การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลา 3 ชั่วโมง (3เท่าของรถตู้หรือรถยนต์ส่วนบุคคลเลย )
แต่สนุกมาก ได้เห็นวิวข้างทางแบบละเอียดดี
ละเอียดในแบบที่ว่าจอดทุกสถานีย่อย เห็นความยากลำบากของรถจักรที่ดับกลางทางเพราะความร้อนสูง
เห็นทั้งเขาสูง ทั้งเหวลงลึกใต้รางแบบชวนใจหวิว สุดยอดจริง ๆ
หิวก็ซื้อข้าวบนรถได้ จะมีคนแบกถาดมาขาย ทั้งกับข้าว ทั้งน้ำ ทั้งขนม
(มีไม่มากเท่ารถไฟที่เสียตังค์ แต่ก็พอแก้หิวได้สำหรับคนเดินทางเช้า ๆ)
แนะนำจริง ๆ ค่ะไว้เป็นอีกทางเลือกนึงสำหรับคนรักการเดินทางแบบสะพายเป้สะพายกล้อง
อาจจะถึงจุดหมายปลายทางช้าหน่อย แต่จะได้ภาพถ่ายที่มีความหมายหลายรูปเลย

ถึงจะเป็นรถไฟฟรี แต่ก็ต้องยื่นตั๋วให้ตรวจนะคะ จะมาลักไก่ขึ้นนั่งเลยไม่ได้ 

รถไฟฟรีเป็นแบบค่อนข้างฟรีสไตล์ค่ะ เลือกที่นั่งได้ตามใจชอบเลย
ลักษณะที่นั่งจะมี 2 แบบ คือ ถ้าติดกับประตูทางเข้าออก จะเป็นที่นั่งหันข้าง
อีกแบบจะเป็นหันหน้าเข้าหากัน เบาะนึงนั่งได้ 2 คน

ที่ไปวันนั้นคนไม่ค่อยเยอะ สงสัยยังมีอีกมากที่ไม่รู้ข่าวว่ารถไฟสายเหนือเปิดเส้นทางแล้ว หรือไม่ก็ไม่ชอบเดินทางตอนเช้า อากาศมันเย็น อิอิ 

ทริคอีกอย่างที่ควรรู้ คือ รถไฟฟรีเป็นอะไรที่เอาแน่นอนไม่ได้ที่สุดค่ะ
มีประกาศจากลำโพง แต่มอนิเตอร์จะไม่แจ้งว่าชานชาลาไหน
บางทีแล้วในตั๋วระบุว่าชานชาลานึง แต่มาถึงจริง ๆ ตู้ขบวนจะอยู่อีกชานชาลานึง
(ที่จริงก็เกือบพลาด เพราะในตั๋วบอกหมายเลขชานชาลา4 แต่มาจอดจริงคือชานชาลา3
และในตั๋วเป็น กซข.74 แต่ตู้จริงเป็น กซข.111x (จำตัวท้ายไม่ได้ แต่รู้ว่าเป็นเลขตองข้างหน้า))
แต่โชคดีที่จากประสบการณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ บ่อย พอจะจำได้ว่า รถไฟฟรีจะเป็นตู้ที่ลักษณะที่นั่งหันหน้าเข้าหากัน
เบาะจะสีเขียวตุ่น ๆ มีราวโหน (ชั้น3 ที่เสียตังค์จะไม่มีราวให้โหน)

ถ้าเป็นมือใหม่เพิ่งขึ้นรถไฟ ให้ถามกับตำรวจรถไฟหรือ จนท.แถวนั้นไปเลยค่ะว่าใช่หรือไม่ใช่เที่ยวที่เราจะไป
พนง. ทุกคนยินดีบริการอยู่แล้ว ตอนที่เราใหม่ ๆ ก็อาศัยวิธีนี้แหละ 

ทริคอีกอย่างที่ควรทