแบบน้ำ เครื่องเคราแบบต้มยำสุโขทัยมาแบบครบถ้วน ปรุงรสต้มยำมากลมกล่อมดีรสไม่จัดจ้านมากนัก ใครชอบรสจัดๆ ต้องปรุงเพิ่มเยอะพอสมควร พวกพริกป่น น้ำส้มสายชู กรณีที่เป็นต้มยำแห้ง เส้นจะลวกมาเหนียวนุ่มกำลังดี ปรุงรสยำมาแบบ แทบไม่ต้องปรุงอะไรเลยรวมแล้ว รสชาติจัดว่าอร่อยได้เรื่องครับ


อื่นๆ ที่เหลือในร้าน เครื่องดื่มมีก็มีให้สั่งพวกชา กาแฟ โอเลี้ยง แก้วละ 20 บาท การบริการของทางร้านนั้น ถือว่าสะดวกรวดเร็วดี ในร้านดูเป็นระเบียบ สะอาดสะอ้านเวลาทำการก็ตั้งแต่เวลา 08.30 -21.00 น. หยุดทุกวันที่ 1-2 ของทุกเดือน ใครผ่านเส้นทางนั้นลองแวะไปชิมกันได้ครับ
23  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / แนะนำ ร้านกาแฟ ชา เบเกอรี่ เค้ก ขนม ไอศกรีม อาหารว่าง ของทานเล่น ในเชียงใหม่ / จิบกาแฟ “ร้านชมนกชมไม้” หยุดเวลาไว้ที่แม่กำปอง เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2015, 09:55:17 AM
เมื่อนึกถึงแม่กำปอง แน่นอนสำหรับคนที่ยังไม่เคยไป ก็ต้องจินตนาการเอาไว้ในหัวก่อน ถึงภาพที่เป็นแลนมาร์คสำคัญของสถานที่แห่งนั้น ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ดอยอินทนนท์ จุดแลนมาร์ค ก็ต้องเป็นกิ่วแม่ปาน หรือ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ก็ต้องเป็น ประตูท่าแพ แล้วถ้าเป็นแม่กำปองล่ะ มันควรจะเป็นที่ไหน ที่เราควรจะไปเก็บภาพถ่ายมา พร้อมกับเสพบรรยากาศ


เอามาจากที่ไปมาแล้ว 2 ครั้ง คงต้องบอกว่า ที่ ร้าน “ชมนกชมไม้” นี่แหละ ที่เข้าท่าที่สุด และเมื่อรวมกับภาพถ่ายทั้งหลายบนโลกออนไลน์ ก็ต้องบอกวิวจากจุดตรงนี้ได้รับการยกมืออย่างเอกฉันท์


ร้าน “ชมนกชมไม้” ถูกวางตัวอยู่ในหมู่บ้านแม่กำปองกิ่งอำเภอแม่ออนท่ามกลางขุนเขา ที่มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีลำธารไหลผ่านหมู่บ้าน และสภาพอากาศดีเย็นตลอดปีการเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1317 เชียงใหม่ – สันกำแพง ผ่านถ้ำเมืองออน ผ่านสามแยกไปน้ำพุร้อนสันกำแพงซึ่งจากสามแยกตรงนี้ไปประมาณ 18 กิโลเมตร ก็จะถึงบ้านแม่กำปอง ระหว่างทางไปจะมีป้ายบอกทางเป็นระยะ ใครไม่มีรถส่วนตัว งานนี้คงต้องเหมารถสองแถวจากในเมืองมาเที่ยวเอา หรือจะเช่ามอเตอร์ไซค์ขับมาก็ได้ ทางขับง่ายไม่ลำบาก


กลับไปที่ ร้านชมนกชมไม้ ร้านจะตั้งอยู่ก่อนถึงน้ำตกแม่กำปองฝั่งขวามือ เป็นร้านขายเครื่องดื่มพวก ชา กาแฟ และเบเกอรี่ มีไฮไลต์อยู่ที่จุดชมวิวของทางร้าน ที่สามารถมองเห็นหมู่บ้านแม่กำปองได้ทั้งหมด ซึ่งในช่วงฤดูหนาวที่มีดอกนางพญาเสือโคร่งบาน อัตราความสวยงามของวิวก็จะเพิ่มขึ้นตามลำดับ


เมนูในร้าน เครื่องดื่มก็จะมีพวกชา กาแฟ ทั้งร้อนและเย็น กาแฟที่นี่เป็นกาแฟที่ปลูกเองในหมู่บ้านแม่กำปองนี่แหละ ใครดื่มแล้วไม่หนำใจ ทางร้านมีขายให้กลับไปบดและดื่มเองที่บ้านด้วยกิโลกรัมละ 800 บาท เค้ก ทางร้านมีหลายหน้าให้เลือกชิม เอาที่ผมชอบก็ CakeCarrotหวาน มัน เค็ม ครีมชีสนิดๆ อร่อยติดปาก อีกอันเป็น Cake Red Velvetสีน้ำตาลแดง ซึ่งสีแดงในเค้กมาจากการเพิ่มส่วนผสมของบีตรูตราคาเค้กต่อชิ้นถือว่าไม่ถูก ไม่แพงครับ (เหมือนราคากาแฟต่อแก้ว)


บรรยากาศร้านนอกจากจุดชมวิวของร้านที่บอกไปแล้ว ภายในร้านถูกแต่งแบบเรียบง่าย โดยใช้ความเป็นบ้านไม้ให้กลมกลืนกับธรรมชาติที่แฝงอยู่


ร้าน “ชมนกชมไม้” เปิดทำการตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น. ปิดทุกวันพุธ เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ 082-1822838 และ 089-5599371 ใครมาถึงแม่กำปองแล้ว หาร้านไม่เจอกดโทรไปถามได้ครับ


ปล. ทางร้านมีโฮมสเตย์ให้พักด้วยกันอยู่ 3 ห้องเรื่องราคาสอบถามกับทางร้านได้ครับ
24  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ เขื่อน อ่างเก็บน้ำ ในเชียงใหม่ / Re: ผจญภัยในเขื่อนห้วยแม่ออน จ.เชียงใหม่ เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2015, 09:48:55 AM
ตอนที่ 3



เป็นความคิดที่ชั่วพอสมควร กับการจะฉกเรือชาวบ้านออกไปพายเพื่อถ่ายภาพ ผมพยายามนึกภาพตัวเองกำลังพายเรือแล้วจังหวะนั้นดันมาเจอเจ้าของเขาพอดี อยากรู้ว่าพี่แกจะทำหน้ายังไง และไอ้หมอนี้มันเอาเรือของตูไปพายทำไมฟะ 1.25 วินาทีเห็นจะได้ ผมเบรกความคิดชั่วร้ายทิ้งลงไปในอ่างเก็บน้ำ แล้วเดินออกจากตรงนั้นแบบเท่ๆ ราวกับตัวละครในหนังฟอร์มยักษ์ เมื่อพระเอกต้องบอกลาอะไรซักอย่างจากสิ่งที่ตัวเองรัก ประมาณว่าคงต้องทิ้งมันไว้ตรงนั้นแหละ


หลังจากดั้นด้นเดินลงไปสำรวจแบบเรื่อยเปื่อย ผมก็มุ่งหน้าขับออกมาจากตรงนั้น โดยหวังว่ามันคงจะครบรอบแล้วบรรจบไปจุดเริ่มต้น ตรงสันเขื่อนที่เข้ามาแต่แรก แต่เปล่าเลยถนนมันนำทางผมไปอีกทางหนึ่ง และดูเหมือนวามันจะไม่ใช่อย่างที่คิด


แยกซ้ายแรกๆ เลี้ยวเข้าไปนึกว่าใช่ แต่พอขับเข้าไป โถ แม่เจ้า เป็นกระท่อมเล็กๆ ของชาวบ้านที่สร้างเอาไว้หลบแดดหลบฝนเวลามาหาปลากัน ออกจากตรงนั้นขับไปตามถนนอีก เจอป้ายหน้าทางเข้าหมู่บ้าน ถึงตอนนี้ผมคิดแล้วว่าถ้าจะกลับไปยังอ่างเก็บน้ำคงต้องไปทางเดิม แต่ก่อนจะกลับ ขอขับรถเข้าไปสำรวจในหมู่บ้านก่อนแล้วกัน


หมู่บ้านที่ว่านี้ ชื่อหมู่บ้านปางไม้ตะเคียน อยู่ ต.ออนเหนือ เป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีกันไม่กี่หลังคาเรือน บรรยากาศเงียบสงบมาก แถมอยู่ท่ามกลางป่าเขา ผมขับเลยเข้าไปผ่านหมู่บ้านจนไปเจอลำธารที่ตัดข้ามถนน และก็เข้าป่าไปจนถึงจุดสิ้นสุด ตรงที่เป็นค่ายพักแรมร้าง ที่คาดว่าน่าจะเป็นค่ายพักแรมลูกเสือมาก่อน



แถวนี้จะมีลำธารไหลเอื่อยๆซึ่งน่าจะไหลผ่านเข้าไปยังหมู่บ้านปางไม้ตะเคียน (แต่ไม่แน่ใจว่าไหลลงอ่างเก็บน้ำแม่ออนรึเปล่า) ป่าแถวนั้นเห็นมีทางเดินเท้าอยู่ 2 -3 ทางด้วยกัน ซึ่งอาจจะเป็นของค่ายพักแรมมาก่อนรวมทั้งของชาวบ้านที่สร้างขึ้นมาเอง เพราะเดินเข้าไปหาของป่า เนื่องจากมีเวลาไม่ค่อยมากมายเท่าไรนัก ผมเลยไม่ได้เดินเข้าไปสำรวจดูอะไรเยอะ ซึ่งหลังจากอยู่แถวนั้นได้ซัก 15 นาที ก็เลยต้องขับรถย้อนกลับออกมายังทางเดิมแต่แรก ออกจากหมู่บ้าน เพื่อไปยังอ่างเก็บน้ำ แต่ก็ไม่วายนิสัยเสียที่ชอบขับแวะเข้าป่าไปเรื่อย จนบางทีก็คิดว่าเราเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ คนประเภทไม่กลัวอะไรเลย เห็นอะไรก็อยากรู้ อยากลอง อยากลุยไปหมด เพื่อนผมที่เคยไปเดินป่าด้วยกันมันยังบอกเลยว่า ถ้าคิดว่าหลงทาง แล้วจะยังเดินต่อไปทำไม ทำไมไม่เดินย้อนกลับมาว่ะ



“ไม่รู้ซิ ไม่รู้เหมือนกัน อยากไปต่อ รู้ว่าหลง แต่ก็อยากรู้ว่ามันจะไปสิ้นสุดตรงไหน รู้แล้วค่อยกลับมาก็ได้” ผมบอกกับเพื่อนเอาไว้อย่างนั้น

25  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ เขื่อน อ่างเก็บน้ำ ในเชียงใหม่ / Re: ผจญภัยในเขื่อนห้วยแม่ออน จ.เชียงใหม่ เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2015, 09:25:18 AM
ตอนที่ 2


ถ้าให้ถามถึงเอกลักษณ์ของอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ ผมน่าจะใช้เวลาไม่ถึงนาทีในการตอบคำถามกันได้อย่างรวดเร็ว


เอกลักษณ์ของอ่างเก็บน้ำแห่งนี้คือ มีคนมีตกปลาเยอะครับ! ชนิดแบบว่าตกปลากันเป็นล่ำเป็นสันเลย


เรื่องกฎหมายห้ามล่าสัตว์น้ำในอ่างอะไรนั้น ผมไม่แน่ใจว่าเขาห้ามกันหรือไม่ แต่ดูจากทรงแล้วคงไม่น่าจะห้ามกันล่ะครับ เพราะเห็นมากันเยอะ แต่ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าสนใจนัก ไอ้ที่ผมสนใจ คือคนตกปลาที่นี่ เขาจะมีเอกลักษณ์ตรงที่ใช้ร่มสีแสบๆ มากางบังแดด เหมือนร่มที่กางตามชายหาดริมทะเล เวลามองดูก็ให้ความรู้สึกว่าเพลิดเพลินดี สีร่มแสบๆ มันช่างตัดกันดีกับสีพื้นน้ำและสีภูเขากันจริงๆ


กิจกรรมตกปลา ในฐานะที่ผมเคยชอบตกปลาตอนเด็กๆ กิจกรรมนี่ถือว่าสร้างความเพลิดเพลินจำเริญใจให้เป็นอย่างดีแก่คนที่ขายวิญญาณให้มันนะครับ ถ้าไม่นับเรื่องใจความหลักว่าจะต้องได้ปลา เรื่องรองลงไป คือความเงียบสงบเวลามาตกปลาท่ามกลางธรรมชาติ เรื่องนี้จัดว่าถูกใจสำหรับคนที่อยากมาปลีกวิเวก ลองจินตนาการเอาก็แล้วกัน เรานอนอยู่บนเปลผ้า ใต้คันร่มริมฝั่งอ่างเก็บน้ำเย็นๆ ท่ามกลางขุนเขา อากาศดีๆ มันเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมไปเลยล่ะ


จากเรื่องตกปลา มาที่เรื่องของการสำรวจรอบๆ อ่างเก็บน้ำบ้างผมขับมอเตอร์ไซค์จากสันเขื่อนวนซ้ายไปตามทางลูกรัง เพื่อดูมุมอื่นๆ ของอ่างเก็บน้ำว่ามีสภาพเป็นอย่างไร และจากเท่าที่เห็น ก็ดูเหมือนว่าตรงสันเขื่อนนั้น วิวสวยที่สุดแล้ว


ขับรถมากันถึงครึ่งทางในการจะวนรอบอ่าง ขวามือมีทางแยกให้ขับเข้าไปครับ ตรงนี้เป็นที่ตั้งของสนามกอล์ฟ เชียงใหม่ไฮแลนด์ ซึ่งเป็นด้านหลัง แต่มันไม่มีทางเข้านะ ถ้าจะเข้าคงต้องเข้าด้านหน้าที่ติดกับถนนใหญ่ ก่อนปากทางเข้ามายังตัวอ่างเก็บน้ำ


จากนั้นผมก็ขับมาอีกเรื่อยๆ เจอทางเดินเท้าลงมายังตัวอ่างเก็บน้ำ ซึ่งแน่นอนว่าผมจอดรถแล้วเดินลงไปสำรวจดู


ตรงทางเดินเท้าลงไปนั้น คาดว่าคงเป็นทางเดินที่ชาวบ้านใช้สัญจรในออกมาหาปลากันครับ สองข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งหญ้าและป่าสูงประมาณเท่าหัว ผมเดินลงไปเรื่อยๆ ก็เจอท่าน้ำเล็กๆ มีเรื่อลำหนึ่งจอดไว้อยู่ ซึ่งเป็นเรือหาปลาของชาวบ้านแถวนั้นนั่นแหละ


เอาจริงๆ จะบอกว่าตรงนั้นเป็นท่าน้ำก็ไม่เชิง เพราะมันไม่ค่อยมีลักษณะเหมือนท่าน้ำ แต่เป็นเหมือนเวิ้ง คือเราเดินพ้นจากทุ่งหญ้าเข้าไป ก็ไปเจอ และตรงนี้ถ้าพายเรือออกไป ก็สามารถทะลุออกไปยังส่วนที่เป็นน่านน้ำใหญ่ของเขื่อนได้


ณ ตอนนี้รู้สึกเหมือนอยากเป็น “เรือเล็กควรออกจากฝั่ง” แต่ติดตรงที่มันเป็นเรือชาวบ้านนี่แหละ
26  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ เขื่อน อ่างเก็บน้ำ ในเชียงใหม่ / ผจญภัยในเขื่อนห้วยแม่ออน จ.เชียงใหม่ เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2015, 09:21:35 AM
ตอนที่ 1


อ.แม่ออน เป็นหนึ่งในอำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ที่มีอ่างเก็บน้ำเล็กๆ น้อยๆ เยอะกันเลยทีเดียวครับ แถมแต่ละแห่งก็มีวิวทิวทัศน์สวยบรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การไปปลีกวิเวก และที่น่าแปลกใจ มีบางแห่งคนไม่ค่อยรู้จักด้วย ทั้งๆ ที่เทียบกับความสวยงามกับอ่างเก็บน้ำอื่นๆ ในพิกัดเดียวกันแล้ว ความสวยงามมันเหนือกว่าเห็นๆ


“เขื่อนห้วยแม่ออน” หรือ “อ่างเก็บน้ำแม่ออน” น่าจะเป็นหนึ่งในนั้น อ่างเก็บน้ำนี้ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 หมู่บ้านหนองหอย ตำบลออนเหนือ อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ วิธีเดินทางมา จากตัวเมืองเชียงใหม่ให้มาตามทางหลวงหมายเลข 1317 เชียงใหม่ – สันกำแพง ผ่านถ้ำเมืองออน เลยสามแยกที่จะไปน้ำพุร้อนสันกำแพง จากนั้นขับกันไปเรื่อยๆ สังเกตซ้ายมือไว้จะมีทางเข้าไปยังตัวอ่างเก็บน้ำ ด่านหน้ามีป้อมยามสังเกตกันได้ไม่ยากครับ


จากป้อมยาม ขับรถเข้ามาอีกประมาณ 1-2 กิโลเมตร ก็จะเจอที่ตั้งของอ่างเก็บน้ำ ซึ่งสามารถขับรถขึ้นไปยังบริเวณสันเขื่อนได้ ทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์


ข้อมูลพื้นฐานคร่าวๆ ของอ่างเก็บน้ำแม่ออน อ่างเก็บน้ำแห่งนี้ อยู่ในความรับผิดชอบของโครงการชลประทานเชียงใหม่สำนักชลประทานที่ 1 เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลางมีพื้นที่อ่างเก็บน้ำ 0.67 คร.กม.ปีที่เริ่มก่อสร้าง คือปี 2525 ใช้เวลาด้วยกันถึง 5 ปีซึ่งแล้วเสร็จลงในปี 2530 ใช้การระบายน้ำล้นแบบฝายสันมน พร้อมรางเท ระบายน้ำได้สูงสุด 200 ลบ.ม./วินาทีมีความยาวตามแนวสันเขื่อน 880.00 ม.ด้วยกัน


บรรยากาศด้านบนสันเขื่อนนั้น ถือว่าเป็นไฮไลต์ของการมาเที่ยวอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ เพราะเมื่อมองออกไปก็จะเจอน่านน้ำในเขื่อน มีภูเขาเป็นฉากหลังหลายลูก และแม้ว่าน้ำในอ่างเก็บน้ำแห่งนี้จะค่อนข้างน้อยพอสมควร (ตามวิกฤตภัยแล้งที่หลายที่พบเจอในเชียงใหม่) แต่ความสวยงามของวิวทิวทัศน์ก็ไม่ได้หดหายไป


จากการสังเกตโดยรอบๆ ตามขอบชายฝั่งของอ่างเก็บน้ำจะพบว่ามีต้นไม้ใบหญ้าขึ้นสูงประมาณหัวครับ (อันนี้ผมลงไปเดินสำรวจดู) ซึ่งมันจะมีเฉพาะฝั่งที่ไม่ใช่สันเขื่อน ซึ่งพูดอีกก็ถูกอีก เพราะตรงสันเขื่อนนั้นตามฝั่งจะเป็นก้อนหินของแนวสันเขื่อนล้วนๆ ฉะนั้นต้นไม้ใบหญ้าอะไรก็เลยจะไม่ค่อยขึ้น ส่วนไอ้ตรงที่มันขึ้นที่ผมว่านั้น น่าจะขึ้นหลังจากที่น้ำในอ่างมันลดลงไปครับ คล้ายๆ กับที่อ่างเก็บน้ำแม่ลาน ซึ่งถ้าใครเคยไปเที่ยวที่อ่างเก็บน้ำแห่งนี้ จะพบว่ามีลักษณะคล้ายๆ กันเป๊ะเลย ต่างกันแค่ที่นั้นอ่างมันใหญ่กว่า และวิวสวยกว่า คนรู้จักเยอะกว่าครับ


ส่วนตอนหน้าจะพาไปสำรวจบริเวณอื่นรอบๆ อ่างกันครับ



27  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ร้านก๋วยเตี๋ยวเชียงใหม่ / เจ๊แฮ ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย สาขาเชียงใหม่ เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2015, 09:46:02 AM
ในช่วงเวลาไม่ถึงปี หลังจากที่เคยไปกินก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยและสัญญากับตัวเองไว้ว่า ถ้ามีโอกาสมาเที่ยวสุโขทัยอีกรอบผมจะแวะไปกินก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยที่ร้านเจ๊แฮ ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยอีกครั้ง เพราะยังติดใจในรสชาติ


ติดใจในความเป็นต้นตำรับของก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย ที่กินแล้วเราได้ความออริจินัลจริงๆ ไม่เหมือนกับไปกินก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยในจังหวัดอื่นๆ ที่ขาดลายเซ็นของความเป็นต้นตำรับเฉพาะตัว


อย่างที่ได้เกริ่นไว้แต่ย่อหน้าแรก เมื่อกาลเวลาผ่านไป จู่ๆ มาวันหนึ่ง ขับรถแถวคูเมืองเชียงใหม่ ก็พานพบเข้ากับร้านเจ๊แฮ ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย เข้าโดยบังเอิญครับขยี้ตาซ้ำสองรอบ ก็พบว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด นี่คือร้านเจ๊แฮ ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยจริงๆ ที่ขยายสาขามาเปิดที่เชียงใหม่


โอ้ว แม่เจ้า นี่เล่นขยายข้ามมาหลายจังหวัดเลยทีเดียว

พิกัดที่ตั้งของร้านอยู่บนถนนช่างหล่อ เลยจากประตูเชียงใหม่มาซักหน่อย ผ่านธนาคารกรุงไทย จะเห็นร้านอยู่ฝั่งทางด้านซ้ายมือครับ สังเกตกันได้ไม่ยาก โดยมีเวลาทำการตั้งแต่ประมาณ 09.00 (เวลาเปิดไม่ค่อยแน่ใจ) เรื่อยไปจนถึง 17.00 น. ครับ


เมนูอาหารในร้านหลักๆ จะเป็นก๋วยเตี๋ยวครับ มีก๋วยเตี๋ยวต้มยำสุโขทัย ก๋วยเตี๋ยวแห้งสุโขทัย ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ (หมูหมัก หมูตุ๋น ลูกชิ้นหมู ปลา เครื่องในหมู) นอกจากก๋วยเตี๋ยวมีเย็นตาโฟ เกาเหลา ต้มเลือดหมู ผัดไทยกุ้งสด ข้าวหมูแดง ข้าวคลุกกะปิ ลวกจิ้มหมู ลวกจิ้มลูกชิ้นปลา ลวกจิ้มเครื่องในหมู ขนมเบื้องไข่ เกี๊ยวทอด แคบหมู เครื่องดื่มก็มีชา กาแฟ โอเลี้ยง น้ำผลไม้ประมาณนี้กันครับ


มาว่ากันที่เรื่องรสชาติ ก๋วยเตี๋ยวร้านนี้มีดีที่เส้นบะหมี่เขาทำเองครับ ฉะนั้นเรื่องความสดใหม่จึงมีให้ลูกค้าได้ชิมกันทุกวัน ซึ่งเวลากินก็จะได้กลิ่นหอมของแป้งและไข่ ถูกใจคนรักเส้นบะหมี่แน่นอนความเป็นต้มยำสุโขทัย เครื่องเคราต้มยำ ไม่ทำให้ผิดหวังกันฮะ อย่างถั่วฝักยาวหั่นแฉลบ ถั่วลิสงคั่วใหม่ตำหยาบๆ กากหมูทอด ใส่กันลงไป มีหมูแดงหั่นบางๆ ชิ้นขนาดพอดีคำ หมูสับลวกสุก เติมด้วยแคบหมูเอาไว้กินเป็นเครื่องเคียง รสชาติต้องบอกว่าเยี่ยมไปเลยจอร์ชซึ่งถ้าใครชอบรสจัดๆ มากกว่านี้ ก็สามารถปรุงเพิ่มเติมได้ เพราะก๋วยเตี๋ยวต้มยำร้านนี้รสจะไม่จัดมากนัก


อื่นๆ อย่างบรรยากาศในร้านถือว่าปลอดโปร่งโล่งสบายดี ดูสะอาด และเป็นระเบียบ บริการฉับไว ราคาถือว่ามาตรฐานกลางๆ ทั่วไป เอาเป็นว่าใครยังไม่เคยลองก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย ฉบับต้นตำรับ แบบเจ๊แฮ ก็ลองแวะมาชิมกันได้ครับ รับรองว่าโดนใจวัยรุ่นกันแน่นอน
ปล.ทีเด็ดอีกอย่างของร้านนี้ ตอนกินควรเติมแคบหมูใส่ลงไปในก๋วยเตี๋ยวด้วยเพราะจะช่วยให้รสชาติมันอร่อยยิ่งขึ้นอีกหลายขุม
28  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / แนะนำ ร้านกาแฟ ชา เบเกอรี่ เค้ก ขนม ไอศกรีม อาหารว่าง ของทานเล่น ในเชียงใหม่ / วิวดี กาแฟดี ที่กาแฟวาวี ฮิมปิงกาดหลวง เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2015, 09:18:25 AM
ถามถึงคอกาแฟในเชียงใหม่ แน่นอนล่ะว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก “กาแฟวาวี” ร้านกาแฟรสชาติดี ที่ถูกคอทั้งคนเชียงใหม่ และคนต่างจังหวัดที่มีโอกาสมาเที่ยวแล้วแวะมาชิม


กาแฟวาวีก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2543กันครับ นับนิ้วตอนนี้ กาแฟวาวีมีสาขาทั้งหมด 26 สาขาทั่วประเทศด้วยกัน โดยอยู่ในจังหวัด เชียงใหม่ 16 สาขากรุงเทพ 5 สาขา และในจังหวัดอื่นๆ อีก 6 สาขา รูปแบบการให้บริการภายในร้านจะเน้นเอกลักษณ์ความเป็นร้านกาแฟของคนไทย ซึ่งคำนึงถึงคุณภาพของสินค้าและบริการด้วยบรรยากาศของวัฒนธรรมไทย เป็นธรรมชาติ สะดวกสบาย


กาแฟของที่นี่ จะคัดเลือกกาแฟพันธุ์ดี จากแหล่งเพาะปลูกที่ดีที่สุดของประเทศบนพื้นที่สูงกว่า 1,000 – 1,300 เมตร จากระดับน้ำทะเลกันครับ โดยทุกเมล็ดกาแฟใช้เวลาเริ่มต้นออกดอกจนถึงผลสุกเป็นเมล็ดเชอรี่ นานถึง 10 เดือนขึ้นไปจึงทำให้การเก็บสารอาหารที่สะสม ในเมล็ดกาแฟมีคุณภาพที่ได้มาตรฐาน นำไปผลิตเมล็ดกาแฟคั่วเริ่มด้วยการหาปริมาณความชื้น ความเป็นกรด – ด่าง ของเมล็ดกาแฟ เพื่อตรวจสอบกระบวนการหมักและขั้นตอนการผลิตสารกาแฟ ตรวจสอบมอด เชื้อราและวัดความชื้นด้วยเครื่อง Moisture Balanceและ ทำการชิม (Cup Test) กาแฟทุกกระสอบ ก่อนนำไปคั่วทุกครั้ง เพื่อป้องกันการปลอมปนของสารกาแฟที่ไม่ได้มาตรฐาน ก่อนนำไปผลิตกาแฟคั่วด้วยเครื่องคั่วกาแฟที่ทันสมัยและมีการตรวจวัดคุณภาพการคั่วกาแฟ ด้วยเครื่อง Test Colour Meter เพื่อให้ได้คุณภาพตามมาตรฐานระดับสากล (SCAA Specialty Coffee Association of America)


สำหรับสาขาที่ผมมีโอกาสแวะมาชิมนั้น เป็นสาขาฮิมปิงกาดหลวง บนถนน ไปรษณีย์ (เยื้องๆกับพิพิธภัณฑ์แสตมป์ เชียงใหม่ ซ้ายมือก่อนถึงสะพานนวรัฐ) ตอนนั้นสาขานี้เพิ่งเปิดกันใหม่ๆ มีจุดขายที่บรรยากาศริมแม่น้ำปิง อีกทั้งเปิดบริการกันตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งตรงจุดนี้ถือว่าถูกใจคนนอนดึกอย่างผมมาก เพราะคืนไหนอยากจิบกาแฟก็แวะมาที่สาขานี่แหละ ดึกๆ เงียบสงบดี มีหนังสือซักเล่ม จิบกาแฟไปด้วย จัดว่าเด็ด (ปัจจุบันทางร้านปรับเวลาใหม่เป็นปิดตอน 4 ทุ่มแล้ว)ที่นั่งมีให้เลือกกันสองโซน อยากชมวิวนั่งโซนนอก อยากตากแอร์นั่งด้านในกันครับ ที่จอดรถของร้านมีให้เลือกจอดกันสะใจด้วย กว้างขวางและสะดวก ส่วนเรื่องเมนูเครื่องดื่ม และเบเกอรี่ ราคาก็ตามมาตรฐานทั่วๆ ไป ครับ


นอกจากนี้ สำหรับคอกาแฟที่อยากได้กาแฟไปชงดื่มเองที่บ้าน กาแฟวาวีมี Wawee Feel เป็นกาแฟคั่วบดพร้อมกระดาษกรองสำเร็จรูปมาจำหน่ายด้วย ทำให้ท่านสามารถชงกาแฟที่มีกลิ่นสีและรสเหมือนการดริปกาแฟที่ต้องการขั้นตอนในการชงอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่การเตรียมเมล็ดที่ผ่านการคั่วมาอย่างดีการบด เตรียมกระดาษกรอง และ การดริปด้วยน้ำร้อน รวมถึง การเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งสำหรับ Wawee Feel เพียงแค่ มีน้ำร้อน ฉีกซอง เทน้ำร้อนผ่านกระดาษกรองกาแฟรสชาติเยี่ยมก็พร้อมแล้ว ในเวลาแค่ 1-2 นาที ใครสนใจก็สอบถามเพิ่มได้กับทางร้าน


สุดท้าย สำหรับกาแฟวาวี สาขาฮิมปิงกาดหลวง จัดเป็นอีกหนึ่งร้านกาแฟรสชาติดี ที่ไม่ได้มีดีแค่กาแฟ แต่ยังมีวิวดีๆ ให้ได้เสพกันอีกด้วย
29  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ เขื่อน อ่างเก็บน้ำ ในเชียงใหม่ / Re: ย้อนเวลาตามหาอดีตทะเลสาบดอยเต่า เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2015, 09:02:29 AM
ตอนที่ 3

จากปากทางเข้ามา ผมเลือกมุ่งหน้าขับรถลงมายังด้านในตามทางลูกรังที่รถบรรทุกใช้สัญจรในการขนดิน แล้วสังเกตมองไปโดยรอบๆ และจากภาพที่เห็นตรงหน้าก็จะพบว่ารอบๆ ตัวผมนั้นเต็มไปด้วยทุ่งหญ้าล้วนๆ ซึ่งไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าจากพื้นที่ที่เต็มไปด้วยน้ำเต็มทะเลสาบ มาวันนี้จะมีสภาพไม่ต่างจากทุ่งหญ้าในเขตร้อนเหมือนที่เราเห็นในสารคดีสัตว์โลกแถวแอฟริกา


นอกจากทุ่งหญ้าจะดูเหมือนแล้ว ยังมีตัวประกอบฉากเป็นฝูงวัวนับหลายสิบตัวของชาวบ้านที่นำเอามาเลี้ยงในนี้กันด้วยแบบนี้จะเรียกจากทะเลสาบ เป็นทุ่งหญ้า คงไม่มีคำว่าเคอะเขิน

หันมาดูสภาพของชาวบ้านแถวนั้นบ้าง ที่เจอผลกระทบมากสุด แน่นอนคงหนีไม่พ้นเจ้าของผู้ให้บริการแพที่พัก กับแพร้านอาหาร เมื่อไม่มีน้ำ แพก็ล่องไม่ได้ เมื่อล่องไม่ได้ ก็ขาดรายได้ ขาดนักท่องเที่ยว เพราะมาเที่ยวแล้ว จากที่จะเห็นเป็นทะเลสาบ มานอนแพ กินเมนูปลาสดๆ อร่อยๆ ก็เห็นเป็นทุ่งหญ้ากว้างๆ แห้งๆ มีฝูงวัวแทะเล็มหญ้าในสภาพอากาศที่ร้อน มีรถแบคโฮ รถบรรทุก กำลังขุดดิน ขนดินไปขาย


ส่วนเกษตรกรที่ต้องใช้น้ำแถวนั้นในการปลูกลำไยและมะม่วง ก็ต้องจ้างรถบรรทุกน้ำมารดสวนไม้ผล และสูบน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปจนกว่าสภาพน้ำแถวนั้นจะดีขึ้น


ในความเลวร้ายที่หลายฝ่ายกำลังประสบปัญหากัน ก็ยังพอจะเห็นความสวยงามในแบบฉบับของผมบ้าง

แม้ทะเลสาบดอยเต่าจะไม่มีน้ำเลยซักหยดมันก็ยังพอจะมีมุมสวยๆ ให้ได้ชมกันครับ อย่างเทือกเขาที่ล้อมรอบทะเลสาบในช่วงเวลาเย็นๆ ตอนโดนแสงพระอาทิตย์สาดส่อง มองเผินๆ เหมือนกับเหล่าภูเขาไฟโบรโม่ ที่อินโดนีเซีย โอเค มันอาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่ อลังการขนาดนั้น แต่ผมว่ามันก็สวยงามในแบบเฉพาะของมันล่ะ


หรือ บางมุมที่เป็นทุ่งหญ้า แล้วมีต้นไม้โผล่ขึ้นมาเป็นจุดเด่นสองสามต้น มองแบบคนชอบถ่ายภาพ มันรู้สึกว่าสวย แต่ถ้าคนไม่ชอบถ่ายภาพ อาจจะมองไปอีกมุมคือ มันแห้งแล้ง มันสิ้นหวัง ซึ่งก็โชคดีที่ผมชอบภาพ มันเลยทำให้มองเห็นอะไร มันก็ดีสวยไปหมด แม้จะอยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยความเลวร้ายก็ตาม


ถึงตรงนี้ จากตอนแรกที่คิดว่าจะไม่มาแล้ว เพราะเชื่อว่ามันไม่มีน้ำเลยซักหยดในทะเลสาบดอยเต่า ผมตัดสินใจถูกที่เลือกมาทะเลสาบแห่งนี้ และไม่เคยนึกเสียดาย หรือคิดว่าเสียเวลาเลยซักนิด แม้ว่าทะเลสาบดอยเต่าที่พบเจอ มันจะเป็นแค่อดีตทะเลสาบก็ตาม

และถ้าถามว่าโอกาสหน้า ถ้าให้มาอีกจะมามั้ย ผมก็จะตอบแบบไม่ลังเลเลยว่า “มาอีกแน่นอนครับ”
30  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ เขื่อน อ่างเก็บน้ำ ในเชียงใหม่ / Re: ย้อนเวลาตามหาอดีตทะเลสาบดอยเต่า เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2015, 09:37:01 AM
ตอนที่ 2

ในช่วงเวลาที่ผมไปถึงทะเลสาบดอยเต่านั้น ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ใกล้จะมืดเลยล่ะ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะราวๆ ซักเกือบหกโมงเย็นแล้ว ซึ่งช่วงเวลาแบบนี้ เรียกได้ว่าสุ่มเสี่ยงพอสมควรกับการมาสำรวจอดีตทะเลสาบดอยเต่าเวลาใกล้จะมืด ข้อดีอย่างเดียวที่พอจะนึกออกในการมาช่วงเวลานี้ คือ ได้แสงเย็นสวยๆ ในการถ่ายภาพ


และด้วยความที่เวลามันมีจำกัด เพราะกลัวจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร ผมเลยเลือกโฟกัสไปถ่ายเอาเฉพาะจุดสำคัญเท่าที่นึกออกตอนนั้นได้ส่วนบางอันที่ไม่ได้ถ่ายมา แต่ผ่านตาก็จะเล่าให้ฟังเพื่อให้เห็นภาพ


อย่างตรงทางเข้า ที่มีรูปปั้นเต่ายักษ์ แล้วมีลานจอดรถ มีแผงร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ ตรงนี้ปัจจุบันร้างไปแล้วครับ เท่าที่สังเกตผ่านๆ จะเห็นเป็นแค่ที่จอดรถของคนงานขับรถบรรทุกที่มาทำงานแถวนั้น แค่จุดนี้จุดแรก ก็เป็นหลักฐานยืนยันชั้นดีได้เลยว่าอดีตทะเลสาบดอยเต่านั้น มีมานานหลายปีแล้วพอสมควร


ย้อนกลับไปเมื่อครั้งยังมีน้ำอยู่ ทะเลสาบดอยเต่า เป็นพื้นที่น้ำท่วมถึงภายหลังการสร้างเขื่อนภูมิพล เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่เหนือเขื่อนภูมิพล เคยใช้ในการเกษตรกรรม การประมง ในบริเวณอ่างเก็บน้ำ หากมีน้ำมากพอ (โดยมากจะอยู่ในช่วงเดือนตุลาคม-เมษายน) จะมีบริการแพพัก ราคา 1,000-1,500 บาท และเรือนำเที่ยวไปยังเขื่อนภูมิพล จังหวัดตากแพพักที่ทะเลสาบแห่งนี้ถือเป็นจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนที่นี่ไม่น้อยเลยทีเดียว ยิ่งในฤดูหนาวแล้วยิ่งมีนักท่องเที่ยวสนใจมาเที่ยวกันมากเป็นพิเศษ ที่นี่จะมีทั้งแพพักและแพอาหารไว้บริการนักท่องเที่ยว


ส่วนปัจจุบัน……


จากน้ำที่เต็มในอ่างเก็บน้ำ กลับกลายเป็นแห้ง แทบจะไม่มีน้ำเลยซักหยด จากปากทางเข้ามา มองไปสุดลุกหูลูกตา เป็นที่ราบลุ่มโล่งๆ มีทุ่งหญ้าขึ้น บางแห่งก็เป็นพื้นดินแห้งๆ เรียกได้ว่าเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเลย


ส่วนสาเหตุดังกล่าวนั้น เกิดจากการดำเนินการตามแผนการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จึงทำให้ต้องประสบปัญหาน้ำแห้งขอด ประมาณว่าเขื่อนไม่มีน้ำเพียงพอที่จะปล่อยมายังตัวทะเลสาบ เพราะต้องกักเก็บน้ำไว้เพื่อไม่ให้กระทบกับการกักเก็บและประชาชนในพื้นที่ท้ายเขื่อน ซึ่งจะต้องวางแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันพูดง่ายๆ ตอนนี้ก็คือ ถ้าเขื่อนภูมิพลแห้ง ทะเลสาบดอยเต่าก็แห้งไปด้วย

ในอนาคตว่ากันว่า การแก้ไขปัญหาจะใช้วิธีผันน้ำจากแม่น้ำยวมมาลงที่เขื่อนภูมิพล และการศึกษาถ้าได้ผลออกมาแล้ว ภายในปี 2560 ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็จะดำเนินการสร้างทันที เมื่อการก่อสร้างโครงการต่างๆ เสร็จสิ้นก็จะสามารถควบคุมปริมาณน้ำในอนาคตได้และนั้นก็น่าจะเป็นผลดีต่อชาวบ้านที่ต้องใช้น้ำในทะเลสาบดอยเต่ากันครับ
31  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ เขื่อน อ่างเก็บน้ำ ในเชียงใหม่ / ย้อนเวลาตามหาอดีตทะเลสาบดอยเต่า เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2015, 09:34:00 AM
ตอนที่ 1

ย้อนกลับไปซัก 30 ปีที่แล้วหลายคนคงพอจะรู้จักกับบทเพลง “หนุ่มดอยเต่า” ของวงนกแล วงดนตรีเด็กๆ จากจังหวัดเชียงใหม่ ในชุดชาวเขาที่เป็นเอกลักษณ์กันได้ ว่ากันว่าตอนนั้นเพลงนี้ฮิตกันระเบิดระเบ้อเป็นอย่างมาก ชนิดที่ใครๆ ต่างก็สามารถอ้าปากร้องตามได้อย่างไม่เคอะเขิน ส่วนสำหรับผมมารู้จักเพลงนี้เอาตอนไหนก็ไม่ทราบ จำได้ลางๆ ว่าน่าจะช่วงประถม (ซึ่งคงเลยจุดพีคของเพลงไปนานแล้ว) แต่ที่แน่ๆ ตอนเพลงนี้ดัง ผมยังไม่เกิดเลยด้วยซ้ำ


บทเพลง “หนุ่มดอยเต่า” เมื่อฟังแล้ว ก็ฟังผ่านไป ไม่มีอะไรให้ผูกพันกัน จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดมีโอกาสมาใช้ชีวิตในจังหวัดเชียงใหม่ บทเพลงนี้ก็วาบเข้ามาในหัว พร้อมกับคำถามว่า “ดอยเต่า” มันอยู่ที่ไหน คือผมอยากรู้จักสถานที่แห่งนี้ และจากการค้นข้อมูล ก็พบว่ามี “ทะเลสาบดอยเต่า” เป็นแลนมาร์คที่สำคัญ


ค้นๆ เปิดดูหาภาพในอินเตอร์เน็ตก็พบว่าทะเลสาบดอยเต่ามีลักษณะคล้ายเขื่อนแม่งัด มีเรือนแพให้บริการ มีอาหารๆ เป็นเมนูปลาอร่อยๆ ให้ชิม พร้อมกับการเสพวิวทิวทัศน์บนทะเลสาบดอนเต่าที่กว้างสุดลูกหูลูกตา


เมื่อเจอภาพประมาณนี้ ก็พอจะอนุมานในใจได้ว่า ของจริงคงมีลักษณะอย่างภาพที่เห็น แต่ก็มีบางภาพที่ข้อมูลถูกอัพเดตไว้ในช่วง 2- 3 ปีล่าสุด ว่าทะเลสาบดังกล่าว บัดนี้ไม่ใช่ทะเลสาบแล้ว แต่เป็นอดีตทะเลสาบ


อย่างภาพของพี่ที่ผมรู้จักกันคนหนึ่ง แกถ่ายไว้เมื่อราวๆ ซัก 3 ปีก่อน ทะเลสาบดอยเต่าที่แกกดบันทึกนั้น น้ำแห้งขอด จนแทบจะเรียกว่าไม่มีน้ำเลยก็ว่าได้ และเพื่อให้เห็นภาพความแตกต่างที่ชัดเจน ก็มีพี่อีกคนมาโพสต์ใต้ภาพนั้น เป็นภาพทะเลสาบดอยเต่าเมื่อซัก 10 ปีก่อน คราวนั้นน้ำเต็มทะเลสาบ มีเรือนแพให้บริการกันอย่างเยอะแยะ แถมบรรยากาศก็ดีมากด้วย


ถึงตรงนี้ก็พอจะรู้แล้วว่าทะเลสาบดอยเต่าปัจจุบันมีสภาพเป็นเช่นไร แน่นอนผมฟันธงในใจว่า มันไม่มีน้ำแน่ๆ แต่ก็นั่นแหละ ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีน้ำเลย ความรู้สึกอยากไปของผมก็ไม่ได้ลดน้อยลง คือ ยังคงอยากไปเห็นเหมือนเดิม

ผมเดินทางด้วยสองล้อคู่ใจอย่างเคย ใช้เส้นทางหลวง 108 เชียงใหม่ – ฮอด จากตัวเมืองเชียงใหม่ ผ่าน อ.หางดง อ.สันป่าตอง อ.ดอยหล่อ อ.ฮอด เข้าสู่ถนนหมายเลข 1012 แล้วเลี้ยวซ้ายข้ามสะพานแม่น้ำปิง บนถนนหมายเลข 4011 จากนั้นเมื่อสิ้นสุดถนนหมายเลข 4011 ก็มาตามเส้นทางถนนหมายเลข 1103 ที่จะมุ่งหน้ามายัง อ.ดอยเต่า โดยก่อนจะเข้ามายังตัวอำเภอ ก็จะเจอป้ายทางเข้าทะเลสาบดอยเต่าแปะไว้อยู่

แล้วตอนหน้า ผมจะพามาสำรวจอดีตทะเลสาบดอยเต่ากันครับ
32  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ สถานที่ท่องเที่ยว ในตัวเมืองเชียงใหม่ / Re: เดินเที่ยวในเวียงถนนสามล้าน - ถนนสิงหราช เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2015, 09:53:22 AM
ตอนที่ 2

เอาจริงๆ แล้ว ทริปนี้ถ้าหากไม่อยากเดินเที่ยว ผมมีอีกหนึ่งทางเลือกมานำเสนอที่น่าสนใจกันครับคือการเช่าจักรยานมาปั่น ซึ่งมันก็จะช่วยในการทุ่นแรงพอสมควร สำหรับคนที่ชอบปั่น และไม่อยากเมื่อยนักกับการเดิน


หลังจากเล่าไปแล้วกับ 3 สถานที่สำคัญ ก็มาต่อกันในส่วนที่เหลือให้จบครับ จากวัดพวกหงส์  ต่อมาที่จะพาไป เป็นวัดหมื่นเงินกอง


วัดนี้มีความเชื่อว่า ถ้าหากผู้ใดมาไหว้พระทำบุญ ก็จะมีเงินมีทองมากองเต็มบ้านครับ ภายในมีสิ่งที่น่าสนใจ เช่น วิหารโบราณกึ่งตึกกึ่งไม้ ศิลปกรรมเชียงใหม่ จะสร้างมานานเพียงไหน ใครเป็นช่างไม่ปรากฏประวัติ เข้าใจกันว่ามหาอำมาตย์หมื่นเงินกองและภริยาลูกหลานเป็นผู้สร้างในรัชสมัยพระเจ้ากือนา, วิหารพระนอน พระพุทธไสยาสน์ พระนอนเป็นพระพุทธรูปปั้นปางไสยาสน์ศิลปกรรมแบบล้านนาเชียงใหม่ประทับฐานบัว ภายในซุ้มนับได้ว่าเป็นพระพุทธโบราณล้ำค่าองค์หนึ่ง แต่ไม่พบหลักฐานประวัติความเป็นมา



จากวัดหมื่นเงินกอง เดินมาตามถนนสามล้านผ่านวัดพระสิงห์ เข้าสู่ถนนสิงหราช (ใครเหนื่อยสามารถพักเบรกด้วยการแวะซื้อชาชักหน้าวัดพระสิงห์ได้ ชื่อร้านราชาชัก จัดเป็นร้านชาชักที่รสชาติอร่อยในราคาย่อมเยา) เลยวัดพระสิงห์มาอีกหน่อยซ้ายมือจะมีสองวัดสำคัญให้แวะเที่ยวกันครับ



วัดแรก วัดผาบ่อง ที่มีตำนานของบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด เล่าว่า พระพุทธเจ้าเสด็จมาที่วัดปราสาท ซึ่งเป็นภูเขาพรอ้มด้วยสาวก พระอินทร์ทรงทราบ จึงนิมิตปราสาทให้ประทับ ต่อมาพระอานนท์ได้ออกหาน้ำมาหยุดที่ภูเขาลูกหนึ่ง (ปัจจุบันคือวัดผาบ่อง) แต่หาน้ำไม่ได้ พระพุทธเจ้าจึงตรัสให้กลับไปที่เดิมพร้อมตั้งจิตอธิษฐานอีกครั้ง จึงเกิดปาฏิหาริย์มีน้ำพุ่งมาจากก้อนหินใหญ่ พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าต่อไปบริเวณนี้จะเป็นวัดวาอารามที่เจริญรุ่งเรือง เป็นศูนย์รวมจิตศรัทธาของประชาชนและ ณ บ่อน้ำพุแห่งนี้ ชาวบ้านก็มีความเชื่อกันว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์จากคำร่ำลือ ทำให้ประชาชนต่างพากันเดินทางมาขอน้ำไปประกอบพิธีทางศาสนา สะเดาเคราะห์ สืบชะตา ทำน้ำมนต์ ดื่ม และขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกจากร่างกาย ซึ่งปัจจุบันบ่อน้ำก็ยังใช้ได้ตลอดทั้งปี ไม่มีแห้งขอดแต่อย่างใด


ส่วนใกล้ๆ กับวัดผาบ่อง ที่อยู่แทบจะติดกัน เป็นวัดปราสาท วัดเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่สร้างโดยฝีมือเชิงช่างชั้นสูง มีพระวิหารซึ่งมีลักษณะแบบล้านนาดั้งเดิมที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี ภายในพระวิหารมีจิตรกรรมฝาผนังลายคำบนพื้นรักสีแดงอย่างล้านนา ว่าด้วยเรื่องพระพุทธประวัติ และซุ้มปราสาทที่ประดิษฐานพระประธานซึ่งหลงเหลืออยู่ไม่กี่แห่งในปัจจุบัน โดยหลวงพ่อพระประธานแห่งวัดปราสาทนั้นเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยสีขาวที่มีพระพักตร์อิ่มเอิบน่าเลื่อมใสศรัทธา ประดิษฐานอยู่ในซุ้มปราสาทแบบล้านนาโบราณ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนท้ายพระวิหาร มีประตูซุ้มโขงเชื่อมเข้าสู่องค์ปราสาทลักษณะคล้ายกับเจดีย์หรือที่เรียกว่ากู่พระเจ้า อยู่ติดกับหลังพระวิหารอันหาชมได้ยากยิ่ง


และมากันที่สถานีปลายทาง วัดดับภัย วัดที่มีความเชื่อว่าหากได้มาทำบุญไหว้พระแล้ว จะช่วยดับทุกข์ดับภัยให้แก่ผู้ที่มากราบไหว้พระ สิ่งที่น่าสนใจในวัดแห่งนี้ คือหลวงพ่อดับภัย พระพุทธรูปศิลปะล้านนาเชียงแสนยุคแรก หรือเรียกกันเป็นพระสิงห์ 1 ปางมารวิชัย ทองสัมฤทธิ์ สร้างประมาณ ปี พ.ศ. 1600-1800


เมื่อสุดทางก็ต้องจากลา เอาเป็นว่าคราวหน้า มีทริปพาเที่ยวอะไรดีๆ เดี๋ยวใครคนนี้จะแวะมาบอกอีกทีกันครับ
33  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ สถานที่ท่องเที่ยว ในตัวเมืองเชียงใหม่ / เดินเที่ยวในเวียงถนนสามล้าน - ถนนสิงหราช เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2015, 09:32:57 AM
ตอนที่ 1

ทริปเดินเที่ยวในคูเมืองทริปนี้ น่าจะเป็นทริปสุดท้ายแล้วครับ เพราะนอกจากนี้ไป เท่าที่สำรวจดู ก็คงไม่มีถนนเส้นไหนที่น่าสนใจในการเดินเที่ยวอีกแล้ว ส่วนไอ้เส้นที่น่าสนใจก็เขียนกันไปหมดแล้วเช่นกัน



ทริปนี้เส้นทางในการเดินเที่ยว ถือว่าไม่ไกลมากครับ จุดเริ่มต้นจะเริ่มจากประตูสวนปรุง มาตามถนนสามล้าน ถนนสิงหราช จบกันที่วัดดับภัย ระยะทางคำนวณเป็นตัวเลขก็ประมาณ 1.2 กิโลเมตรด้วยกันโดยระหว่างการเดินทางนั้น ก็จะเล่ากันไปเรื่อยๆ ถึงสถานที่สำคัญ หลักๆ ก็จะเป็นวัดนั่นแหละครับ


เริ่มกันที่ประตูสวนปรุง เป็นประตูที่เจาะกำแพงชั้นในด้านใต้สร้างขึ้นใหม่ในรัชสมัย พญาสามฝั่งแกน เนื่องจากในรัชสมัยของพระองค์ได้สร้างเจดีย์ราชกุฏคารขึ้น ดังนั้น เพื่อความสะดวกแก่พระราชชนนีที่โปรดประทับอยู่ที่ตำหนักนอกกำแพงเมืองด้านทิศใต้จะได้ทรงสะดวกในการเสด็จมาสักการะพระเจดีย์ จึงทรงโปรดให้เจาะกำแพงเมืองด้านนั้น และตั้งชื่อว่า ประตูสวนแร ต่อมาเนื่องจากบริเวณนั้นเป็นที่ใช้ประหารนักโทษ ใช้หอกหลาวทิ่มแทงปุง (พุง) ชาวบ้านจึงเรียกว่าประตูสวนปุง หรือ ประตูแสนปุง นับแต่อดีต เชียงใหม่มีประเพณีที่ว่าหากมีการเสียชีวิตภายในเขตกำแพงเมืองเชียงใหม่ จะต้องนำศพออกจากตัวเมืองผ่านทางประตูนี้เท่านั้น ซึ่งก็ยังยึดถือประเพณีนี้อยู่จนถึงปัจจุบัน


จากประตูสวนปรุง เดินมาตามถนนสามล้านจะเจอ 2 วัดแรกที่สำคัญครับ โดยขวามือจะเป็นวัดพวกแต้ม ภายในวัดแห่งนี้จะมีพิพิธภัณฑ์คัวตอง วัดพวกแต้ม ให้ได้ชมกัน ซึ่งถือเป็นแหล่งผลิตคัวตอง หรือ ฉัตร อันเป็นเครื่องประดับคล้ายร่ม เอาไว้ประดับบนหลังคาโบสถ์ วิหาร และเจดีย์ ที่มีชื่อเสียงในการทําฉัตรกันมาอย่างยาวนานมาก


หลังจากชมการทำคัวตองเสร็จ อีกฟากฝั่งตรงข้ามทางเข้าวัดพวกแต้ม ก็จะเป็นทางเข้ามายังวัดพวกหงษ์ที่มีเจดีย์โบราณ ชื่อว่า “เจดีย์ศรีพวกหงษ์” เป็นศาสนสถานที่สำคัญ โดยมีลักษณะเป็นทรงกลม ซึ่งพบเพียงสามแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ คือ วัดพวกหงษ์ วัดเจดีย์ปล่อง และวัดร่ำเปิง ตัวพระธาตุเจดีย์ก่ออิฐถือปูนฐานเป็นสี่เหลี่ยม แล้วก่อขึ้นไปเป็นปล่องเจ็ดชั้น ประดับซุ้มพระจำนวน 52 ซุ้มอยู่โดยรอบ ตามประวัติกล่าวว่า เจดีย์สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้ายอดเชียงราย เมื่อปี พ.ศ. 2030 ต่อมาได้รับการบูรณะในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐา เมื่อ พ.ศ.2364


นอกจากนี้ในวัด ยังมีพระวิหารที่ด้านหน้าประดับด้วยหงษ์ปูนปั้น  ตัวอาคารเป็นแบบพื้นเมือง หลังคาลดหลั่นกันสามชั้น ซุ้มประตูหน้าต่างก็เป็นลายปูนปั้นงดงามเช่นกัน ส่วนบานหน้าต่างไม้แกะสลักรูปพระพุทธเจ้า ในวิหารประดิษฐานพระประธานพระพุทธรูปสำริดเก่าแก่ปางมารวิชัย สมัยพระเจ้ายอดเชียงราย




แล้วมาต่อกันอีกตอนให้จบครับ กับทริปเดินเที่ยวถนนสามล้าน
34  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ น้ำตกที่น่าเที่ยวของเชียงใหม่ / Re: เข้าป่า พาตะลุย น้ำตกตาดเหมย - เที่ยวเชียงใหม่ เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2015, 09:12:34 AM
ตอนที่ 3

สารภาพกันมาก่อนเลยว่า ตอนเดินมา ผมไม่ค่อยได้ใส่ใจรายละเอียดระหว่างทางเท่าไหร่นัก เพราะมัวเอาแต่เดินลูกเดียว เนื่องจากอยากเจอน้ำตกไวๆ ฉะนั้นขากลับก็เลยต้องเสพบรรยากาศธรรมชาติตามรายทางบ้าง เจออะไรเล็กๆ น้อยๆ น่าสนใจ ก็กดถ่ายภาพไปชิลๆ คนเดียวในป่า




สำหรับพื้นที่ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติมีตะไคร้แถวน้ำตกตาดเหมยนั้น จะเป็นป่าดิบแล้ง ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นภูเขาสลับซับซ้อน มีความสูงตั้งแต่ 400-2,031 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นป่าต้นน้ำลำธารชั้น 1 อยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่ปิงซึ่งนอกจากป่าดิบแล้งในส่วนที่ผมบอกแล้ว ก็ยัง มีป่าเบญจพรรณป่าดิบเขา ป่าสนเขา ป่าเต็งรัง และป่าทุ่งหญ้า ขึ้นอยู่โดยทั่วไปตามสภาพพื้นที่และความสูงของภูเขาจากระดับน้ำทะเลปานกลางต่างๆ ป่าผืนนี้ในอุทยานเป็นป่าต้นน้ำของห้วยแม่ตะไคร้ ห้วยแม่ออน ห้วยแม่ทา และห้วยแม่กวง ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำปิง ส่วนสภาพลักษณะภูมิอากาศอากาศจะเย็นสบายตลอดทั้งปี อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 32 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 20 องศาเซลเซียส



สำหรับชนิดพันธุ์ไม้ที่สำคัญในโซนนี้ ก็ได้แก่ สัก แดง ประดู่ ยาง จำปี ก่อ ตะแบก ตะเคียน สน มะค่าโมง เต็ง รัง ไผ่ชนิดต่างๆ เป็นต้น และมีพืชชั้นต่ำพวกมอส เฟิน ขึ้นปกคลุมตามลำต้นและกิ่งก้านของต้นไม้บริเวณป่าดิบเขาสัตว์ป่าก็จะประกอบด้วยสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น เก้ง กวางป่า กระต่ายป่า ลิง ชะนี เม่น อีเห็น เสือ หมูป่า เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบสัตว์จำพวกนกชนิดต่างๆ เช่น นกกางเขน นกแซงแซว นกหัวขวาน นกขุนทอง อีกา และนกฮูก เป็นต้น




เดินกันมาได้ราวๆ ซัก 40 นาที แบบสบายๆ ไม่รีบมาก ก็เป็นอันว่ามาถึงจุดตรวจที่ 3 เป็นทีเรียบร้อย สถานที่เริ่มต้นของการเดินทางเข้ามายังน้ำตกตาดเหมยซึ่งหลังจากนี้ไป หากใครมีเวลาเหลือแบบผม สามารถเลยต่อไปเที่ยวยังน้ำตกแม่ตะไคร้ได้ ซึ่งเป็นน้ำตกชั้นเดียวมีพันธุ์ไม้ป่านานาชนิดอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 6 กิโลเมตร รวมทั้งสามารถไปเที่ยวอ่างเก็บน้ำแม่ตะไคร้ ที่จะมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติรอบอ่างเก็บน้ำ เพียงแต่ว่าต้องวางแผนกันดีๆ เนื่องจากจุดนี้ไปยังน้ำตกแม่ตะไคร้ และอ่างเก็บน้ำมันก็ประมาณเกือบ 30 กิโลเมตร (ถนนบางช่วงไม่ดี)อีกทั้งอาจจะมืดค่ำเที่ยวกันไม่ทันจนกลับเข้าไปในเมือง




สุดท้ายและท้ายสุด น้ำตกตาดเหมย ถ้าจะให้เอ่ยคำนิยาม คงต้องบอกว่าเป็นน้ำตกที่สวยงาม แถมมีเสน่ห์ตรงที่เราได้เดินป่าท่ามกลางธรรมชาติที่เงียบสงบได้ด้วย

ปล.ใครไม่มีรถส่วนตัว ไม่สามารถมากันได้นะครับ รถโดยสารงานนี้ต้องเหมากันลูกเดียว หรืออาจต้องเช่ามอเตอร์ไซค์


35  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ น้ำตกที่น่าเที่ยวของเชียงใหม่ / Re: เข้าป่า พาตะลุย น้ำตกตาดเหมย - เที่ยวเชียงใหม่ เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2015, 08:57:09 AM
ตอนที่ 2

เดินเล่นเลาะตามขอบริมลำธารมาเรื่อย ไม่ค่อยเมื่อยเท่าไหร่นัก ก็เป็นอันว่าถึงตัวน้ำตกกันซักทีแล้วนะครับ


น้ำตกตาดเหมยเป็นน้ำตกที่มีความสูงประมาณ 15 เมตร จัดว่าเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามที่สุดของอุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้จากชื่อของน้ำตก คำว่า ตาด แปลว่าหินเป็นชั้นๆ เหมย แปลว่า หมอก (บางทีก็แปลว่าน้ำค้าง)ส่วนความหมายรวมก็ไปแปลกันเอาเองครับ


ในช่วงเวลาดังกล่าวที่ผมมานั้น เป็นช่วงหน้าฝนกัน ซึ่งตามที่เราๆ ท่านๆ เข้าใจ คงคิดว่าน่าจะเป็นช่วงที่มีน้ำหลากมากที่สุด แต่จากสถานการณ์ล่าสุดที่ไปพบมาจากน้ำตก ขอบอกว่าน้ำมันน้อยไปนิดครับ ยิ่งในลำธารเนี่ยบางช่วงแห้งเลยก็ยังมี


ตรงนี้อนุมานเอาจากสภาวะวิกฤตภัยแล้งกันที่ผมไปเจอมา อย่างเขื่อนแม่กวงที่ไปมาล่าสุด 3 – 4 เดือนก่อน ที่นั้นน้ำในเขื่อนก็น้อยเหมือนกัน คาดว่าเชียงใหม่และจังหวัดอื่นๆ ในภาคเหนือคงเจอผลกระทบไปทั่วกับปัญหาภัยแล้ง


แต่เดี๋ยวก่อน


ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วก็พูดต่อเลยล่ะกัน ทีตอนอยู่ในเมืองเนี่ย ตกกันหนักเชียวเลยล่ะครับ บางโซนในเชียงใหม่อย่างโซนหายยา ศรีปิงเมือง ตรงหนักลงมาไม่ถึงชั่วโมง น้ำท่วมถนนแล้ว เลยนึกอยู่ว่าทำไมมันไม่ไปตกกันในป่าในดอยตรงพื้นที่เกษตรบางแห่งที่มันแห้งแล้งกันบ้าง ชาวบ้านจะได้มีน้ำเอาไว้ใช้ทำมาหากิน


พูดถึงน้ำ ก็ต้องมีมาพูดถึงยุง เพราะมาเที่ยวป่าชื้นๆ แบบนี้มักจะโดนยุงกัด (นี่ก็ตบตายไปหลายตัว) เลยอยากจะบอกกันเลยล่ะว่า ใครจะมาเที่ยวแบบนี้ พกยากันยุงเอาไว้มาทาด้วยครับ จะได้ไม่โดนยุงกัด จะได้มีเวลาเสพธรรมชาติอย่างเต็มที่แบบไม่มีหงุดหงิดอย่างผมหลังๆ มานี้ก็พกติดตัวเอาไว้ประจำ ฉีดๆ แล้วทาให้ทั่วแขน ใส่เสื้อแขนยาวทับอีกรอบกัน เวลาถ่ายรูปจะได้ไม่หงุดหงิดทำชัตเตอร์ลั่นเสียจังหวะกันเปล่าๆ ส่วนใครที่มาน้ำตกแล้วอยากเล่นน้ำ อันนี้เล่นได้นะครับ แต่ต้องไปเล่นตรงที่มันไหลลงมาแรงๆ เพราะส่วนที่เป็นลำธารน้ำมันขุ่นไม่ค่อยน่าเล่นเท่าไหร่นัก


หลังจากที่ใช้เวลาในการเสพความงามของน้ำตกเกือบ 30 นาที ท่ามกลางป่าที่เงียบสงบและร่มรื่น ก็ได้เวลาที่ผมต้องออกเดินเท้ากลับไปยังจุดเริ่มต้นกันแล้ว ซึ่งจากที่คำนวณไว้คาดว่าน่าจะใช้เวลาในการเดินมากกว่าเดิมนิดหน่อย เพราะต้องเดินขึ้นที่ชัน และนั้นมันก็จะกินแรงเราเยอะ





แล้วมาต่อกันอีกตอนให้จบครบถ้วนกระบวนความกันครับ
36  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ น้ำตกที่น่าเที่ยวของเชียงใหม่ / เข้าป่า พาตะลุย น้ำตกตาดเหมย - เที่ยวเชียงใหม่ เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2015, 09:40:38 AM
ตอนที่ 1

สำหรับคนชอบถ่ายภาพ ในวันที่มีแสงแดดถือว่าเป็นอะไรที่เป็นนิมิตหมายอันดีในการสะพายกล้องออกไปลั่นชัตเตอร์ เพื่อเก็บภาพสวยๆ และในมุมกลับกัน ถ้าหากวันไหนที่มีเมฆหมอกครึ้ม ฝนตก ฟ้าเน่า วันนั้นการจะออกไปข้างนอกเพื่อถ่ายภาพเล่น (โดยเฉพาะภาพวิว) ถือเป็นอะไรไม่ค่อยเข้าท่า เพราะถ่ายภาพวิวอะไรมา ฟ้ามันก็ไม่สวย



ในความเลวร้าย ก็ยังพอมีเรื่องดีที่น่าสนใจอยู่บ้างในวันฟ้าครึ้ม เมื่อสถานการณ์ดังกล่าวนั้นเหมาะแก่การออกไปถ่ายภาพน้ำตกแบบฟุ้งๆ เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงเหตุผลนี้ ผมจึงพาตัวเองออกหนีจากห้องสี่เหลี่ยม เพื่อมุ่งหน้ามาเที่ยวน้ำตกตาดเหมยที่อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ใน จ.เชียงใหม่


การเดินทางมายังน้ำตกตาดเหมย เอาตามเส้นทางที่ผมขับรถมาเองจากตัวเมืองเชียงใหม่ ให้วิ่งมาตามทางหลวงหมายเลข 1317 เลยสามแยกไปน้ำพุร้อนสันกำแพง เลยสนามกอล์ฟเชียงใหม่ ไฮแลนด์ กอล์ฟ แอนด์สปา รีสอร์ท เลยตลาดขายต้นไม้บ้านห้วยแก้วมา จะเจอแยกขวามือให้เลี้ยวเข้ามายังบ้านสหกรณ์หมู่ที่ 6  มีป้ายทางไปจุดตรวจที่ 3 อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ จากนั้นก็ขับยาวกันมาเรื่อยๆ ครับ น่าจะประมาณ 10 กิโลเมตร บนทางราดยางที่มีบางช่วงชำรุดหน่อย เพราะถูกน้ำฝนกัดเซาะ ก็จะเจอจุดตรวจที่ 3 อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ ตรงเชิงสะพานข้ามแม่น้ำแม่รวมฝั่งขวามือ ขับรถเข้าไปจอดตรงนั้นกันได้เลย


บรรยากาศในวันที่ผมไปนั้น ถือว่าเงียบเชียบกันเลยล่ะ เจ้าหน้าที่อุทยานที่จุดตรวจที่ 3 ก็ไม่มีกันซักคนทุกอย่างแลดูว่างเปล่า ซึ่งหลังจากที่ผมเตรียมอุปกรณ์เสร็จสรรพ ก็ได้เวลาเดินเท้าจากตรงนี้เข้าไปในป่าด้านในอีกประมาณ 1 กิโลเมตร ค่อยจะถึงตัวน้ำตกตาดเหมยกันครับ



การเดินเท้าช่วงแรกทางเดินเป็นแบบธรรมดาเลาะตามป่าไป จากนั้นเมื่อถึงช่วงกลางทางก็จะเป็นป่าไผ่ที่ค่อนข้างจะชุ่มชื่นครับ ทางเดินบางช่วงสังเกตได้เลยว่าไม่มีคนเดินผ่านมานานแล้ว เพราะทางเดินถูกปกคลุมไปด้วยกิ่งไม้ ก่อนช่วงสุดท้ายจะมีเดินลงเขาทางชันๆ แต่ถือว่ายังไม่ลำบากมาก เดินกันได้สบายอยู่


หลังจากใช้เวลาเดินกันประมาณ 20 นาทีกว่า ก็เป็นอันว่าถึงตัวลำธารที่น้ำตกไหลมานะครับ ซึ่งผมจะเดินต่อไปอีกเพื่อไปยังจุดน้ำตกตาดเหมยจริงๆ โดยอาศัยการเดินเลียบเลาะไปตามลำธาร พร้อมกับค่อยๆ เก็บภาพถ่ายไปทีละจุดที่คิดว่าสวยเอาไว้ เพราะเวลาขากลับจะได้ไม่ต้องมาพะวงถ่ายอีก






แล้วตอนหน้าจะพาไปชมตัวน้ำตกตาดเหมยฉบับเต็มๆ กัน
37  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ หมู่บ้านวัฒนธรรม ในเชียงใหม่ / Re: เรียนรู้ภูมิปัญญาชาวบ้านที่พิพิธภัณฑ์คัวตอง วัดพวกแต้ม เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2015, 10:25:06 AM
ตอนที่ 3 (ส่วนจัดแสดง)

หลังจากที่เกริ่นๆ ไปถึงส่วนของการจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์ เราก็จะมาเจาะลึกกันครับว่าแต่ละส่วนเป็นอย่างไรบ้าง จากพื้นที่การจัดแสดงที่แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนการจัดแสดงนิทรรศการงานคัวตอง และพื้นที่การปฏิบัติงานคัวตองของกลุ่มช่างแต่เดิม


ส่วนที่ 1 จุดทางเข้าพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเป็นจุดแรกของตัวอาคาร โดยด้านทางเข้าบนจะเป็นป้ายพิพิธภัณฑ์ ที่ทำขึ้นจากการตอกแผ่นทองเหลือง ซึ่งเป็นเทคนิค เดียวกันกับงานคัวตอง โดยใช้ชื่อว่า “พวกแต้ม คัวตอง” นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับที่มาและ ความสำคัญของโครงการ โดยนำเสนอผ่านบอร์ดข้อมูลที่ว่าด้วยแนวคิดการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์“พวกแต้ม คัวตอง” เป็นหัวข้อที่นำเสนอถึงโครงการทดลองจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ เพื่อบ่งบอกถึง ความสำคัญ และคุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรมประเภทนี้


ส่วนที่ 2 ผนังด้านในประตูทางเข้าพิพิธภัณฑ์ โดยนำเสนอ ผ่านบอร์ดข้อมูลที่ว่าด้วยประวัติความเป็นมาของชุมชนวัดพวกแต้ม เพื่อให้ทราบความเป็นมาของ งานคัวตองในชุมชนวัดพวกแต้มจากอดีต จนมีพัฒนาการต่อเนื่องมาจนกระทั้งปัจจุบัน โดยมีเนื้อหา ที่บ่งบอกถึงบุคคลผู้คิดริเริ่มการผลิตงานคัวตองขึ้นมา 


ส่วนที่ 3 ผนังด้านในประตูทางเข้าพิพิธภัณฑ์ในส่วนถัดมา โดยนำเสนอผ่านบอร์ดข้อมูลที่ว่าด้วยประวัติความเป็นมาของงานคัวตอง และจัดแสดงงานคัวตอง ประเภทต่างๆ ซึ่งเป็นชิ้นงานดั้งเดิมของวัดพวกแต้ม โดยที่มีการวางตัวชิ้นงานบนหลังตู้ที่ได้รับการ ปรับปรุงแล้ว ซึ่งชิ้นงานอื่นๆ ที่ไม่สามารถจัดแสดงได้เนื่องจากพื้นที่มีจำกัดได้ถูกเก็บรักษาไว้ ภายในตู้นี้


ส่วนที่ 4 จัดแสดงภาพถ่าย และชิ้นงานคัวตองที่เป็นลวดลาย ประดับส่วนต่างๆ ของงานพุทธศิลป์ โดยได้มีการจัดแสดงลวดลายที่ทำจากงานคัวตอง ซึ่งเป็น ส่วนประกอบของฉัตร และสัปทน และงานพุทธศิลป์อื่นๆ โดยที่นำมาขึงไว้กับกรอบเฟรมผ้าใบ เพื่อให้สามารถคงรูปร่างของแผ่นทองเหลืองไว้ได้ยาวนานขึ้น อีกทั้งยังเป็นการใช้แนวคิดทางศิลปะ ร่วมสมัยเข้ามาประยุกต์ใช้กับงานคัวตอง เพื่อเพิ่มความน่าสนใจในงานคัวตอง   

ส่วนที่ 5 รูปแบบและวิธีการผลิตคัวตอง โดยนำเสนอผ่าน บอร์ดข้อมูลนิทรรศการที่มีเนื้อหาของลำดับวิธีการผลิตงานคัวตอง อีกทั้งยังจัดแสดงชิ้นงานคัวตอง ที่เป็นลวดลายประดับส่วนต่างๆ ของงานพุทธศิลป์ โดยได้มีการจัดแสดงลวดลายที่ทำจากงานคัวตอง ซึ่งเป็นส่วนประกอบของฉัตร และสัปทน และงานพุทธศิลป์อื่นๆ โดยที่นำมาขึงไว้กับกรอบ เฟรมผ้าใบ เพื่อให้สามารถคงรูปร่างของแผ่นทองเหลืองไว้ได้ยาวนานขึ้น อีกทั้งยังเป็นการใช้ แนวคิดทางศิลปะร่วมสมัยเข้ามาประยุกต์ใช้กับงานคัวตอง เพื่อเพิ่มความน่าสนใจในงานคัวตอง 

ส่วนที่ 6 คัวตองกับการนำไปใช้ โดยนำเสนอผ่านบอร์ด ข้อมูลนิทรรศการที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการนำงานคัวตองไปใช้อย่างถูกต้องเหมาะสม 

ส่วนที่ 7 เป็นส่วนสุดท้ายของการนำเสนอข้อมูลภายใน พิพิธภัณฑ์ ซึ่งส่วนนี่ได้ใช้พื้นที่เป็นส่วนการทำงานของช่างในแผนกตัด ตอก ฉลุลวดลายของงาน คัวตอง ซึ่งยังคงดำเนินการอยู่ภายในอาคารพิพิธภัณฑ์ ทั้งนี้ เพื่อสามารถถ่ายทอดวิธีการในการทำคัวตอง แก่ผู้ที่เข้ามาศึกษาและเรียนรู้ภายในพิพิธภัณฑ์ได้อย่างดียิ่งขึ้น 


นอกเหนือจากจากการจัดแสดงนิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์คัวตองวัดพวกแต้มแล้ว ยังมี พื้นที่อื่นๆ ภายในวัดที่ได้ถูกทำให้เป็นโรงเรือนในการผลิตงานคัวตอง โดยมีการแบ่งแยกแผนก พื้นที่การใช้สอยตามการทำงานนั้นๆ ซึ่งเป็นลักษณะที่โดดเด่นของการทำงานคัวตองของวัดพวกแต้ม เป็นเสมือนการเน้นย้ำให้วัดพวกแต้มเป็นแหล่งเรียนรู้ทางศิลปวัฒนธรรมได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น 

สำหรับใครที่สนใจอยากจะไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์คัวตองวัดพวกแต้มเพื่อสัมผัสกับภูมิปัญญาการทำฉัตรแบบดั้งเดิม ก็สามารถแวะเข้าไปชมได้ทุกวันที่วัดพวกแต้มกันครับ
38  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ หมู่บ้านวัฒนธรรม ในเชียงใหม่ / Re: เรียนรู้ภูมิปัญญาชาวบ้านที่พิพิธภัณฑ์คัวตอง วัดพวกแต้ม เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2015, 09:51:51 AM
ตอนที่ 2 (ลักษณะคัวตองของชุมชนพวกแต้ม)

ฉัตร หรือที่เรียกว่า คัวตอง คือเครื่องประดับคล้ายร่มในทางพระพุทธศาสนาถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น เจดีย์ หรือ พระบรมธาตุจะมีฉัตรเพื่อความสวยงาม ฉัตรจึงใช้ในฐานะเป็นสัญลักษณ์แทนของสูง ชาวล้านนานิยมทําฉัตร ประดับไว้บนหลังคาโบสถ์ วิหาร และเจดีย์ ซึ่งชุมชนพวกแต้มนี้ ถือว่ามีชื่อเสียงในการทําฉัตรกันมาอย่างยาวนาน


ฉัตรของวัดพวกแต้ม จะมี 2 แบบด้วยกันครับ คือแบบแรก เป็นแบบพื้นเมืองของล้านนา มีเอกลักษณ์อยู่ที่ลวดลายที่หยาบและใหญ่ประดับอยู่ระหว่างชั้น มีชื่อลายหลากหลาย โดยส่วนประกอบหลักๆ ของฉัตรพื้นเมือง ได้แก่ กระจัง ดอกคอ และกาบ



ส่วนแบบที่สอง เป็นแบบประยุกต์ เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะล้านนาและพม่าเงี้ยว โดยกระจังจะยื่นออกมาเหมือนมือที่ฟ้อนหงายนิ้วงอโค้งออกมา เรียกว่า “ลายฟ้อน” ส่วนปลายดูอ่อนช้อย ส่วนกาบจะยกสันขึ้น ทำให้ดูมีเหลี่ยมเงาได้สัดส่วน

ทั้งนี้ ในการทําฉัตร ถือเป็นงานที่ต้องใช้เวลาเป็นอย่างมาก เพราะแต่ละขั้นตอนของการทําฉัตรนั้นก็เป็นการทํางานที่ต้องใช้ฝีมือทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น การตอกลาย การประกอบ การบัดกรี การติดคํา ซึ่งแรงงานหรือช่างฝีมือที่ทํานั้นก็เป็นวัยรุ่น และวัยทํางาน



สำหรับสถานที่และอาคารจัดแสดง ภายในพิพิธภัณฑ์ “พวกแต้ม คัวตอง” นี้  ได้ใช้ตัวอาคารโรงครัวหลังเก่า ซึ่งเดิมเป็นอาคารที่นำไปใช้เป็นสถานที่ทำงานคัวตอง และนำมาดัดแปลงให้เป็นอาคาร จัดแสดงพิพิธภัณฑ์ ซึ่งอยู่ด้านในติดกับหอไตรของวัดพวกแต้ม และอยู่ระหว่างกุฏิพระสงฆ์



วัตถุที่จัดแสดงในโครงการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ “พวกแต้ม คัวตอง” ส่วนใหญ่จัดแสดงวัตถุประเภทงานคัวตองด้านพุทธศิลป์ อาทิ ฉัตรเก่า สัปทนเก่า และลวดลายประดับตกแต่งส่วนต่าง ซึ่งมีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยการที่ได้นำมาจัดแสดงในรูปแบบที่ร่วมสมัยมากขึ้น เพื่อเพิ่มความน่าสนใจของพิพิธภัณฑ์  โดยมีองค์ประกอบของวัตถุที่เป็นงานพุทธศิลป์อื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง กับพิธีกรรมทางศาสนา อาทิ ตุงกระด้าง อาสนะสงฆ์ พุ่มดอกไม้เงิน พุ่มดอกไม้ทอง ในขั้นตอนการ จัดแสดงนี้ ได้เกิดการมีส่วนร่วมของกลุ่มเครือข่าย และประชาชนในชุมชน ต้องมีการปรึกษากับ ผู้ชำนาญการเพื่อเข้ามาดูแลและช่วยออกแบบ  การจัดแสดงนิทรรศการในหัวข้อดังที่กล่าวมานี้ มุ่งเน้นให้เห็นการจัดแสดงที่สะท้อนคุณค่า และความสำคัญของงานคัวตองของชุมชนวัดพวกแต้ม



ส่วนแนวทางของเรื่องที่จะจัดแสดงนิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์ “พวกแต้ม คัวตอง” ประกอบด้วย การจัดแสดง  4 ส่วน ได้แก่ แนวทางการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ “พวก แต้ม คัวตอง” ประวัติงานคัวตองของชุมชนวัดพวกแต้ม ขั้นตอนตอนการผลิตงานคัวตอง และคัวตองกับการนำไปใช้ ซึ่งตอนหน้าจะพาไปสำรวจแต่ละส่วนกันครับว่ามีรายละเอียดอะไรกันบ้าง
39  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ หมู่บ้านวัฒนธรรม ในเชียงใหม่ / เรียนรู้ภูมิปัญญาชาวบ้านที่พิพิธภัณฑ์คัวตอง วัดพวกแต้ม เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2015, 09:23:52 AM
ตอนที่ 1 (ประวัติและความเป็นมา)

หลายคนอาจจะยังไม่รู้นะครับว่าเชียงใหม่ เป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อได้ว่ามีพิพิธภัณฑ์เยอะมากในระดับท้องถิ่น ซึ่งจากที่ผมเคยไปเที่ยวมานั้นมีหลายแห่งด้วยกันที่จัดทำขึ้นมาอย่างดี ดูแล้วน่าไปเที่ยว แต่ปัญหามันติดตรงที่ว่าบางแห่งคนรู้จัก แต่บางแห่งคนก็ไม่ค่อยรู้จัก ฉะนั้นหน้าที่ของผมก็คือทำให้ที่ที่คนไม่ค่อยรู้จัก จักกันเยอะมากขึ้น


พิพิธภัณฑ์คัวตองวัดพวกแต้ม น้อยคนนักที่จะรู้จัก พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในวัดพวกแต้ม ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยชื่อวัดนั้นคำว่า “พวก” หมายถึง หัวหน้าหมู่บ้าน เป็นขุนนางยศต่ำ ฉะนั้นเมื่อรวมเป็นคำว่า “พวกแต้ม” คงเป็นขุนนางที่มีหน้าที่ควบคุมทางด้านช่าง โดยเฉพาะด้านการเขียนภาพจิตรกรรม การลงรักปิดทอง  ดังเช่นวิหารหลังหนึ่งในวัดพระธาตุลำปางหลวง ที่เรียกวิหารน้ำแต้ม (นอกจากวัดพวกแต้มแล้ว ในละแวกนี่ก็ยังมีวัดพวกหงส์ วัดพวกช้าง วัดพวกเปีย)


เมื่อพูดถึงชุมชนวัดพวกแต้ม คงย้อนกลับไปเมื่อครั้งยังอดีต จากนั้นในยุค “เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง” พระเจ้ากาวิละได้กวาดต้อนผู้คนจากหลายที่มารวมกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีสล่าเครื่องโลหะมาด้วย  จึงทำให้นักวิชาการทางด้านวัฒนธรรมสันนิษฐานว่า “คัวตอง” ต้นกำเนิดแห่งช่างฝีมือด้านโลหะ น่าจะก่อกำเนิดขึ้นในช่วงนี้ ในวัดพวกแต้ม


ข้อสันนิษฐานเพิ่มบ่งบอกว่า สล่าที่ถูกกวาดต้อนมาในสมัยนั้น ได้ทำการหล่อพระพุทธรูปสำริดขึ้นเป็นจำนวนมาก ย่านถนนช่างหล่อ ใกล้ๆ กับวัดพวกแต้ม โดยมีการพบว่าฉัตรรุ่นแรกที่มีการทำขึ้นในวัดพวกแต้มนั้น ก็ทำขึ้นจากสำริดเช่นกัน จึงเป็นไปได้ว่าการหล่อแผ่นสำริด น่าจะมาจากย่านช่างหล่อ ก่อนจะส่งต่อมาให้สล่าในวัดพวกแต้มตอกขึ้นรูปเป็นฉัตรอีกทีนึงที่เหลือจากนั้น ท่านพระครูรัตนปัญญา อดีตเจ้าอาวาสวัดพวกแต้ม ในฐานะที่มีความสามารถทางศิลปะหลายด้าน ก็ได้ทำการรวบรวมสล่าฝีมือดีมาไว้ในวัดพวกแต้ม ก่อนจะร่วมมือกับครูบาศรีวิชัยในการสร้างฉัตร ซ่อมแซมฉัตรตกแต่งลวดลายตามวัดวาอารามต่างๆ จนถึงขั้นก่อตั้งสมาคมสล่าขึ้นในนาม “คัวตอง”จนชุมชนแห่งนี้กลายเป็นชุมชนช่างทำฉัตรพวกแต้ม อันเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น  ซึ่งมีผลงานฉัตรปรากฏทั่วไปหลายที่


ทั้งนี้ ในส่วนของการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ “พวกแต้ม คัวตอง” นั้นเกิดจากความร่วมมือของผู้ศึกษา คณะช่างงานคัวตอง วัดพวกแต้ม และประชาชนในชุมชนวัดพวกแต้ม  ด้วยวิธีการอย่างมีส่วนร่วมของชุมชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็น แหล่งเรียนรู้  อนุรักษ์คุณค่า และเผยแพร่ความรู้ของงานคัวตอง ให้แก่ประชาชนทั้งในชุมชนและ ภายนอกชุมชนได้ศึกษาศึกษาเรียนรู้  เข้าใจงานคัวตองอันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดมา จนถึงปัจจุบัน 


แล้วตอนที่ 2  มาทำความรู้จักกับ “คัวตอง” ของวัดพวกแต้มกันครับ
40  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / แนะนำ ร้านกาแฟ ชา เบเกอรี่ เค้ก ขนม ไอศกรีม อาหารว่าง ของทานเล่น ในเชียงใหม่ / ละเลียดความหวานที่ร้าน The Volcano เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2015, 09:30:15 AM
ร้านอาหารบ้างร้านก็ไปกินมาซะนานจนจำรสชาติไม่ได้ ซึ่งถ้าอยู่ใกล้ หรือมีโอกาสผ่านแวะไป ก็ดีหน่อยเพราะจะได้แวะไปรื้อฟื้นความหลังเรื่องรสชาติว่ามันอร่อยยังไง แต่ถ้ามันอยู่ไกล อันนี้ก็ต้องทำใจกันหน่อย ในเรื่องของการระลึกชาติว่าคราวนั้นที่เราไปกินมันอร่อยเด็ดตรงไหนบ้าง ซึ่งอาการของผมแบบนี้ ถ้าเรียกว่า “อร่อยกันจนลืม” ก็คงไม่มีผิด


ร้าน The Volcano ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นแวะไปกินกับเพื่อนครับ (นับนิ้วตอนนี้ก็น่าจะปีกว่าแล้ว ฮ่าๆๆ) เป็นร้านขนมปังเล็กๆ ที่เกิดจากไอเดียของคุณเก่งที่อยากจะสร้าง Space เล็กๆ ขึ้นมาสักที่หนึ่งเพื่อมอบ ”ความอร่อย” ให้ลูกค้าในราคานักศึกษาบวกกับความชอบทานขนมปังปิ้งและนมสดมาตั้งแต่วัยเด็กจึงเป็นจุดเริ่มต้นของร้านโดยแต่ก่อนนั้นร้าน The Volcano อยู่ที่โครงการมาลินพลาซ่า หน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งพอร้านหมดสัญญาเช่าที่กับทางโครงการ และขนาดของร้านไม่เพียงพอต่อการให้บริการแก่ลูกค้า เจ้าของร้านเลยตัดสินใจหาทำเลใหม่ ที่ใหญ่ขึ้น เพื่อที่จะได้มีพื้นที่เพียงพอที่จะต้อนรับลูกค้าได้ทุกคน และหวยก็มาตกที่หลัง มช. ในโครงการ PP Place ด้านหลัง True Coffee เส้นหลังมอ ติดร้าน 7-Eleven


สภาพภายในร้านนั้น ถือว่าใหญ่ มีด้วยกัน 2 ชั้น ชั้นบนจะได้เปรียบหน่อยตรงที่วิวดี ส่วนชั้นล่างก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะ บรรยากาศภายในร้านตกแต่งออกสไตล์โมเดิร์น


ส่วนเมนู หลักๆ จะมีขนมปัง ไอติม เครื่องดื่มและของหวานขาย ซึ่งหานสั่งขนมปังนั้นก็จะให้ลูกค้าได้เลือกเอาเองว่าอย่างจะใส่อะไรเพิ่ม ซึ่งขั้นตอนก็มีกันประมาณนี้ คือ

1. เลือกชนิดของขนมปัง ได้แก่ 1. Volcano Toast จะเป็นขนมปังปิ้งเนยสดธรรมดาๆ ,2. French Toastขนมปังชุบไข่สไตล์ฝรั่งเศส และ 3. Japanese Toast เป็นขนมปังหนา หอมนุ่มชุ่มเนย

2. เลือก Topping ราด มีให้เลือกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น น้ำตาล, นมข้นหวาน, นมข้นชมพู, นมข้นไมโล, นมข้นชาซีลอน, คาราเมล เป็นต้น

3. เลือกผลไม้ที่จะใส่ ซึ่งส่วนมากเป็นผลไม้ตามฤดูกาล เลือกใส่ได้เลยอย่างละ 6 บาท ใครอยากใส่เป็นวิปครีม, ชีส หรือไอศครีม อันนี้ก็ได้ครับ สามารถดูได้ที่เมนูประกอบ


ส่วนใครขี้เกียจ อันนี้จะสั่งเป็นเมนูแนะนำก็ได้อย่าง French Toast ที่เป็นขนมปังชุบไข่แล้วก็ราดด้วยคาราเมล โรยถั่วและกล้วยหอม ใครชอบหวาน มัน จัดกันได้เลย อีกอันเป็นอิจิโกะฮอกไกโดเซต เป็นขนมปังนุ่มเหนียวชุ่มเนยสดฉ่ำๆ ราดเมเปิ้ลไซรัป พร้อมไอศกรีมนมสดพรีเมี่ยม และไอศกรีมวานิลลา พร้อมด้วยสตรอเบอร์รี่เกรดเอจาก สหรัฐอเมริกา กันครับ
นอกจากนี้แล้วก็ยังมีเมนูแนะนำอย่าง Banana Butter Canyonขนมปังหนาหอมนุ่มชุ่มเนยสด ราดด้วยนมกล้วยข้นหวานเสิร์ฟพร้อมกล้วยหอมราดช็อกโกแลตฟองดูว์วิปครีมและสตรอเบอร์รี่ชุบช็อกโกแลตฟองดูว์และมิกซ์นัทFresh Yogurtโยเกิร์ตโฮมเมดที่ทางร้านทำเอง ผลไม้สามารถเลือกได้ 2 อย่าง และ Fresh Milk Slush นมสดผ่านเครื่องทำความเย็นจัดและกวนช้าๆจนกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งหิมะ รสชาติหอม หวาน


เอาเป็นว่าใครอยากรับประทานของหวานแนวนี้ ร้าน The Volcano จัดเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจดีที่ต้องไปลองชิมกันครับ เวลาทำการ 11.00 - 23.00 น. เบอร์โทรศัพท์ 088 261 3001 / 081 172 7173
41  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / แนะนำ ร้านกาแฟ ชา เบเกอรี่ เค้ก ขนม ไอศกรีม อาหารว่าง ของทานเล่น ในเชียงใหม่ / ละเลียดเค้กสไตล์ฝรั่งเศลที่ร้าน Mont Blanc สาขา 2 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2015, 09:41:23 AM
ร้าน Mont Blanc (มองบลังค์) สาขา 2 ที่ถนนนิมมานเหมินทร์ ซอย 7 เป็นอีกหนึ่งร้านที่แวะไปใช้บริการมานานแล้วครับ (หมายถึง ไปกินมานานหลายเดือนแล้ว ไม่ใช่ไปกินมาแล้วหลายครั้งนะ) ซึ่งประทับใจในรสชาติของเค้ก และเครื่องดื่ม จนอยากจะมาเล่าต่อ พูดง่ายๆ ก็คือชวนไปชิมนั้นแหละ


เอาจริงๆ ถึงตอนนี้ก่อนเขียนก็ยังไม่แน่ใจนะว่าเป็นร้านเค้ก หรือร้านกาแฟกันแน่ แต่เอาเป็นว่าขอเรียกรวมๆ ก็แล้วกัน อันเป็นทางออกที่ดีสำหรับผม ฮ่าๆๆ

ร้านนี้ที่ไปชิมเนี่ย ไม่ได้มีใครแนะนำมา หรือเปิดหาอ่านเจอในเน็ตกันนะครับ เรียกได้ว่าไปกันเอง ลองกันเอง เพราะเห็นบรรยากาศของร้านทั้งภายในและภายนอกน่านั่ง ก็เลยเอาว่ะ ลองแวะไปหากาแฟกินซักแก้ว แก้ง่วง ก่อนจะไปตะลอนต่อกันที่อื่น


ที่ตั้งร้านหากันได้ง่ายมาก อยู่ปากทางเข้าถนนนิมมานเหมินทร์ ซอย 7 มีต้นชมพูพันธุ์ทิพย์อยู่ข้างๆ ร้าน ร้านมีด้วยกันสองชั้น ถูกแบ่งที่นั่งออกเป็น 3 ส่วน คือด้านนอกชั้นล่าง อันนี้นั่งกินลมชมวิวได้ ด้านในชั้นล่าง ใครอยากตากแอร์มาตรงนี้ สวนใครอยากมีความเป็นส่วนตัวหน่อย ก็ชั้นบนครับ บรรยากาศภายในถูกตกแต่งในแบบสไตล์โมเดิร์น เน้นสีสันสดใสกันซักหน่อย


ร้าน Mont Blanc หลักๆ จะมีเค้กสไตล์ฝรั่งเศสให้เลือกชิมกันครับ ซึ่งก็มีกันเยอะแยะหลากหลายมากจนเลือกไม่ถูก อย่างผมก็ลองจิ้มเลือก Blueberyrychesse pie กับ Raspberry cheese mousse มาลองดู ถือว่าอร่อยถูกปาก แป้งเค้กนุ่มเนียนถูกใจเลยทีเดียว


ต่อมาอีกอัน เป็นความชอบส่วนตัวครับ ช็อคโกบานาน่าเดนิชบ็อกซ์ที่มีไอศกรีมช็อคโกแลตหวานมัน โป๊ะมาบนขนมปังกรอบ มีกล้วยหอมหั่นเป็นชิ้นบางๆ วางเรียงรายโดยรอบๆ กับมาชเมลโล่ ราดด้วยซอสช็อคโกแลต ให้รสชาติรวมๆ แบบหวาน แต่ไม่เลี่ยน สำหรับเครื่องดื่มพวกกาแฟ จากที่สั่งมาดื่มก็ตามมาตรฐานครับ ไว้ใจได้ อย่างคาปูชิโน่ร้อน มอคค่าร้อน ซึ่งรู้สึกว่าบางวันทางร้านจะมีโปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1 แก้วด้วย (ลองเช็คกับทางร้านอีกทีนะ)


ราคาอาหาร เครื่องดื่ม ถือว่าไม่แพง ตามมาตรฐานทั่วไป บรรยากาศภายในร้านตกแต่งได้สวย จุดเด่นอยู่ตรงที่มีเค้กให้เลือกชิมกันเยอะ พนักงานบริการได้ถูกใจ (น่ารักด้วย ฮ่าๆๆ) ซึ่งถือว่าร้านนี้เป็นที่หลบมุมหากาแฟดื่ม ชิมเค้กรสชาติดีๆ ในโซนนิมมานที่น่าสนใจเลยล่ะ เวลาเปิดร้าน 08:30 - 22:00ทุกวัน เบอร์โทรติดต่อก็ตามนี้กันครับ 053-210 776 ใครไปชิมแล้วแวะมาคอมเม้นบอกกันได้

ปล.ระวังเรื่องจอดรถบนถนนนิมมานด้วย เพราะจะมีบางช่วงเวลาที่ห้ามจอดตรงหน้าร้านกันครับ ประเดี๋ยวจะโดนตำรวจล็อคล้อรถเอาโดยไม่รู้ตัว
42  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / เชียงใหม่ ท่องเที่ยว - ข่าวสารเกี่ยวกับเชียงใหม่และจังหวัดภาคเหนือ / พาไปชมนิทรรศการเชิดชูเกียรติ ศ.พงศ์เดช ไชยคุตร เมื่อ: ตุลาคม 30, 2015, 09:21:40 AM
ถือเป็นการเสพงานนิทรรศการศิลปะที่เต็มอิ่มกันเลยทีเดียว เพราะมาวันเดียวผมเดินดูนิทรรศการในหอศิลป์ มช ด้วยกันถึง 3 งานและ 1 ใน 3 งานนั้น ก็มีหนึ่งงานที่น่าสนใจแบบกวักมือให้เรียกเข้าไปดูให้ไว โดยนิทรรศการดังกล่าวมีชื่อว่า “นิทรรศการเชิดชูเกียรติ ศ.พงศ์เดช ไชยคุตร” เนื่องในโอกาสเกษียณอายุราชการ




เท่าที่ทราบมา ศ.พงศ์เดช ไชยคุตร ท่านเป็นอาจารย์ประจำคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่กันครับ และก็อย่างที่เกริ่นไปซึ่งทราบไปแล้ว เนื่องในโอกาสเกษียณอายุราชการ เลยมีงานนิทรรศการเชิดชูเกียรติเกิดขึ้นที่ หอศิลป์ มช. ซึ่งจะมีตั้งแต่วันที่ 11 – 27 กันยายน 2558 ซึ่งถ้านับนิ้วกันตอนนี้ ก็ยังมีเวลาเหลืออีกเยอะที่จะแวะไปดูกัน



มาว่ากันที่ส่วนของผลงงานที่จัดแสดงบ้าง ผลงานส่วนใหญ่เท่าที่เห็นจะเป็นภาพพิมพ์จารเข็ม (Dry Point)กัน ซึ่งเป็นเทคนิคที่คล้ายคลึงกับเทคนิค Hardgroundจะต่างกันตรงที่กระบวนการสร้างเส้น และรูปทรงต่างๆ ซึ่งแทนที่จะวาดลงบนพื้นผิวแม่พิมพ์ที่เคลือบขี้ผึ้งแล้วจึงค่อยนำไปกัดกรด แต่จะใช้เหล็กแหลมขูดขีดลงบนผิวหน้าของแม่พิมพ์โดยตรง ซึ่งเป็นกระบวนการทำภาพพิมพ์ที่ใช้แม่พิมพ์ที่มีความนูนและร่องลึกเช่นเดียวกัน ส่วนที่สร้างให้เกิดเป็นรูป คือส่วนที่เป็นร่องลึกของแม่พิมพ์ กระบวนการสร้างเส้น และรูปทรงต่างๆ ร่องรอยถูกสร้างขึ้นบนแม่พิมพ์โดยการขูดขีดด้วยเครื่องมือแหลมคม ทั้งเส้นที่ขูดขีดเป็นร่องลึกและขอบเส้นที่ยื่นนี้จะอุ้มหมึกไว้ เมื่อเช็ดแม่พิมพ์และพิมพ์ เส้นที่ได้จะมีความอ่อนนุ่มดูคล้ายกำมะหยี่  คล้ายกับการเขียนด้วยปากกา โดยต้องออกแรงกดในการขีดเขียนมากกว่าการเขียนแบบธรรมดา เพื่อให้ได้เส้นที่ลึกตามความต้องการ การพิมพ์ต้องอาศัยแท่นพิมพ์ที่มีแรงกดสูงเพื่อเอากระดาษให้ไปดูดซับหมึกขึ้นมาได้



ผลงานที่ผมดูแล้วชื่นชอบก็จะมีภาพอาหารค่ำมื้อสุดท้าย แบบฉบับล้อเลียน โดยในภาพคนที่มาร่วมโต๊ะรับประทานอาหารก็จะเป็นบุคคลสำคัญของโลกต่างๆ ที่เราๆ ท่านๆ คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี (หรืออาจจะมีบางคนที่เราก็ไม่รู้จักด้วย ฮ่าๆๆ) ทั้งนี้ตามความเชื่อของคริสต์ศาสนิกชนคืออาหารมื้อสุดท้ายที่พระเยซูเสวยร่วมกับสาวกของพระองค์ ก่อนจะมีการตรึงพระเยซูที่กางเขน และ“อาหารค่ำมื้อสุดท้าย” ก็เป็นหัวเรื่องที่นิยมกันในการสร้างงานจิตรกรรม ภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดคือภาพที่เขียนโดยเลโอนาร์โด ดา วินชี




นอกจากนี้ก็ยังมีภาพวาดล้อเลียนอีกเยอะแยะอย่างภาพวาดโมนาลิซ่าอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นต้น รวมทั้งยังมีงานศิลปะในแบบนามธรรมให้เอาไปตีความกันอีกอย่างนับไม่ถ้วนเลยครับ เอาเป็นว่าใครอยากเสพงานศิลปะดีๆ แบบนี้ แวะกันมาที่ หอศิลป์ มช. กันได้เลย
43  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ สถานที่ท่องเที่ยว ในตัวเมืองเชียงใหม่ / Re: เรื่องเล่าเลียบริมปิง - เที่ยวเชียงใหม่ เมื่อ: ตุลาคม 29, 2015, 09:38:42 AM
ตอนที่ 2

ตรงข้ามฝั่งกับท่าเรือหางแมงป่อง จะสังเกตเห็นได้ว่าเป็นกาดเมืองใหม่กันนะครับ ซึ่งในช่วงเย็นแบบนี้ ในตลาดก็จะคึกคักไปด้วยผู้คนมาจับจ่ายใช้สอยซื้อของ พวกผัก ผลไม้สด หมูเห็ด เป็ด ไก่ พอตกดึกๆ หน่อยก็จะเป็นพ่อค้าแม่ค้านำผัก ผลไม้มาจากต่างอำเภอขายตามริมถนนยาวไปจนถึงเช้า เรียกได้ว่าตลาดแห่งนี้ไม่เคยหลับใหล แต่ถ้าจะหลับใหล คงเป็นแค่ในช่วงกลางวัน


จากท่าเรือหางแมงป่อง ผมลองเดินสำรวจเลียบเลาะไปตามริมปิงไปทางทิศใต้ที่มุ่งหน้าไปยังสะพานนครพิงค์ ทีแรกกะจะเดินไปล่ะครับ แต่พอเห็นว่ามันมีช่องทางให้สามารถขับมอเตอร์ไซค์เลียบไปได้ ก็เอาว่ะ ลองขับไปดูล่ะกันซึ่งสุดทางตรงไหนค่อยจอดมันตรงนั้น แล้วเดินต่อเอา


ขับไปก่อนจะลอดสะพาน ฝั่งซ้ายมือจะเป็นริมปิงคอนโดมิเนียมครับ เป็นคอนโดที่เรียกได้ว่าทำเลที่ตั้งมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ไหนจะวิวตรงแม่น้ำปิง และดอยสุเทพ ซึ่งซักวันผมจะหาโอกาสขึ้นไปถ่ายภาพตรงดาดฟ้า เพื่อเก็บภาพวิวเมืองเชียงใหม่


จากริมปิงคอนโดมิเนียม มาสะพานนครพิงค์เป็นสะพานที่ข้ามแม่น้ำปิงช่วงถนนท้ายวังของฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นตัวเมืองเชียงใหม่ไปยังถนนแก้วนวรัฐ ที่ผ่านโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย และโรงเรียนดาราวิทยาลัย ไปอำเภอดอยสะเก็ด  สะพานแห่งนี้มีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งตรงที่จะมีการแบ่งทางเดินเท้า กับทางจักรยานอย่างชัดเจน ซึ่งทางจักรยานส่วนใหญ่จะเห็นมอเตอร์ไซค์วิ่งเข้ามาใช้ช่องนี้เวลาข้ามสะพานกัน


ออกจากสะพานนครพิงค์ขับรถมาได้อีกซักหน่อยเลาะมาตามฝั่ง โซนนั้นจะเป็นร้านอาหารกันครับที่เน้นบรรยากาศของริมปิง และหาเดินไปอีกเรื่อยๆ ไม่ไกลนักก็จะถึงสะพานจันทร์สม (ที่กำลังสร้างขึ้นใหม่จากอันเดิม) ซึ่งเป็นสะพานคนเดินข้ามแม่น้ำปิงเพื่อให้ชาวบ้านสัญจรระหว่างชุมชนวัดเกต กับชุมชนบริเวณตลาดวโรรสในปัจจุบัน สะพานแห่งนี้มีความสำคัญในการเป็นทางเชื่อมระหว่างชุมชนแหล่งเศรษฐกิจสำคัญของเมืองเชียงใหม่ ฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิงมาตั้งแต่อดีตครับ รวมถึงเป็นสะพานที่เป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ระหว่างพ่อค้าชาวปากีสถาน และชาวไทยซึ่งหลังๆ มาในช่วงเย็นๆ ผมชอบมานั่งเล่นตรงสะพานมองดูวิวริมแม่น้ำปิง


ก่อนจากขอเล่าฝากส่งท้าย (หลังจากพามาสิ้นสุดตรงนี้) หากมาในช่วงเย็นแบบนี้จะสังเกตเห็นนะครับว่าจะมีคนพายเรือคายัคในแม่น้ำทั้งในร่างของนักกีฬา และนักท่องเที่ยว? (อันนี้ไม่แน่ใจ) ถ้าจำไม่ผิดผมเคยไปสอบถามว่าที่วัดฟ้าฮ่ามมันมีบริการให้เช่าเรือคายัคพายเล่นในแม่น้ำปิงด้วย กับท่าเรือกาวิละ น่าจะคนละ 50 บาท ซึ่งไว้วันไหนว่างๆ จะหาโอกาสไปสืบเสาะหาข้อมูลมาเล่า และถ้ามันมีจริงๆ ผมก็จะขออาสาพาไปพายเรือเล่นในแม่น้ำดูซักหน เพื่อสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ในการท่องเที่ยว

ส่วนตอนนี้ขอลาไปก่อน ไว้คราวหน้าค่อยว่ากันอีกทีครับ
44  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ สถานที่ท่องเที่ยว ในตัวเมืองเชียงใหม่ / เรื่องเล่าเลียบริมปิง - เที่ยวเชียงใหม่ เมื่อ: ตุลาคม 28, 2015, 09:41:06 AM
ตอนที่1
มีใครคนนึงบอกผมว่า เวลาอยู่ใกล้น้ำแล้วรู้สึกสบายใจ (น้ำในที่นี้คือแม่น้ำ ลำธาร)


มันอาจจะจริงอย่างที่เธอบอก ถ้าน้ำเปรียบเสมือนความเย็นทั้งภายนอกและภายใน เวลาเราอยู่ใกล้ๆ ก็คงจะรู้สึกเย็นไปด้วย


ช่วงหลายสัปดาห์ผ่านมานี่ ผมมีกิจกรรมใหม่ในชีวิตในช่วงเย็นกันครับ กิจกรรมที่ว่าก็คือ การดูพระอาทิตย์ตกดินในตอนเย็นที่ไหนซักแห่งก็ได้ ในตัวเมืองเชียงใหม่ แต่ขอให้สงบๆ และหลีกหนีไกลจากผู้คน

กิจกรรมดังกล่าวนี้เท่าที่มองดู มันควรจะเป็นกิจกรรมของคนประเภทไม้ใกล้ฝั่ง หรือไม่ก็คนไม่มีอะไรทำ ถึงได้มีเวลามาทำอะไรแบบนี้ และเอาเข้าจริงๆ ผมก็ไม่ใช่กันทั้งสองประเภท เพราอายุยังไม่แก่ แต่ถ้าถามว่าว่างมั้ย อันนี้ก็ไม่เชิงว่าว่างนัก


กลับไปที่เรื่องแม่น้ำ และลำธารที่ได้เกริ่นไว้แต่ต้น ที่ได้เล่าไปนั้น ก็อยากจะให้มันดูเข้าเรื่องเข้าราวที่จะเขียนแบบเกี่ยวเนื่องกันซักหน่อย และที่จะเล่าต่อไปนี้ จะขอเล่ากันแบบเรื่อยเปื่อยเท่าที่นึกออกไปตามลำดับเหตุการณ์ก็แล้วกัน


เรื่องมีอยู่ว่า นานมาหลายสัปดาห์แล้วล่ะ ไปเสาะแสวงหาที่เดินเล่นและถ่ายรูปแถวริมแม่น้ำปิงกัน ในเขตตัวเมือง ตอนนั้นเป้าหมายที่นึกออกคือ แถวๆ ท่าเรือหางแมงป่องหน้าวัดศรีโขง

ออกจากบ้านช่วงซักหาโมงเย็นแดดอ่อนๆ พอดี ขับรถไปจอดตรงท่าเรือหางแมงป่องหน้าวัดศรีโขง ซึ่งครั้งสุดที่พบมาที่นี้เกือบจะสองปีแล้ว ตอนนั้นจำได้ว่ามานั่งเรือท่องแม่น้ำปิงกับชาวบ้าน ส่วนวันนี้มาเดินเล่น ไม่มีอะไรมาก


ท่าเรือหางแมงป่องตรงนี้เป็นที่ให้บริหารล่องเรือหางแม่ป่องท่องแม่น้ำปิงกันครับ โดยในอดีตเรือหางแมงป่อง ใช้เป็นเรือพระที่นั่งของเจ้านายฝ่ายเหนือ ภายหลังเปลื่ยนการปกครอง เรือหางแมงป่องใช้เป็นเรือขนส่งสินค้าล่องแม่ปิง เชื่อมเส้นทางระหว่างภาคเหนือกับกรุงเทพมหานครเป็นเวลายาวนาน และสิ้นสุดลงเมื่อมีรถไฟเชื่อมมาถึงเชียงใหม่ ส่วนปัจจุบันเรือหางแมงป่อง ถูกนำมาใช้พานักท่องเที่ยวล่องแม่น้ำปิงราคาถ้าจำไม่ผิดน่าจะคนละ 500 บาทครับ รอบล่องเรือ เริ่มตั้งแต่ 9.00 น., 11.00 น.,13.00 น., 15.00 น. และ 16.30 น. เริ่มต้นลงเรือที่ท่าเรือหางแมงป่อง หน้าวัดศรีโขง ล่องลงใต้ผ่านคุ้มเจดีย์กิ่วเคยเป็นคุ้มพระชายาดารารัศมี, คุ้มเจ้าแก้วนวรัฐ, ตลาดต้นลำใย, วัดเกตการาม, ท่าวัดเกตชุมชนชาวเรือหางแมงป่องในอดีต, ท่าช้าง บริษัทต่างชาติที่ได้สัมปทานป่าไม้, ไปรษณีย์แห่งแรกของเชียงใหม่, สะพานนวรัฐ, โบสถ์คริต์แห่งแรกของเชียงใหม่, ภัตตาคารจีนแห่งแรกของเชียงใหม่, สะพานเหล็ก, กรมป่าไม้แห่งแรกของเชียงใหม่แล้ววกกลับล่องขึ้นเหนือตามเส้นทางเดิม และแวะจอดพักรับประทานของว่างข้าวเหนียวมะม่วงและน้ำผลไม้ ณ สวนส่วนตัวของทางผู้ให้บริการ ตอนล่องเรือจบ ใช้เวลาล่องแต่ละรอบประมาณชั่วโมงครึ่ง ข้อมูลเพิ่มเติม ลองถามเขาดูได้ครับ

แล้วมาต่อกันอีกตอนให้จบครับ
45  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ร้านข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง ข้าวหน้าเป็ด ข้าวขาหมูเชียงใหม่ / ชวนชิมข้าวมันไก่รสเด็ดที่ ข้าวมันไก่นันทาราม สันกำแพง เมื่อ: ตุลาคม 27, 2015, 10:34:32 AM
หากเอ่ยถึงข้าวมันไก่นันทาราม ก็พอจะทราบกันดีว่าสาขาต้นตำรับนั้น(ในซอยนันทาราม)เป็นที่ขึ้นชื่อกันครับ ซึ่งเปิดขายกันแค่วันละ 4 ชั่วโมง ของหมดก็เป็นอันว่าเลิก หรือบางทีใครไปช้าหลังบ่ายโมงไป เตรียมตัวลุ้นกันได้เลยว่าจะได้กินรึเปล่า เพราะของจะหมดกันซะก่อน


นั่นเป็นเรื่องของสาขานันทารามตันฉบับกัน


สำหรับข้าวมันไก่นันทารามอีกที่ ที่ผมกำลังจะเขียนถึงนี้ ไม่ได้อยู่ในซอยนันทาราม แต่อยู่ไกลจากตัวเมืองออกไป อยู่ใน อ.สันกำแพง กันครับ ชื่อที่คุ้นหูและเรียกง่าย ก็จะเรียกว่า ข้าวมันไก่นันทาราม 2 หรือข้าวมันไก่นันทาราม สันกำแพง ตั้งอยู่บนถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1006 ใกล้ป้อมยามสันกลาง ก่อนถึงแยกหลุยส์ฝั่งซ้ายมือ สังเกตเห็นป้ายได้ไม่ยากเวลาเปิดร้านเริ่ม 08:00 - 16:00 น. ที่จอดรถสามารถหาจอดได้ตามข้างทางครับ


ลักษณะร้านเป็นตึกแถวสองคูหา มีโต๊ะ เก้าอี้ให้นั่งกันด้านในร้านที่ บรรยากาศร้านเป็นแบบสบายๆ ไม่เรื่องมาก เมนูอาหารมีข้าวมันไก่ต้ม ข้าวมันไก่ทอด ข้าวมันไก่ต้มผสมข้าวมันไก่ทอด ข้าวมันไก่ผสมเครื่องใน ราคาธรรมดา 30 บาท พิเศษ 35 บาท ถ้าสั่งเป็นไก่สับแยกจานเล็ก 50 บาท จานกลาง 60 บาท และจานใหญ่ 75 บาท ข้าวเปล่าถ้วยละ 7 บาท มีเครื่องในราดข้าวจานละ 35 บาท เครื่องดื่มก็แก้วละ 10 บาท กันครับ


เมนูแนะนำ ก็ต้องเป็นข้าวมันไก่ต้ม ที่ไก่เนื้อนุ่มแน่น สับมาชิ้นพอดีคำ ข้าวมันหุงมาดี เรียงเม็ด นุ่ม อร่อยมีหั่นแตงกวาบางๆ มาโป๊ะใส่จาน น้ำจิ้มรสจัด มีเผ็ด หวาน นำมา ส่วนน้ำซุปนั้นก็ซดได้กลมกล่อมคล่องคอเลยทีเดียวล่ะ


และเมื่อถามถึงจุดเด่นนั้น ผมให้ไปที่ตัวน้ำจิ้มครับก่อนใครเพื่อน เผ็ดนำกำลังดี ใครชอบเผ็ดมากเติมพริกใส่เพิ่มได้ รองลงมาคือข้าวมันที่หุงได้เยี่ยม อันนี้ถือเป็นจุดชี้ตายที่หลายร้านข้าวมันไก่พากันล่ะเลย เพราะข้าวมันไก่ที่ดีและอร่อยนั้น ต้องหุงข้าวมันให้ดีกันด้วยครับ ส่วนไก่นั้นก็เนื้อแน่นดี


สรุปกันแบบส่งท้าย รสชาติข้าวมันไก่นันทาราม สันกำแพง ผมให้ผ่าน และควรค่าแก่การแวะไปชิม น้ำจิ้มเด็ด ไก่แน่น ข้าวหุงดี ซึ่งหากใครมีโอกาสผ่านไปทางสันกำแพง จะไปธุระ หรือไปเที่ยวแถวนั้น ลองแวะมาชิมทดสอบรสชาติกันได้ครับ รับรองว่าติดใจ และไม่มีผิดหวังแน่นอน โดยเฉพาะคนที่ชอบการกินข้าวมันไก่เป็นชีวิตจิตใจ แบบกินเท่าไหร่ก็ไม่มีเบื่อ
46  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ร้านก๋วยเตี๋ยวเชียงใหม่ / ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น เฮือนเจ้าบัวทิพย์ ความอร่อยของก๋วยเตี๋ยวฉบับหมูตุ๋น เมื่อ: ตุลาคม 26, 2015, 09:36:36 AM
ในระหว่างช่วงเย็นที่กำลังขับรถตระเวนหาอะไรกินแถวประตูเชียงใหม่ ก็พบว่ามีร้านอาหารแถวนั้นเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ด้วยกันที่ผมไล่กวาดกินกันมาแทบจะหมดทุกร้านแล้ว


อันนี้ไม่ได้ตั้งใจจะเก็บเป็นสถิตินะครับ เพียงแต่ว่ามันเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ ประเภทเปลี่ยนร้านไปเองเรื่อยๆ อยากลองอะไรใหม่ๆ ถ้าวันไหนเจอร้านโดนใจแล้วค่อยมากินซ้ำกันทีหลังเอา ส่วนจะถึงขั้นฝากเนื้อฝากตัวเป็นแฟนพันธุ์แท้หรือไม่ มาตรฐานเรื่องรสชาติกับเวลาจะเป็นตัวตัดสินใจเอง


ล่าสุดเพิ่งไปชิมร้านก๋วยเตี๋ยวที่เพิ่งเปิดมาใหม่ ชื่อร้านก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น เฮือนเจ้าบัวทิพย์ อยู่ตรงข้ามกับวัดฟ่อนสร้อย บนถนนพระปกเกล้า ร้านนี้ภายนอกโดดเด่นกันเลยทีเดียวด้วยลักษณะของเรือนในแบบสมัยโบราณ ที่ถูกเอามาสร้างเป็นร้านอาหารอย่างลงตัว สำหรับผมถือเป็นสถาปัตกรรมที่ควรค่าต่อการจดจำ ซึ่งในอนาคตคาดว่าพอเก่าไป มันจะมีเสน่ห์ในตัวมากยิ่งขึ้น



กลับไปที่เรื่องของร้านก๋วยเตี๋ยว

ภายในร้านชั้นล่างจะมีโต๊ะให้นั่งกันพอประมาณครับ ไม่มาก ไม่น้อยเกินไป เมนูอาหารให้สั่งก็มีก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น ข้าวไข่เจียว ข้าวต้มซี่โครงหมู ผัดไทยกุ้งสด ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ขนมปังหน้าหมู เป็นต้น เครื่องดื่มก็จะมีพวก ชา กาแฟ น้ำผลไม้ และน้ำสมุนไพรกันครับ


มากันที่เมนูแนะนำเป็นก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น รสชาติจัดว่าเด็ดพอตัวเลยครับ น้ำซุปหอมกลมกล่อม หอมได้เครื่องตุ๋นยาจีนมาก หมูตุ๋นคีบใส่ปากแทบละลายกันเลย ลูกชิ้นหมูนี่ก็อร่อยเต็มๆ คำแบบเน้น เส้นก๋วยเตี๋ยวเหนียวนุ่ม สรุปผ่าน ต้องลองสั่งมากินกันสถานเดียว มาแล้วไม่สั่งถือว่าพลาดยิ่งกว่าซื้อหวยแล้วไม่ถูก


อีกอันเป็นก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ที่ผัดใส่เนื้อไก่ ปลาหมึกกรอบ กับเส้นด้วยไฟปานกลางจนหอมปรุงรสด้วยน้ำปลา ซอสปรุงรส น้ำมันหอย และน้ำตาลทราย ผัดให้เข้ากัน แล้วตอกไข่ลงไปเขี่ยไข่ไก่ให้พอแตกๆ ผัดให้สุกทั่ว เสิร์ฟมาในจานที่รองผักสลัดโรยหน้าด้วยต้นหอมและพริกไทยเล็กน้อย พร้อมซอสพริกพร้อมซอสพริกเอาไว้ราด จานนี้ผมให้ผ่านแบบหวุดหวิดครับ

สรุปโดยรวมแล้ว ร้านนี้มีทีเด็ดที่ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นน้ำซุปกลมกล่อม หมูตุ๋นละลายในปาก และลูกชิ้นหมูรสเด็ด ราคาปริมาณจัดว่าเหมาะสม ใครจะมากินแนะนำว่าให้มาในช่วงเช้าถึงบ่ายนิด เพราะหลังจากนั้นไปเย็นๆ ก๋วยเตี๋ยวจะไม่มีขายแล้ว แต่จะเป็นเมนูอาหารอื่นๆ แทน ส่วนที่จอดรถก็จอดข้างถนน แต่ต้องดูวันด้วยครับว่าวันไหนห้ามจอดวันคี่ หรือวันคู่ คนใช้ถนนด้วยกันก็จะได้สะดวกในเรื่องของการจราจร
47  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ ตลาดเชียงใหม่ กาดเจียงใหม่ กาดหมั้ว / พาเที่ยวตลาดนัดวันศุกร์ ที่ว่าการ อ.จอมทอง - เที่ยวเชียงใหม่ เมื่อ: ตุลาคม 24, 2015, 09:27:08 AM
จากการที่มีโอกาสได้ไปเที่ยวในหลายๆ อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ ทำให้เห็นถึงสภาพแต่ละอำเภอว่ามีความเจริญรุดหน้ากันขนาดไหน ซึ่งถ้าจะให้เห็นภาพชัดเจนในด้านของความเจริญนั้น ผมยกให้ อ.จอมทอง เลยครับ


อ. จอมทองเป็นอำเภอขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดเชียงใหม่ มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 112 ปี มีศักยภาพในการพัฒนาสูง มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์สวยงาม มีประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงาม เรียกได้ว่ามีความพร้อมกันทุกๆ ด้าน ในการพัฒนา จึงไม่ต้องแปลกใจที่ อ.จอมทองเป็นอำเภอที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ซึ่งในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนเกือบ 2 ล้านคน ถือได้ว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญเมืองหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงคือ ดอยอินทนนท์นั่นเอง


เมื่อความเจริญรุดหน้า หลายๆ อย่างก็เริ่มขยายตัวตามทั้งทางการศึกษา การก่อสร้างห้างค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า ธุรกิจด้านสินเชื่อ ธุรกิจสิ่งพิมพ์ ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ต หอพักและบ้านจัดสรรขึ้นอย่างรวดเร็วจนปัจจุบันแทบจะเป็นศูนย์กลางความเจริญทางตอนใต้ของจังหวัดเชียงใหม่แล้ว


ที่เอ่ยกันมายาวเป็นหางว่าวขนาดนี้เพราะไปเดินตลาดนัดวันศุกร์ ที่ว่าการ อ.จอมทอง มาครับ เลยสังเกตเห็นว่า ผู้คนที่นี้จับจ่ายใช้สอยกันอย่างคึกคัก มีพ่อค้าแม่ค้ามาวางแผงขายสินค้าต่างๆ กันมากมาย


จากที่เดินดูกันก็มีทั้งอาหารการกิน อย่างพวกอาหารพื้นเมือง อาหารไทย อาหารแห้ง ของกินจุบจิบ พืชผักสวนครัว ของป่าและผลไม้ตามฤดูกาล สำหรับพืชผักนั้น ก็จะเป็นของชาวบ้านที่ปลูกกันเอง เอามาขายกันเองในราคาย่อมเยา สบายกระเป๋า สามารถซื้อไปประกอบอาหารกินได้อย่างสบาย


พูดถึงเรื่องผักสวนครัวแล้วต้องบอกว่า เป็นความสุขของคนที่ปลูกผักขายนะครับเวลามีผลผลิตเยอะๆ พร้อมจะนำมาจำหน่าย เวลาอยู่บ้านอยากจะกินผักอะไรก็มีให้เลือกกันเยอะแยะ ไม่ต้องไปซื้อจากคนอื่นมากิน อย่างที่บ้านผม ถ้าพูดถึงผัก ไม่มีวันกับคำว่าอดกิน


นอกจากอาหารการกิน พืชผักผลไม้แล้ว ในตลาดนัดวันศุกร์ ที่ว่าการ อ.จอมทอง ยังมีสินค้าอุปโภคเยอะแยะมากมายมาจำหน่ายกันครับ รวมทั้งเสื้อผ้าแฟชั่น ทั้งของเด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่


บรรยากาศโดยรวมแล้วต้องบอกว่าเป็นตลาดนัดที่คึกคักเอาการสำหรับ อ.จอมทอง ซึ่งหากใครมีโอกาสแวะมาเที่ยวที่อำเภอแห่งนี้ ทุกเย็นวันศุกร์ ก็จะมีตลาดนัดวันศุกร์ ที่ว่าการ อ.จอมทอง ให้ลองมาเดินเล่นๆ สัมผัสตลาดนัดแบบชาวบ้าน กันครับกระผม
ปล. ตลาดนัดที่นี้ของกินเยอะมาก เดินเลือกซื้อกันไม่หวาดไม่ไหวเลย เดินเพลินๆ ไม่ถึง 15 นาที ของกินเต็มไม้เต็มมือผมแล้ว ฮ่าๆๆ
48  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ร้านก๋วยเตี๋ยวเชียงใหม่ / ตามไปชิมราดหน้าที่ ร้านกวง ราดหน้ายอดผัก - ร้านอาหารเชียงใหม่ เมื่อ: ตุลาคม 23, 2015, 09:24:13 AM
ปกติโดยส่วนใหญ่แล้ว ร้านอาหารที่ทำอาหารหลายอย่าง แบบไม่ได้มีเฉพาะทาง เช่น ทำอาหารตามสั่งขาย แล้วมีทำก๋วยเตี๋ยวพ่วง หรือทำลาบ ก้อย แล้วมีส้มตำเป็นเมนูเสริม มักจะทำอาหารไม่ได้อร่อยไปหมดซะทุกอย่าง ซึ่งมักจะมาในรูปแบบประเภททำได้ แต่ทำได้ไม่ดี หรือทำได้ดีบางอย่าง แต่บางอย่างก็ทำได้แย่และด้วยเหตุผลนี้ เวลาที่ผมจะไปรับประทานอาหารร้านไหนนั้นมักจะเลือกร้านเฉพาะทางกันไปเลย อย่างถ้าอยากกินข้าวมันไก่ ก็ต้องไปกินร้านที่ขายข้าวมันไก่กันโดยเฉพาะ จะไม่มีทางไปกินร้านอาหารตามสั่ง ที่ทำข้าวมันไก่ขายเสริมเป็นอันขาด เพราะเรารู้อยู่แล้วว่า มันไม่ใช่ทาง หรือแนวของร้านกันครับ


แต่โลกนี้ทุกอย่างก็มีข้อยกเว้น ไม่ใช่ทั้งหมดซะทีเดียวที่จะเป็นแบบที่ผมพูด บางร้านที่เจอมาก็ถือว่าทำได้ดีมาก คือทำอะไรขายก็อร่อยหมด ทั้งเมนูหลักและเมนูรอง หยิบจับอะไรปรุงก็ถูกใจคนกิน อย่าง ร้านกวง ราดหน้ายอดผัก ถือว่าเข้าข่ายที่ผมเล่ามาเลยครับ


ร้านกวง ราดหน้ายอดผักตั้งอยู่ที่ถนนสุเทพ อยู่ตรงข้ามคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยชียงใหม่ครับ เป็นร้านราดหน้าที่ไม่ได้มีดีที่ราดหน้า แต่ทว่าทำอย่างอื่นขายก็อร่อยไปหมดแทบจะทุกอัน เรียกได้ว่ามีมาตรฐานที่ดีเลยทีเดียว


ลักษณะของร้าน เป็นร้านอาหารที่ใหญ่พอสมควร มีโต๊ะเก้าอี้ให้เลือกนั่งกันเยอะแยะด้านใน พนักงานคอยบริการก็เยอะเต็มอัตราศึก ส่วนที่จอดรถก็ถือว่าค่อนข้างสะดวก ยกเว้นเสียแต่ว่าถ้าเป็นรถยนต์อาจจะต้องเลียบๆ เคียงๆ หาที่ว่างแถวนั้นกันหน่อย


เมนูแนะนำของทางร้าน แน่นอนว่าต้องเป็นราดหน้าครับ มีทั้งแบบธรรมดา หมี่กรอบ และซุปเปอร์ ซึ่งไอ้ซุปเปอร์เนี่ย ค่อนข้างที่จะเฟี้ยวหน่อยตรงที่เครื่องเครามันเยอะ เพราะรวมทุกอย่างเอามาใส่หมดเลย ทั้งหมู ไส้กรอก แฮม ทะเล เกี๊ยวกรอบ ปลาหมึกหลอด แล้วยังโป๊ะไข่ดาวมาอีกหนึ่งฟอง แต่ก็ใช่ว่าแบบธรรมดา และหมี่กรอบจะน้อยหน้านะ อันนั้นก็จัดเต็มเหมือนกันทั้งปริมาณและคุณภาของเส้นที่เหนียวนุ่ม น้ำราดที่กลมกล่อมอร่อย หมูชิ้นใหญ่ๆ เต็มคำ กรณีสั่งพิเศษระวังจะกินไม่หมดกันนะครับ


ส่วนเมนูอีกอันเป็นผัดซีอิ๋ว แน่นอนว่ามีราดหน้าก็ต้องมีผัดซีอิ๊ว อันนี้รสชาติก็”ม่ทำให้ผิดหวังเช่นกันทั้งปริมาณและคุณภาพ ผมไปกินเคยสั่งพิเศษถึงกับกินไม่หมด เพราะให้มาเยอะมาก


อาหารตามสั่งอื่นๆ มีให้เลือกกันเยอะเหลือเกินในเมนูครับ เรื่องรสชาติถือว่าไว้ใจได้เลย ไม่ต้องห่วงว่าจะสั่งอันนี้มากินแล้วจะไม่อร่อย ซึ่งที่ผมพูดแบบนี้ เพราะเคยลองมาหลายจานแล้ว


ร้านกวง ราดหน้ายอดผัก เปิดให้บริหารทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08:00 - 22:00 น. ซึ่งใครเป็นคอราดหน้า มาร้านนี้กันได้เลยฮะ
49  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ร้านอาหารอีสาน ส้มตำ ไก่ย่าง ลาบ เชียงใหม่ / ส้มตำอุดร ซอยทานตะวัน ที่สุดของรสชาติส้มตำที่ต้องลอง - ร้านอาหารเชียงใหม่ เมื่อ: ตุลาคม 22, 2015, 09:47:10 AM
ในฐานะที่ชื่นชอบส้มตำพอๆ กับการดูบอล แถมเป็นคนอีสาน เคยนึกอยากจะจัดอันดับร้านส้มตำในเชียงใหม่ ประเภทต้องกินให้ได้อยู่หลายครั้งเหมือนกัน ซึ่งการจะจัดอันดับนั้น นอกจากจะต้องตระเวนกินมากร้านให้เยอะๆ แล้ว ยังต้องทำการบ้านหลายอย่างมามากพอสมควร ในการหาข้อเปรียบเทียบเป็นเกณฑ์มาตรฐานว่าร้านนั้น ร้านนี้อร่อยดียังไงตรงจุดไหน


แต่หลังจากดีดลูกคิดอยู่หลายตลบก็พบว่าของแบบนี้มันต้องใช้เวลา ว่าแล้วก็เลยพับแผนไว้เข้าใส่ในลิ้นชัก แล้วหันมาเขียนแนะนำเป็นร้านๆ ไปก่อน โดยเลือกเอาร้านที่เราชอบและพอใจในรสชาติ จากนั้นเมื่อถึงเวลา ไอ้เรื่องจัดอันดับค่อยมาว่ากันทีหลังเอา


“ส้มตำอุดร ซอยทานตะวัน” ร้านนี้จะให้นิยามว่ายังไงดี เอาเท่าที่เคยสัมผัสมาจากตัวเอง มิตรสหาย และชาวบ้านคนอื่นๆ ส่วนใหญ่ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันร้านนี้ต้องโดน ต้องแวะว่ะ ไม่งั้นถือว่าพลาด


พิกัดที่ตั้งของอยู่ที่ถนนทองกวาว เข้าได้สองทางคือ จากทางหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่เข้าไปทางกาดธานินท์จะมีป้ายบอกเป็นระยะ หรือเข้าจากทางเจ็ดยอดตรงสามแยกเจ็ดยอด ฝั่งตรงข้ามวัด เข้าไปตามถนนศิริธรแล้วก็จะเจอซอยแรกทางขวาก็เลี้ยวเข้าไปได้เลย ถ้าไม่เจอก็ใช้แอพบนสมาร์ทโฟนกันเอาได้ อันนี้นำทางได้ชัวร์


“ส้มตำอุดร ซอยทานตะวัน”ทุกวันนี้มีเปิดไปแล้วด้วยกัน 3 สาขาครับ โดยร้านที่อยู่ซอยทานตะวัน จัดเป็นร้านต้นกำเนิด สำหรับส้มตำร้านนี้ มีเด็ดด้วยกันแบบแพคคู่เลยคือ ตำลาว และ ตำปูปลาร้า อย่างตำลาว ก็ให้รสชาติแบบดั้งเดิมขนานแท้ ใช้ปลาร้าที่ทำเองเอามาปรุงรส ซึ่งขนมาจากอีสาน วัตถุดิบต่างๆ ที่สำคัญและควรจะมีในตำลาวก็ใส่มาครบทั้ง มะเขือเทศเล็ก มะกอก มะเขือเปราะ ถั่วฝักยาว ปูดอง เวลาตักใส่ปากให้รสชาติแบบเปรี้ยว เค็ม นำเผ็ด ส่วนตำปูปลาร้า รสชาติไม่ต่างจากตำลาวมาก ที่มีมาเพิ่มเติมคือรสเค็มของปูดอง และกลิ่นของปูดองที่จะแรงกว่าตำลาว อีกอย่างสีน้ำส้มตำจะมีสีเข็มและคล้ำกว่าเล็กน้อย อันเนื่องมาจากการใส่ปูดองลงไปเยอะ อนึ่ง ทั้งสองเมนูที่ว่าถ้าเป็นช่วงที่มีปูนาเอามาดองใส่ส้มตำ รสชาติส้มตำก็จะหอมน่ากินมากยิ่งขึ้นกว่าปกติ ส่วนเครื่องเคียงส้มตำ แน่นอนว่าหนีไม่พ้นไก่ย่าง ไก่ย่างร้านนี้บอกได้คำเดียวว่าเด็ดถึงเด็ดสุดๆ กินกับข้าวเหนียวส้มตำเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกันเลยทีเดียว


“ส้มตำอุดร ซอยทานตะวัน”เปิดให้บริการกันทุกวัน ตั้งแต่ 09:00 - 21:00 น.เบอร์ติดต่อก็ตามนี้ครับ 081-968-4578, 053-222-865 งานนี้ใครไปชิมแล้วไม่อร่อย ไปหาหมอได้เลย!

50  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / เรื่องเล่า วัดสบเตี๊ยะ - วัดเชียงใหม่ เมื่อ: ตุลาคม 21, 2015, 09:54:21 AM
ให้หลังกลับจากการเที่ยวที่อุทยานพุทธสถานสุทธิจิตต์ใน อ.จอมทองซึ่งยังพอมีเวลาให้ไปเที่ยวต่อในที่อื่นๆ ในตัวอำเภอ ก่อนพระอาทิตย์จะโบกมือลาลับขอบฟ้า ผมเลือกถือโอกาสเลือกแวะมาที่วัดสบเตี๊ยะ กันครับ


วัดสบเตี๊ยะตั้งอยู่เลขที่ 176 หมู่ 1 ถ. เชียงใหม่-ฮอด ตำบลสบเตี๊ยะ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นวัดประจำหมู่บ้านของชาวบ้านสบเตี๊ยะ ที่อาศัยอยู่ในลักษณะภูมิประเทศที่เป็นภูเขา ที่ลาดเชิงเขา และพื้นที่ราบ โดยพื้นที่ราบจะอยู่ทางทิศตะวันออกของตำบล ส่วนที่ลาดและเชิงเขาจะอยู่ทางทิศตะวันตก ซึ่งพื้นที่ทางทิศตะวันออกส่วนใหญ่จะเป็นทุ่งนา เป็นพื้นที่ปลูกพืชผัก และเป็นสวนลำไย ส่วนด้านตะวันตกโดยส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่สวนลำไย


วัดสบเตี๊ยะนั้น ถูกสร้างเมื่อ พ.ศ.2240 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ.2493 มีเขตวิสุงคามสีมา กว้าง 20 เมตร ยาว 30 เมตร การบริหารและการปกครองมีเข้าอาวาสเท่าที่ทราบนาม คือ รูปที่ 1 ครูบากันธิยะ รูปที่ 2 ครูบามหาวัน รูปที่ 3 ครูบาอินใจ รูปที่ 4 ครูปัญญาอ้าย รูปที่ 5 ครูบาอิ่นแก้ว อภิวํโส ตั้งแต่ พ.ศ.2475 เป็นต้น


สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดเริ่มต้นที่ วิหารวัดสบเตี๊ยะ เป็นวิหารปิดทรงล้านนา บริเวณผนังภายในเขียนด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนัง โดยวิหารปิดเป็นพัฒนาการสมัยถัดมาของวิหารโถงภายในวิหารแบ่งพื้นที่ใช้สอยออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่พื้นที่ ของพระสงฆ์ ได้แก่ อาสนสงฆ์ และบุษบกธรรมมาสน์ สำหรับอาสนสงฆ์ เป็นที่นั่งพระภิกษุสามเณร ส่วนบุษบกธรรมมาสน์หมายถึงแท่นสำหรับใช้เทศนาของพระภิกษุสงฆ์ในวันสำคัญทางศาสนาพื้นที่ของฆาวาส ได้แก่ห้องโถงส่วนกลางของอาคาร เป็นพื้นที่นั่งของชาวบ้านเพื่อฟังเทศน์ในวันพระ และฐานชุกชี หรือแท่นแก้ว หมายถึงพื้นที่ด้านในสุดของวิหาร มักทำเป็นแท่นยกพื้นสูงกว่าอาสนสงฆ์ ใช้สำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปซึ่งเป็นประธานของวัด บันไดทางขึ้นวิหารเป็นบันไดนาคคายมกร ส่วนบันไดด้านข้างนั้น รูปปูนปั้นตัวมอมกันครับ


ข้างวิหาร จะเป็นองค์เจดีย์ของทางวัด สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเจดีย์ทรงกลม ที่มีเรือนธาตุเป็นรูปทรงกลมคล้ายองค์ระฆังคว่ำ ซึ่งต้นกำเนิดและพัฒนาการนั้นสันนิษฐานว่ามาจากเจดีย์สาญจี ที่ประเทศอินเดีย ซึ่งในประเทศอินเดียเรียกเจดีย์รูปครึ่งวงกลม กว่า อัณฑะ หรือ ครรภะ ซึ่งหมายถึงศูนย์กลางจักรวาล สอดคล้องกับคติความเชื่อในเรื่องจักรวาล และเขาพระสุเมรุ นั่นเอง รูปแบบเจดีย์ดังกล่าวนี้ล้านนาน่าจะรับอิทธิพลมาจาก ประเทศ ศรีลังกา ผ่านมาจากอาณาจักรสุโขทัยในสมัยพญากือนา ส่วนบริเวณด้านหลังนั้นจะเป็นหอไตรล้านนาที่อยู่ระหว่างการบูรณะ รวมทั้งอุโบสถที่กำแพงบางส่วนรอบล้อมก็ยังสร้างกันไม่เสร็จ


และจากทั้งหมดนั้น ก็เป็นบรรยากาศภายในวัดสบเตี๊ยะใน อ.จอมทอง กันครับ


51  ข้อมูล ร้านอาหาร เชียงใหม่ / ร้านก๋วยเตี๋ยวเชียงใหม่ / ร้านแม่จันทร์บะหมี่เกี๊ยว เมื่อ: ตุลาคม 20, 2015, 07:49:49 AM
นานๆ ทีจะเจอร้านบะหมี่เกี๊ยวที่มีทีเด็ดกันอยู่ที่เกี๊ยวครับ


สำหรับผมแล้ว การจะมีร้านบะหมี่เกี๊ยวในดวงใจร้านนั้นย่อมต้องมีเกี๊ยวรสเด็ดเต็มคำ เอาไว้ล่อให้ผมไปชิมบ่อยๆ อย่างร้านแม่จันทร์บะหมี่เกี๊ยว นี่จัดว่าเข้าข่ายเลยล่ะ


ร้านนี้ถ้าจำไม่ผิดเพิ่งจะเปิดกันมาได้ปีกว่าๆ บนถนนทิพย์เนตร ซึ่งผมก็รู้จักมาจากการสังเกต เพราะต้องขับรถผ่านตรงนี้บ่อย และแน่นอนว่าถ้ามีร้านอาหารอะไรมาเปิดใหม่ หรือปิดตัวไปก็จะทราบความเคลื่อนไหวกันครับ


พิกัดที่ตั้งร้าน บนถนนทิพย์เนตร มุ่งหน้าไปยังทางประตูสวนปรุง ร้าจะอยู่ฝั่งทางด้านซ้ายมือ ก่อนถึงวัดพวกเปีย ลักษณะเป็นบ้านสองชั้น ชั้นล่างใช้ทำเป็นร้านอาหารมีที่นั่งด้านในและด้านนอก ซึ่งด้านในจะทึบๆ หน่อย แต่ถ้าใครชอบสว่างๆ นั่งด้านนอกเอาครับ ปลอดโปร่งดี ที่จอดรถขับเข้าไปจอดด้านในร้านได้ หลังร้านเขาจะมีที่ให้จอดอยู่ หรือถ้าไม่จอดข้างใน ก็จอดกันตรงริมถนน แต่ต้องดูกันให้ดี เพราะมันจะมีป้ายห้ามจอดวันคู่วันคี่กันอยู่


เมนูอาหารในร้านมีเกี๊ยว บะหมี่เกี๊ยว ก๋วยเตี๋ยวหลอด โจ๊กเครื่องในหมู โจ๊กหมู โจ๊กปลา ข้าวอบซี่โครงหมู ข้าวหมูแดง เกี๊ยวซ่า และบะหมี่ราดซอส ราคาอาหาร 50 บาท ส่วนเครื่องดื่มจะเป้นพวกน้ำผลไม้ปั่นเยอะแยะมากมาย ผลไม้ก็ตามฤดูกาลนี่แหละครับ


มากันที่รายการแนะนำ อย่างแรกขอเสนอบะหมี่เกี๊ยว ทีเด็ดอยู่เกี๊ยวครับ เต็มคำสะใจ ห่อกุ้งชิ้นใหญ่ล้วนๆ ไม่มีห่วง ใส่มาในถ้วยสมราคาที่จ่ายไป เส้นบะหมี่ที่นี้เป็นเส้นบะหมี่ทำเอง เส้นจะเล็กๆ คีบใส่ปากจะรู้เลยว่าไม่เหมือนเส้นบะหมี่ร้านทั่วๆ ไป น้ำซุปหอมกลมกล่อมใช้ได้


เมนูต่อมาเป็นบะหมี่ราดซอส เส้นบะหมี่ยังเป็นเส้นบะหมี่ที่ทางร้านทำเองเหมือนเดิมราดด้วยซอส รสชาติจะออกหวาน เสิร์ฟมาพร้อมกันกับน้ำซุปเอาไว้ซดให้คล่องคอ และเมนุสุดท้ายเป็นข้าวอบซี่โครงหมู เสิร์ฟมาในถ้วยกระเบื้อง ด้านบนถูกโป๊ะด้วยซี่โครงหมูอบ แบบเนื้อๆ เน้นๆ

และเมื่อพูดถึงภาพรวมแล้ว ร้านแม่จันทร์บะหมี่เกี๊ยว ใครชอบกินบะหมี่เกี๊ยวเต็มๆ คำ ถือว่าไม่ควรพลาดครับ เพราะร้านเกี๊ยวอร่อยๆ แบบนี้ถือว่าหากันได้ไม่ง่ายเลยล่ะ แถมเส้นบะหมี่ก็อร่อยแบบมีลายเซ็นต์เฉพาะในแบบตัวเอง (เจ้าของร้านเป็นคนฮ่องกง เลยมีลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวจีนนิยมมารับประทานกันเยอะ) เวลาทำการของทางร้านเปิดตั้งแต่เวลา 06:30 - 22:30 ทุกวัน ใครแวะไปชิมแล้ว แวะมาคอมเม้นบอกกันได้ครับกระผม
52  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ ตลาดเชียงใหม่ กาดเจียงใหม่ กาดหมั้ว / พาไปเที่ยวตลาดนัดวันศุกร์ที่ วัดพันอ้น เมื่อ: ตุลาคม 16, 2015, 09:25:23 AM
เพิ่งมาสังเกตพบว่า กาดนัดในตัวเมืองเชียงใหม่เนี่ย มันช่างเยอะแยะกันจริงๆ เลยครับ บางทีใน 1 วัน มีจัดกันตั้ง 3 -4 แห่ง เรียกได้ว่าจันทร์ – อาทิตย์ มีให้เดินกันทุกวันเลยล่ะ ซึ่งใครเป็นขาช้อปก็คงจะถูกอกถูกใจ


ล่าสุดหลายสัปดาห์ไปเดินเล่นที่วัดพันอ้นมาในวันศุกร์ตอนค่ำๆ เพิ่งรู้ว่าที่นี่เขาจะมีตลาดนัดวันศุกร์กัน ว่าแล้วก็เลยสับเท้าเข้าไปเดินสำรวจดูว่ามีอะไรยังไงบ้าง


อย่างแรกเลยที่สังเกตเห็นถึงความแตกต่างกันกับวันอาทิตย์ที่มีถนนคนเดินท่าแพ ตลาดนัดวันศุกร์จะมีพ่อค้าแม่ค้าขายของที่ระลึกมากกว่า แต่ของกินน้อยกว่า ส่วนถนนคนเดินวันอาทิตย์นั้น จะเน้นหนักเรื่องของกินครับ อันนี้ชัดเจนเลย เพราะผมมาเดินหาของกินบ่อย ฮ่าๆ


ของที่ระลึกมีอะไรบ้างในตลาดนัดวันศุกร์ เอาเท่าที่เห็นและจำได้ก็มีกบไม้ครับ เจ้าตัวนี้ที่ตลาดอนุสารใครไปเดินจะจำได้ขึ้นใจ เพราะจะมีพ่อค้าแม่ค้าไปยืนขายหน้าตลาด พลางสีกบไม้ไปด้วย ซึ่งเสียงของมันนั้นจัดว่าเป็นเอกลักษณ์พอๆ กับเสียงพี่ป้างนครินทร์ กิ่งศักดิ์ เลยล่ะ


เสื้อผ้า มีทั้งเสื้อผ้าพื้นเมืองแบบฉบับล้านนา และเสื้อผ้าแฟชั่นทั่วไปใส่แบบสบายๆ แต่ไม่เข้าใจว่าเสื้อกล้ามที่สกรีนโลโก้เบียร์ช้าง เบียร์ลีโอ มันน่าซื้อใส่กันตรงไหนเนี่ย คือไอ้เสื้อมวยไทย กางเกงมวยไทยพอจะเข้าใจ แต่เสื้อกล้ามลายที่ผมบอก ไม่ไหวจะเคลียร์จ้า


งานไม้แกะสลัก เออ อันนี้ดูเข้าท่ากว่าเพื่อนหน่อย ดูแล้วน่าซื้อไปฝากเพื่อนฝากฝูง หรือซื้อไปเก็บไว้เอง ซึ่งคาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะชอบไม่น้อย หลักๆ ลวดลายก็ยังคงวนเวียนอยู่กับช้างนี่แหละ


โคมไฟ จะว่าไปแล้ว มันเป็นของที่ระลึกที่ดูเข้าท่านะ สำหรับคนที่อยากซื้อเอาไปแต่งห้องนอนตัวเอง เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศให้มันน่าอยู่ น่านอน เป็นผมถ้าเป็นผู้หญิง ก็คงมีซื้อล่ะ แต่ผมเป็นผู้ชาย เรื่องซื้อโคมไฟอย่าเพิ่งไปพูดถึง ไปเก็บห้องนอนตัวเองให้สะอาดเรียบร้อยก่อน เรื่องอื่นค่อยมาว่ากันอีกที


สุดท้ายภาพวาด นี่ดูท่าจะเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่วางขายในถนนคนเดินวันอาทิตย์ครับ ที่เป็นภาพวาดสีน้ำมันเน้นรูปช้างเป็นหลัก เท่าที่ดูถือว่าสวยงามกันเลยล่ะ


ท้ายสุดจริงๆ เอาเป็นว่าใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาเดินเล่นตลาดนัดในวัดพันอ้นกันวันศุกร์ ที่แตกต่างกันออกไปในวันอาทิตย์ที่มีถนนคนเดิน ก็เชิญลองแวะมาเลียบๆ เคียงๆ ดู เผื่อมีอะไรน่าสนใจ ซื้อติดไม้ติดมือไปกลับบ้านซักชิ้นสองชิ้น

53  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / เชียงใหม่ ท่องเที่ยว - ข่าวสารเกี่ยวกับเชียงใหม่และจังหวัดภาคเหนือ / หลากผลงานศิลปะในงานนิทรรศการกลุ่มเจ็ดยอด ครั้งที่ 12 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2015, 10:38:10 AM
ห่างหายจาก หอศิลปวัฒธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ไปนานเกือบสองเดือนสำหรับผม มาเดือนล่าสุดนี้แวะมาชมนิทรรศการ เจอเข้าติดๆ กันไปถึง 3 นิทรรศการด้วยกันครับ ซึ่งก็มีจัดกันทั้งชั้นล่างส่วนด้านหน้า ด้านหลัง และชั้น 2


สำหรับนิทรรศการแรกที่อยากจะเล่าถึงนั้น ชื่อ “นิทรรศการกลุ่มเจ็ดยอด”หรือนิทรรศการผลงานผู้สอนศิลปะ สาขาวิชาทัศนศิลป์คณะศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาซึ่งเป็นการจัดขึ้นครั้งที่ 12 เข้าให้แล้ว โดยเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2558 ได้รับเกียรติจากอาจารย์พิชัย  นิรันต์ ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) พ.ศ.2546 เป็นประธานเปิดนิทรรศการ


โดยนิทรรศการกลุ่มเจ็ดยอด ครั้งที่ 12 เป็นการนำเสนอผลงานศิลปกรรมที่มีการสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่องเพื่อเผยแพร่และบริการวิชาการเกี่ยวกับผลงานสร้างสรรค์ทัศนศิลป์แก่สาธารณชน บูรณาการเรียนการสร้างสรรค์เพี่อยกระดับวิชาชีพ แสดงศักยภาพการสร้างสรรค์งานทัศนศลิป์ของผู้สอนศิลปะ ผ่านกระบวนการสังเคราะห์ของการสร้างสรรค์ที่สามารถยกระดับจิตใจให้ละเอียดงดงามทำนุบำรุงศิลปกรรมและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ทั้งนี้พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ มหิดล ทรงพระกรุณาประทานผลงาน“Forbidden Fruit of Eden” 1 องค์ร่วมแสดงในครั้งนี้ด้วย


จากผลงานที่นำมาจัดแสดงนั้น มีทั้งงานวาดภาพสีน้ำมัน ไฟเบอร์กลาสแต่งสีและผลงานลักษณะอื่นๆ ส่วนแนวคิดของผลงงานนั้นจะเน้นไปในทางของศิลปะนามธรรม (Abstract Art) ที่ใช้ภาษาภาพในการสื่อความหมายด้วยรูปทรง, สี และลายเส้น เพื่อสร้างสัดส่วนซึ่งอาจจะประกอบขึ้นในระดับความเป็นนามธรรมที่แตกต่างกันไป


ทั้งนี้ ศิลปะนามธรรม เป็นศิลปะไร้รูปแบบตายตัว ศิลปะไร้รูปธรรม และศิลปะไม่แสดงลักษณ์ คือศิลปะที่เกี่ยวข้องกันอย่างหลวมๆ แม้ในความหมายเชิงลึกอาจมีความแตกต่างกันก็ตาม นอกจากนี้ ศิลปะนามธรรมชี้ให้เห็นการละทิ้งค่านิยมในการสร้างสรรค์ภาพให้มีความสมจริงของวงการศิลปะ ซึ่งการวาดภาพโดยที่ไม่เน้นความสมจริงนี้อาจแสดงไว้เพียงเล็กน้อย, บางส่วน หรืออาจจะแสดงไว้โดยสมบูรณ์ทั้งชิ้นงาน และจะสังเกตเห็นได้ว่าศิลปะนามธรรมคงอยู่ต่อเนื่องเรื่อยมา แม้แต่ศิลปะที่พยามยามจะทำให้มีองศามากที่สุดก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นศิลปะนามธรรม และตั้งแต่การแสดงภาพอย่างสมบูรณ์แบบเริ่มมีความยุ่งยากที่จะเข้าถึงแก่นแท้ งานศิลปะที่ใช้ความเป็นอิสระและแตกต่างไปจากเดิมทั้งรูปแบบและการใช้สีซึ่งมีความเด่นสะดุดตาก็อาจถูกเรียกว่าเป็นศิลปะนามธรรมได้ด้วยเช่นกัน


ศิลปะนามธรรมโดยสมบูรณ์คือศิลปะที่ไม่สามารถโยงเข้ากับแหล่งอ้างอิงรูปธรรมใดได้เลย ตัวอย่างเช่น ในศิลปะนามธรรมทรงเรขาคณิตน้อยครั้งที่จะพบแหล่งต้นตอของแนวคิดหรือรูปทรงที่ปรากฏเป็นรูปธรรมในธรรมชาติ ซึ่งทั้งศิลปะรูปแบบตายตัวและศิลปะนามธรรมโดยสมบูรณ์ต่างก็มีความเฉพาะตัวที่เหมือน แต่ศิลปะรูปแบบตายตัวและศิลปะเสมือนจริง (หรือศิลปะสัจนิยม) มักจะมีบางส่วนที่เป็นนามธรรมปรากฏด้วยอยู่บ่อยครั้ง


สำหรับผู้ที่สนใจสามารถชมนิทรรศการกลุ่มเจ็ดยอดครั้งที่ 12 นิทรรศการจะมีให้ชมกันตั้งแต่วันนี้ – 18 กันยายน 2558 ณ หอศิลปวัฒธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ งานนี้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายครับ


54  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำ อุทยานแห่งชาติ, วนอุทยานแห่งชาติ จังหวัดเชียงใหม่ / เบิกตาพาชมวิวภูเขาที่อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ - เที่ยวเชียงใหม่ เมื่อ: ตุลาคม 13, 2015, 09:48:20 AM
ไฮไลต์ส่วนใหญ่ของการเดินทางไปท่องเที่ยวที่ไหนก็ตาม คือการหอบสังขารตัวเองไปยังจุดชมวิวของสถานที่แห่งนั้นๆ ครับ ซึ่งบางที่ก็ถือว่าเป็นเมนูหลัก และบางที่ก็ถือว่าเป็นเมนูรอง ก่อนไว้เจอเมนูหลักจริงๆ ที่อร่อยและถูกปากกว่า


ช่วงหลังๆ มานี้ หลังจากท่องเที่ยวมาเยอะ ต้องบอกว่าผมเองนั้นค่อนข้างที่จะสนใจไอ้พวกประเภทเมนูรองค่อนข้างเยอะครับ ประเภทตามรายทาง ถ้ามันสวยงามก็จอดรถเสพบรรยากาศจนพอใจ พร้อมเมื่อไหร่ไว้ค่อยไปกันต่อ


หลายสัปดาห์ก่อนชีพจรลงเท้าพาตัวเองไปแถว อ.แม่ออน มา แบบบุกป่าฝ่าดงขับรถจนตูดด้าน ไปเที่ยวน้ำตกหลายที่ โดยมีจุดชมวิวระหว่างทางเป็นเครื่องเคียง โดยพื้นที่ของจุดชมวิวดังกล่าวนั้นตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ เรียกตามชื่อก็คือ จุดชมวิวที่ 2 ที่ถัดจากตัวน้ำตกตาดเหมยมา 12 กิโลเมตร


อธิบายเพื่อให้เห็นที่ตั้งอย่างแน่ชัด เอาตามเส้นทางที่ผมขับรถมาเองจากตัวเมืองเชียงใหม่ ให้วิ่งมาตามทางหลวงหมายเลข 1317 เลยสามแยกไปน้ำพุร้อนสันกำแพง เลยสนามกอล์ฟเชียงใหม่ ไฮแลนด์ กอล์ฟ แอนด์สปา รีสอร์ท เลยตลาดขายต้นไม้บ้านห้วยแก้วมา จะเจอแยกขวามือให้เลี้ยวเข้ามายังบ้านสหกรณ์หมู่ที่ 6  มีป้ายทางไปจุดตรวจที่ 3 อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ ขับไปเรื่อยขึ้นเขาลงเขาผ่านน้ำตกตาดเหมยไปอีก 12 กิโลเมตร ก็จะเป็นอันว่าถึงจุดชมวิวดังกล่าวครับ (ถนนบางช่วงจะมีลูกรัง ส่วนราดยางก็จะมีบางช่วงที่ถนนชำรุดเนื่องจากถูกน้ำไหลลงมากัดเซาะจากไหล่เขา)


จุดชมวิวที่ 2 แห่งนี้ เป็นจุดที่สามารถชมเมืองเชียงใหม่ และแนวสันเขาในยามค่ำคืนอันเป็นทัศนียภาพที่แปลกตาอีกรูปแบบหนึ่งครับถูกสร้างเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2542 โดยสามารถชมวิวทิวทัศน์ตัวอำเภอแม่ออน ตัวเมืองจังหวัดลำพูน อำเภอดอยสะเก็ด และตัวเมืองเชียงใหม่ อย่างที่เห็นในภาพหากมองลงไปข้างล่าง ก็จะเห็นหมู่บ้านและทุ่งนาตามเชิงเขา ซึ่งจากตรงนี้ขับไปอีกหลาย 10 กิโลเมตร จะเป็นที่ตั้งของวัดแม่ตะไคร้ ที่กำลังสร้างรูปเหมือน หลวงปู่ทวด ปางยืนธุดงค์ องค์ใหญ่ที่สุดในโลกและสำหรับยามค่ำคืนตรงจุดชมวิวนี้ นักท่องเที่ยวบางคนขนานนามว่าเป็นจุด “จุดชมดาวบนดิน” ซึ่งจะจริงเท็จแค่ไหน ไว้มีโอกาสมาชมจะบอกกันอีกที


สำหรับใครที่สนใจจะมากันแบบนี้ ต้องใช้รถส่วนตัวกันสถานเดียว จะมอเตอร์ไซค์หรือรถยนต์ก็ได้ ซึ่งระหว่างทางมาก็สามารถแวะเที่ยวน้ำตกตาดเหมย ในตัวอุทยานก่อน จากนั้นค่อยมายังจุดชมวิวที่ผมว่า และมาจบที่วัดแม่ตะไคร้ กับน้ำตกแม่ตะไคร้ ถือว่าเป็นอะไรที่เข้าท่ากันเลยทีเดียว

55  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / วัดดอยแก้ว กับอัศจรรย์ขององค์พระธาตุ เมื่อ: ตุลาคม 12, 2015, 08:47:42 AM
ไหนๆ ก็มีโอกาสมายังจอมทองแล้ว เลยถือโอกาสตามเก็บภาพวัดสวยๆ ที่น่าสนใจในอำเภอแห่งนี้กันครับ และคราวนี้ก็มาถึงคิวของวัดดอยแก้ว


วัดดอยแก้ว ตั้งอยู่เลขที่ 104 หมู่ 2 ดอยแก้ว ตำบลดอยแก้ว อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับอนุญาตตั้งเป็นวัด พ.ศ. 2450 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 14 เดือน พ.ศ. 2510


เมื่อเอ่ยถึงวัดดอยแก้ว ก็ต้องเอ่ยถึงตำบลดอยแก้วด้วย เพราะมีความเกี่ยวเนื่องกัน โดยเดิมทีตำบลดอยแก้วเป็นพื้นที่ของตำบลบ้านหลวง แต่ตำบลบ้านหลวงมีพื้นที่กว้างขวางยากแก่การปกครอง จึงได้แบ่งออกเป็นตำบลดอยแก้วอีกตำบล ที่ได้ชื่อว่า "ตำบลดอยแก้ว"


เมื่อสมัยก่อนยังไม่ค่อยมีคนอพยพมาอยู่ที่ตำบลดอยแก้วกันมากนัก เพราะเป็นดอยลูกเล็กๆ อยู่มาวันหนึ่งชาวบ้านก็ได้เห็นแสงสุกใสออกมาจากดอยทางทิศตะวันออก ซึ่งแสดงที่ได้เห็นนั้นบ้างก็บอกว่าเป็นพระธาตุลอยออกมา จึงได้ตั้งชื่อว่า "ตำบลดอยแก้ว"


ส่วนลักษณะภูมิประเทศของตำบลแห่งนี้นั้นเป็นที่ราบสูง และที่ราบเชิงเขา มีลำน้ำที่สำคัญ ได้แก่ ลำน้ำแม่กลาง ลำน้ำแม่แต๊ะ และลำน้ำแม่เตี๊ยะ มีพื้นที่ป่าไม้จำนวนมากอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ และอุทยานแห่งชาติออบหลวง นอกนั้นอยู่ในเขตป่าสงวน


สำหรับสิ่งที่สนใจภายในวัด มีองค์พระธาตุดอยแก้ว ที่มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงปราสาท มีรูปทรงสี่เหลี่ยมซ้อนชั้น คล้ายรูปทรงปราสาทหรือที่อยู่ของกษัตริย์ เจดีย์รูปทรงนี้เชื่อว่าพัฒนาการมาจากเจดีย์ทรงศิขรของอินเดีย ซึ่งในช่วงต้นของวัฒนธรรมล้านนา นิยมสร้างเจดีย์ทรงปราสาทที่มีการซ้อนชั้นมีซุ้มประดิษฐานโดยรอบทุกชั้น ต่อมาจึงพัฒนาการเป็นเจดีย์ทรงปราสาทที่มีเรือนธาตุและมีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปภายในชั้นเดียว และมีส่วนยอดทำเป็นเจดีย์องค์ระฆังขนาดเล็กซ้อนชั้นขึ้นไป ซึ่งถือว่าเป็นรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของเจดีย์ทรงปราสาทล้านนาและมีองค์ประกอบ 3 ส่วนใหญ่ๆ ด้วยกันคือ คือ ส่วนฐาน ส่วนเรือนฐาน และส่วนยอด

นอกจากองค์เจดีย์แล้ว ก็ยังมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง คือ หลวงปู่ครูบาสิงห์โตสุธมฺโม วัดดอยแก้วพระผู้นำในการพัฒนาและเป็นพระนักปฏิบัติ ที่เป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชน อย่างเมื่อครั้งสร้างโรงพยาบาลประจำอ.จอมทอง ท่านก็ได้รวบรวมศรัทธาประชาชนวัดดอยแก้วร่วมจัดหาสถานที่เพื่อสร้างโรงพยาบาลอ. จอมทองจนสำเร็จ หรือจะเป็นการสร้างถนนขึ้นดอย ท่านริเริ่มก่อสร้างถนนไปสู่หมู่บ้านแม่เตี้ยะ  เพื่อให้ชาวเขาได้มีโอกาสลงมาทำมาค้าขาย และรักษาพยาบาลตอนเจ็บป่วย รวมทั้งเด็กๆนั้นจะได้รับการศึกษา ส่วนในเรื่องของวัตรปฏิบัตร แม้วัยจะล่วงเลยเข้าอายุ 90 กว่าปีแล้วก็ตามหลวงปู่ยังเคร่งครัดในวัตรปฏิบัติ ตื่นตีสามทำวัตรสวดมนต์ปฏิบัติสมาธิสม่ำเสมอ

และทั้งหมดนั้นก็คือเรื่องราวของวัดดอยแก้ว ที่เก็บมาฝากกันครับ
56  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว เส้นทางหลวงหมายเลข 108-1009 สู่จุดที่สูงที่สุดในประเทศไทย / Re: สถานีวนวัฒนวิจัยห้วยบง อ.ฮอด เชียงใหม่ เมื่อ: ตุลาคม 10, 2015, 10:52:58 AM
ตอนที่ 2

จากทางเข้ามายังสวนที่ให้อารมณ์ยังกับต่างประเทศในแถบยุโรป(อันนี้เห็นมาจากภาพในวันที่ไม่มีฝน) ผมขับรถมุ่งหน้าเข้าไปอย่างมันใจเลยครับว่า มาทางนี้มันใช่แน่นอน สวนสนบ่อแก้ว (ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าที่แห่งนี้ไม่ใช่สวนสนบ่อแก้ว)


ขับผ่านเข้าไปผ่านสำนักงานเข้ายังไปยังสวนสนทางดินลูกรังที่ถูกน้ำกัดเซาะ ก็เริ่มจะรู้ตัวแล้วว่าตัวเองมาผิดทางแน่ๆ แต่ ณ ตอนนั้นก็ยังไม่วายที่จะขับไปต่อ จนสุดท้ายมันก็ถึงทางตันจริงๆ ผมถึงได้แล้ววกกลับบออกมาใหม่ซึ่งมาโผล่อีกที ก็คือถนนใหญ่กันแล้วครับ


ตอนนั้นชักจะรู้สึกว่าตัวเองมั่วๆ ยังไงชอบกล เลยกลับเข้ามายังสถานีวนวัฒนวิจัยห้วยบงอีกรอบ แต่ใช้เส้นทางใหม่ จากแต่เดิมผมเลี้ยวขวาเข้าไป แต่คราวนี้ผมเลี้ยวออกซ้ายครับ


พอออกซ้ายมาเท่านั้นแหละ ก็พบว่าถนนหนทางมันชวนให้มุ่งหน้าเข้าไปลึกกว่าเดิม ซึ่งมันก็นำพาผมไปเจอสวนสนต่างๆ หลายแปลงหลายไร่ในอาณาเขตบริเวณที่ต้องบอกว่ากว้างมาก ตอนนั้นผมเริ่มจะมั่นใจแล้วว่าเราถูกทางแล้วแน่ๆ ตรงนี้แหละที่เขาน่าจะเรียกว่า “สวนสนบ่อแก้ว” ฮ่าๆๆ


ในความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณว่าตัวเองมาถูก ลึกๆ มันก็ยังแฝงไปด้วยความไม่ชอบพามากลบางอย่าง เช่น แลนมาร์คที่เราเห็นในเน็ตทำไมมันไม่เหมือนกับของจริง คือดูมุมไหนเหลี่ยมไหน มันก็ไม่พบว่ามันใช่มุมเดียวกันกับที่เห็นในเน็ตแต่ตอนนั้นผมก็ช่างเถอะและช่างมัน แล้วกันไปเสพสมกับสวนสนที่พบเห็นตรงหน้าแทน ส่วนข้อมูลวิชาการค่อยไปตามหาทีหลังกันเอา


จากการขับมอเตอร์ไซค์ในวันฝนพรำเที่ยวชมสวนสนในแปลงต่างๆ พบว่าจะมีแค่บางที่เท่านั้นกันครับที่ดูสวยแบบมีทุ่งหญ้าเขียวๆ ขึ้นไม่สูง เหมาะแก่การเดินเล่น ส่วนที่เหลือก็จะเป็นหน้าดินโล่งๆ มีกิ่งไม้แห้งตกตามพื้น ซึ่งถ้าเทียบกับภาพที่จินตนาการไว้ก่อนมา ขอบอกว่าคนละฟากกันเลย เหมือนดูหนังรักแล้วมาดูหนังฆาตกรรมยังไงยังงั้น
สำหรับสนที่เห็นในสวนนั้น เป็นสนสามใบครับ ซึ่งในประเทศไทยพบขึ้นเป็นหมู่ๆ ตามป่าสนเขาที่สูงจากระดับน้ำทะเล 800 - 1,600 ม. ในภาคเหนือ ภาคกลาง  และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะทั่วไป เป็นไม้ต้น ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 10 - 30 ม. ไม่ผลัดใบ ผลมีลักษณะกลม ออกรวมกันเป็นกลุ่ม เรียกว่า cone  เป็นรูปไข่สีน้ำตาล


หลังจากขับรถแวะไปตามเส้นทางนั้นนี่ไปเรื่อย หาถ่ายรูปมุมต่างๆ คนเดียวในป่าแบบอินดี้ ผมก็ขับรถแวะออกมาด้านนอกกัน ตอนนั้นรู้สึกว่าใกล้จะห้าโมงเย็นแล้ว และฝนก็กำลังลงเม็ดอย่างไม่หยุดหย่อน


ความหนาวเริ่มเข้าครอบงำทั้งกายและใจ ผมค่อยๆ ห่อตัวเข้าไปยังเสื้อกันฝนเพื่อขับรถมุ่งหน้ากลับเข้ามายังในเมือง วันนี้ถือว่าภารกิจตัวเองเสร็จสิ้น ผมได้มาเที่ยวสวนสนสำเร็จแล้วเรียบร้อย


แต่น่าเสียดายที่ไอ้คำว่าเรียบร้อย มันดันมาสวนสนผิดที่เท่านั้นเองครับ
57  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว เส้นทางหลวงหมายเลข 108-1009 สู่จุดที่สูงที่สุดในประเทศไทย / สถานีวนวัฒนวิจัยห้วยบง อ.ฮอด เชียงใหม่ เมื่อ: ตุลาคม 10, 2015, 09:40:51 AM
ตอนที่ 1

เป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงเมื่อความตั้งใจแต่แรกนั้น คือการถ่อมายังสวนสนบ่อแก้ว แต่ที่ได้กลับมามันไม่ใช่สวนสนบ่อแก้ว แต่ดันเป็น “สถานีวนวัฒนวิจัยห้วยบง” แทน ที่อยู่ก่อนจะถึง “สวนสนบ่อแก้ว”


ที่เข้าใจผิดคิดว่ามันเป็นที่เดียวกันเพราะไม่คิดว่ามันจะมีสวนสนอยู่ถัดไปอีกหนึ่งที่ และอีกอันคือผมไปจำภาพมาจากในพันทิปตรงปากทางเข้าของสถานีวนวัฒนวิจัยห้วยบง อันนี้หนักเลย เนื่องจากไปคิดว่ามันคือปากทางเข้าของสวนสนบ่อแก้ว


หลังจากมาทราบว่าตัวเองผิดพลาดไปสวนสนมาผิดที่ ก็ยิ่งเกิดอาการเช็งอย่างหนักเข้าขั้นรุนแรง เมื่อคำนวณถึงระยะทางที่ขับมอเตอร์ไซค์ไป –กลับ ก็ร่วมๆ เกือบสองร้อยกิโลเมตรรวมทั้งวันที่ไปนั้นดันมีฝนตกเป็นอุปสรรคอีก


ให้ตายเถอะโรบิ้น!

ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ก็เลยตามเลยล่ะกัน เพราะต่อไปนี่จะเล่าถึงบรรยากาศการไปเที่ยว “สถานีวนวัฒนวิจัยห้วยบง” ในวันฝนพรำ สถานที่ที่ไม่ใช่สวนสนบ่อแก้ว

ขอย้ำ นี่ไม่ใช่สวนสนบ่อแก้ว!


“สถานีวนวัฒนวิจัยห้วยบง”วิธีการเดินทางมาใช้เส้นทางกลวงหมายเลข 108 เชียงใหม–ฮอด พอถึงสามแยกหอนาฬิกาฮอด ก็เลี้ยวขวามุ่งหน้ามาทางเดียวกันที่จะไปอุทยานแห่งชาติออบหลวง ขับตรงมาเรื่อยๆ ผ่านอุทยานแห่งชาติออบหลวง ผ่านสามแยกที่จะไปบ่อน้ำพุร้อนเทพพนม ระยะทางจากแยกหอนาฬิกาน่าจะประมาณ 30 กิโลเมตรด้วยกันครับ สังเกตป้ายกันเอาดีๆ ว่าเป็น “สถานีวนวัฒนวิจัยห้วยบง” แต่ถ้าขับเลยไปนั้นก็คงเป็น “สวนสนบ่อแก้ว” นั่นแหละ ฮ่าๆๆ


“สถานีวนวัฒนวิจัยห้วยบง” อยู่ในสังกัดของกลุ่มงานวนวัฒนวิจัย สำนักวิจัยและพัฒนาการป่าไม่ กรมป่าไม้ ครับ ซึ่งอยู่ในส่วนของภูมิภาค ของภาคเหนือกันเป็นองค์กรหลักที่ศึกษาวิจัยและพัฒนา สร้างองค์ความรู้ทางวิชาการด้านวนวัฒนวิทยา เพื่อฟื้นฟูคุณภาพสิ่งแวดล้อมเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน อีกทั้งยังวิจัย เพื่อสร้างองค์ความรู้และพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสม เพื่อใช้ในการจัดสวนป่าเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนถ่ายทอดเทคโนโลยี และบริการวิชาการด้านป่าไม้


และในส่วนของหน้าที่ความรับผิดชอบนั้นคือกำหนดข้อนโยบายและทิศทางการวิจัยเพื่อส่งเสริมการปลูกไม้เศรษฐกิจ การบริหารจัดการสวนป่าเศรษฐกิจ ให้ได้ผลสูงสุด รวมทั้งศึกษา ค้นคว้า วิจัยเกี่ยวกับการจัดการเมล็ดพันธุ์ไม้ การเพาะชำ การปลูก บำรุง การจัดการสวนป่าเศรษฐกิจ ไม้หายาก และไม้ใกล้สูญพันธุ์ แบบครบวงจร และศึกษา ค้นคว้า วิจัยเกี่ยวกับการปรับปรุงพันธุ์ไม้ป่า การสร้างแหล่งเก็บเมล็ดพันธุ์ สวนผลิตเมล็ดพันธุ์ และกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มผลผลิตไม้มีค่างทางเศรษฐกิจให้ได้สูงสุด โดยใช้พื้นที่และเวลาน้อยที่สุด

ส่วนตอนหน้าจะมาเล่าถึงบรรยากาศภายในสวนแห่งนี้กันครับ
58  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / Re: ตามรอยพระพุทธบาทที่ วัดพระพุทธบาทแก้วข้าว เมื่อ: ตุลาคม 09, 2015, 01:46:32 PM
ตอนที่ 3

เมื่อพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระอรหันต์ตาทั้งหลายก็ได้เสด็จไปยั้งเมืองอังครัฐนคร หรืออำเภอจอมทองปัจจุบัน ล่วงกาลเวลาผ่านไปเมื่อนับพ.ศ.เกิดขึ้นที่วัดพระพุทธบาทแก้วข้าวแห่งนี้ได้พระเถระเจ้าองค์หนึ่งมีชื่อว่า พระมหาธรรมราช ตรงกับพ.ศ.1000 พระธรรมราช ได้มาอยู่จำศีลภาวนา เป็นผู้ที่มีบุญญาธิการมาก ท่านมหาเถระธรรมราชได้สร้างวัตถุบูชายังสารรูปของพระพุทธเจ้าองค์เล็กไว้ห้อยคอ พระมหาเถระธรรมราชก็ได้ตั้งจิตอธิฐานให้สำเร็จคำอธิฐาน ร้อนไปถึงพระพรหมชินนะปัจจะระบนสวรรค์ พระพรหมชินนะปัจจะระได้นำก้อนแก้วมณีโชคมาถวายทานให้ท่านมหาเถระธรรมราช มีหลายสี พระมหาเถระธรรมราชก็ได้ให้ช่างมาแกะสลัก ไม่มีช่างคนไหนแกะได้คำอธิษฐานของพระมหาธรรมราช ร้อนไปถึงพยาอินตาบนสวรรค์ พระยาอินตาก็ได้มอบหมายให้เทวดาประจำวันทั้งเจ็ดปลอมเป็นชีผ้าขาวไปขออนุญาตจากพระมหาธรรมราช


เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ชีผ้าขาวทั้งเจ็ดคนช่วยกันแกะสลักก้อนแก้วมณีโชคหลากหลายสีองค์ใหญ่เอาบูชาไว้กับบ้านเรือน องค์เล็กเอาห้อยคอ แกะสลักได้เจ็ดวันได้พระรูปแก้วมณีโชค 8400 องค์ พระมหาเถระก็ได้ทำพิธีสวดมนต์เทศนาธรรม พระมหาเถระและชีผ้าขาวบอกให้ชาวบ้านทำบอกไฟจุดขึ้นมาบนท้องฟ้าได้ 108 ลูก ชีผ้าขาวพากันขึ้นนั่งบนหัวบอกไฟแล้วจุดขึ้นไปบนท้องฟ้าอันกว้าง ชีผ้าขาวก็หายไปในอากาศ ชาวบ้านชาวเมืองหากันแตกตื่นส่งเสียงร้องสาธุ สาธุ สาธุ เป็นโกลาหลทั่วทั้งเมือง


พระมหาเถระทำนายไว้ว่าในข้างหน้าจะได้เป็นมหานครมีนามว่า พิสดารนคร อยู่ต่อมาลุถึงพ.ศ.1200 ปี ก็มีเจ้าแม่จามเทวี มาสร้างเมืองใหม่นามว่า พิสดารนครตามที่พระมหาเถระได้ทำนายไว้แล้ว พระมหาเถระนำเอาพระแก้วมณีโชค 8400 องค์ บรรจุในไห 56 ไห ขุดฝังดินลึก 7 ศอก ให้พยานาค มีนามว่า พระยาสีเสน เป็นผู้ดูแลรักษา  มาจนถึงสมัยสมเด็จโต พรหมรังสี ได้ออกเดินธุดงค์มาถึงวัดพระพุทธบาทแก้วข้าว หลวงปู่สมเด็จโต พรหมรังสี เอาแก้วมณีโชคไปห้าไห และได้เก็บไว้บนเพดานอุโบสถวัดระฆัง


อยู่ต่อมาปลายปีพ.ศ.1200 มีข้าศีกพม่ายกทัพทหารมาล้อมรอบเมืองพิสดารนคร ช่วยกันขุดรอยพระพุทธบาทเพื่อยกไปเมืองตองอู พม่า เจ้าแม่จามเทวีรู้ข่าวก็นำอาอาหารจากนครหริภุญชัยมาสู้รบขับไล่ สนามรบคือ แพะดินแดง หรือหมู่บ้านแพะดินแดงปัจจุบัน จนได้ชัยชนะ เจ้าแม่จามเทวีได้นำทหารมาบูรณะซ่อมแซมยังรอยพระพุทธบาท และสิ่งปลูกสร้างทั้งหลายได้คืนดังเดิม แล้วก็ได้สร้างเจดีย์สูง พระเจ้าโท้ เป็นอนุสรณ์สถานประกาศชัยชนะในครั้งนั้น


อยู่ต่อมาจนถึงพ.ศ.2452 มีเจ้าแม่ดารารัศมี ครองราชย์นครเชียงใหม่ มาถวายดอกไม้เงินดอกไม้ทองยังรอยพระพุทธบาทแก้วข้าว ตรงกับวันที่ 30 มีนาคม 2452 เวลาเที่ยงถึง 16.00 น. แล้วเสด็จไปยังบ้านพักรับรองท่าเดื่อ อ.ดอยเต่า


ต่อมาพ.ศ.2467 ครูบาศรีวิชัย พร้อมด้วยลูกศิษย์ศรัทธาทั้งหลายมาบูรณะสร้างวิหารใหญ่ครอบรอยพระพุทธบาทแก้วข้าวตามที่ได้เห็นมาจนถึงทุกวันนี้

ต่อมาพ.ศ.2468 ครูบาขาวปี๋ (ครูบาอภิชัยขาวปี) พร้อมด้วยลูกศิษย์ศรัทธาผู้ใจบุญทั้งหลาย ได้ช่วยกันปรับปรุงพื้นที่ในเขตพุทธาวาสให้ราบเบียงมาจนถึงทุกวันนี้


ต่อมาพ.ศ.2538 ก็มีครูบาทอง สิริมงฺคโล เจ้าคณะอำเภอฮอด พร้อมด้วยคณะสงฆ์ศรัทธาช่วยกันบูรณะเปลี่ยนดินขอหลังคาวิหาร ช่อฟ้าใบระกา ไฟฟ้าและน้ำประปาเข้าสู่วัดพระบาทแก้วข้าว มาถึงพ.ศ.2546 ครูบาทอง สิริมงฺคโล ให้แม่ชีศรีบุตร สุปินตา พร้อมคณะได้เข้ามาพัฒนาฝึกสอนกรรมฐาน ยุบหนอ พองหนอ ในแนวสติปฐาน4 มีกาย เวทนา จิต ธรรม เป็นบ่อเกิดปัญญาสว่างขจัดยังกองทุกข์ให้สิ้นสุดไป มีพระอธิการอินถา เดชวโร เป็นเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน


ทั้งนี้ ในแต่ละปีจะมีประเพณีสรงน้ำพระพุทธบาทแก้วข้าว วันเพ็ญเดือน 6 เหนือ (ก.พ.-มี.ค.)ซึ่งถ้าหากใครมีโอกาสแวะผ่านมาเที่ยวทาง อ. ฮอด ก็สามารถแวะมานมัสการรอยพระพุทธบาทกันได้ครับ
59  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / Re: ตามรอยพระพุทธบาทที่ วัดพระพุทธบาทแก้วข้าว เมื่อ: ตุลาคม 08, 2015, 09:55:20 AM
ตอนที่ 2

จากการไปเที่ยววัดที่มีพะพุทธบาทมา พบว่าทุกที่จะมีตำนานเรื่องเล่าขานเอาไว้ให้ศึกษากันครับ ซึ่งที่วัดพระพุทธบาทแก้วข้าว แห่งนี้ ก็มีเช่นเดียวกันดังที่จะเล่ากันดังต่อไปนี้ โดยอ้างอิงจากหนังสือของทางวัด


ในอตีเตกาเลในกาละ วันเดือนปีผ่านไปแล้วก่อนจะได้นับพ.ศ. คือพุทธกาลเมื่อพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระอรหันต์ตาทั้งหลายก็ได้ไปโปรดพระยาสีสู่ พระยาขุนแสนทอง ยังดอยเกิ้ง แล้วก็ได้เสด็จไปตามลำน้ำปิง พวกชาวบ้านชาวเมืองได้เห็นพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ตาเป็นบริวาร พวกชาวลัวะชาวว้าไม่เคยพบเห็นพระพุทธเจ้ามาก่อนเพราะใส่ผ้าสีดำย้อมฝาด ก็พากันเกิดศรัทธาเลื่อมใส ได้พากันเอาข้าวห่อไปใส่บาตรเป็นทานแก่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ตาเจ้าทั้งหลาย แล้วพระพุทธเจ้าก็ได้ไขผอูปแก้ว คือปากของพระพุทธเจ้า ทรงตรัสไว้ว่าให้พากันรักษาศีลทั้ง 5 ข้อ สถานที่แห่งนั้นก็เรียกว่า ดอยอูปแก้ว จนถึงปัจจุบัน


แล้วพวกชาวลัวะทั้งหลายก็ได้ทูลบอกแก่พระพุทธเจ้าว่า การทำไร่นาไม่มีน้ำ ต่อไปบ้านเมืองแห่งนี้จึงมีชื่อว่า เมืองฮอดแห้ง จึงได้ให้พระอรหันต์ไปทำกังหันไม้ไผ่วักน้ำใส่นา ชาวบ้านเรียกว่า วงศ์หลุก จะมีมากในวันข้างหน้า จนเรียกสถานที่นั้นว่า วังหลุกหรือวังลุงปัจจุบัน แล้วบอกกับชาวลัวะทั้งหลายให้รักษาศีล 5 ข้อไว้ ต่อไปจะไม่ได้ทุกข์ลำบาก จะมั่งมีด้วยทรัพย์สมบัติไหลมาเทมา เป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ที่ได้ถวายทานข้าวห่อแล้วจะได้เสด็จไปยังดอยกลอมเป็นดอยจอมปัจจุบัน พระพุทธเจ้าหิวน้ำ ก็ได้ให้พระอานนท์เอาบาตรไปตักน้ำยังวังแก้ว แม่ปิง มีพญานาคได้รักษาเฝ้าดูแลยังวังแก้วที่นั้น พญานาคก็ได้กวนน้ำให้ขุ่นไปหมดทั้งวัง พระอานนท์ก็ได้เอาฝาบาตรมาตักน้ำนั้น พญานาคก็ได้เอาหางไปปัดฝาบาตรให้หลุดจากมือพระอานนท์จมลงวัง ให้พระอานนท์ตกใจ พอมีสติพระอานนท์ก็เอามีดไปตัดเอาเครือเขาเถาวัลย์ เอามาสานเป็นตาข่ายเพื่อเวียนหาเอาฝาบาตรนั้น มีดของพระอานนท์ก็หลุดหล่อนออกจากด้าม พระอานนท์ก็เก็บมีดมาสอดใส่ด้าม เอาด้ามมีดตอกกับก้อนหินเป็นรอยลึกเข้าไปในก้อนหินนั้น กว้าง 6 นิ้วฟุต ลึก 6 นิ้วฟุต ได้รักษาไว้อยู่ข้างวิหารด้านใต้แห่งวัดพระพุทธบาทแก้วข้าวถึงทุกวันนี้ อันตาข่ายเครือเขาเครือเถาวัลย์พระอานนท์ก็ได้เอาทิ้งไว้บนฝั่งน้ำปิง มนุษย์ทั้งหลายมาเห็นก็ได้นำไปเรียนแบบในทางหากินเป็นแห จี๊บจ๋ำ จำมอง มาจนถึงทุกวันนี้


อหังพระพุทธเจ้าล่วงรู้ด้วยญาณทิพย์ว่าจะได้ไปโปรดพญานาคยังวังแก้วแม่ปิง ได้เสด็จตามหาพระอานนท์ พระอรหันต์ตาก็ได้ติดตามไปด้วย พระอรหันต์ตาได้พับตีนผ้าสบงให้พระอานนท์เห็นปริศนา พระอานนท์คิดได้ว่าการทำตาข่ายจะต้องมีถุงจึงจะได้ของเข้าไปติดที่ถุงนั้น ฉะนั้นผ้าสบงจีวรของพระภิกษุสงฆ์สามเณรจึงมีรอยพับมาจนถึงทุกวันนี้ อันว่า พระพุทธเจ้าก็ทรงโปรดแก่พญานาค พญานาคก็อ่อนลงหมดแรงดิ้นรน พญานาคยอมแพ้ก็ได้นำน้ำสะอาดบริสุทธิ์มาถวายทานแก่พระพุทธเจ้าและอรหันต์ตาเจ้าทุกรูปทุกองค์ พญานาคได้เกิดศรัทธาเลื่อมใสได้ควักลูกตาทั้งสองถวายทานแก่พระพุทธเจ้าแล้วทูลลาไปยังเมืองบาดาล


ทันใดนั้นก็เกิดปาฏิหาริย์แก่นตาทิพย์เกิดแสงสว่างแจ้งเป็นแสนเท่าแก่พญานาค ได้ยกเอาก้อนหินแสงข้าว ผุดแผ่นดินขึ้นมาใหม่เท่าวาผัดมนขอให้พระพุทธเจ้าเอาเท้าหรือเรียกว่าปาตะตินข้างซ้ายเหยียบย่ำลงไปบนลูกแสงแก้วข้าวนั้น กว้าง 26 นิ้วฟุต ยาว 65 นิ้วฟุต ให้ไว้เป็นที่กราบไหว้แก่มนุษย์และเทวดาตลอดห้าพันวัสสาสืบไป


แล้วมาต่อกันอีกตอนให้จบครับ
60  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ / วัดในจังหวัดเชียงใหม่ / ตามรอยพระพุทธบาทที่ วัดพระพุทธบาทแก้วข้าว เมื่อ: ตุลาคม 07, 2015, 09:45:55 AM
ตอนที่1

ถ้าจำไม่ผิด พบว่าตัวเองเคยไปเที่ยววัดที่มีพระพุทธบาทในจังหวัดเชียงใหม่มาแล้วหลายที่ด้วยกันและถ้าหากมีการนับนิ้วไล่ดู ก็คงพอจะมีกันประมาณนี้


วัดพระพุทธบาทคู่ยั้งหวีด วัดพระพุทธบาทสี่รอย พระพุทธบาทน้ำตกผาลาด และล่าสุดที่เพิ่งไปมาก็คือ วัดพระพุทธบาทแก้วข้าว ใน อ.ฮอด


วัดพระพุทธบาทแก้วข้าว ตั้งอยู่ บ.แควมะกอก ม.1 ต.ฮอด อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ การเดินทางมายังวัดด้วยรถส่วนตัว ใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 (เชียงใหม่-ฮอด) ขับผ่านแยกหอนาฬิกาอำเภอฮอด ผ่านสถานีตำรวจภูธรฮอด และขับรถตรงไปทางถนนสายอารยธรรมทางหลวงหมายเลข 1012 (ฮอด-บ.วังลุง) ผ่านสามแยกไปอำเภอดอยเต่า ผ่านโรงพยาบาลฮอด และขับรถตรงไปเรื่อยๆ โดยจากสามแยกไปอำเภอดอยเต่าถึงวัดพระพุทธบาทแก้วข้าวประมาณ 7กิโลเมตร ด้วยกัน (สังเกตก่อนถึงวัด จะสังเกตเห็นพระธาตุดอยจ๊อมโดดเด่นมาแต่ไกล และก่อนถึงวัดจะมีป้ายบอกทางเข้าฝั่งขวามือชัดเจน)ส่วนรถโดยสารเท่าที่ทราบ จะมีรถเมล์เชียงใหม่ –ดอยเต่า วิ่งผ่าน (คันสีฟ้า) แต่น่าจะวิ่งถึงแค่สามแยกกันครับ ที่เหลือคงจะหาเหมารถจากตัว อ.ฮอด กันมาเอง


จากปากทางเข้า ขับรถเข้ามา 5 นาที ก็เป็นอันว่าถึง สภาพวัดโดยรวมเงียบสงบ และร่มรื่น วัดแห่งนี้เป็นวัดขนาดเล็ก แต่ในความเล็ก แต่ในความเล็กที่ว่านั้น ก็มีสิ่งที่น่าสนใจที่จะเล่าให้ฟังกันดังต่อไปนี้


วัดพระพุทธบาทแก้วข้าว ถูกยกจากวัดร้างขึ้นเป็นวัดที่มีพระภิกษุจำพรรษาเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2544 มีสิ่งที่น่าสนใจภายในหลากหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธบาทแก้วข้าววิหารพระเจ้าทันใจ พระธาตุวัดพระพุทธบาทแก้วข้าว อุโบสถ รวมทั้งศาลาบาตร


มาเริ่มกันที่อย่างแรก เป็นรอยพระพุทธบาทแก้วข้าว ในวิหารวัดพระพุทธบาทแก้วข้าว เป็นรอยพระพุทธบาทเบื้องซ้ายของพระศรีศกายมุนีโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าองค์ที่ 4 (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) ในมหาภัทรกัป ขนาดกว้าง 24 นิ้ว ยาว 64 นิ้ว ปรากฏในตำนานพระเจ้าเลียบโลกกัณฑ์ที่ 9 ตรงที่กล่าวถึงพญานาคควักดวงตาถวายพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์พยากรณ์ว่า สถานที่นี้จักได้เป็นเมืองๆ หนึ่ง ชื่อ “มหานคร” สันนิษฐานว่า คือ “เมืองพิสดารนคร” อยู่เขตอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ในปัจจุบัน กว้าง 150 วา ยาว 175วา เป็นกำแพงสองชั้นคูเมืองมีน้ำล้อมรอบ


โดยตำนานและประวัติพระพุทธบาทแก้วข้าวนั้นถือว่ามีความน่าสนใจกันเป็นอย่างยิ่งครับ รวมทั้งค่อนข้างที่จะยาวกันพอสมควร ซึ่งตอนหน้าจะขอมาเล่าถึงในส่วนนี้กันครับ รวมทั้งสิ่งที่นาสนใจที่เหลืออื่นๆ ภายในวัดพระพุทธบาทแก้วข้าวกัน
หน้า: 1 2 »




Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.5 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.157 วินาที กับ 18 คำสั่ง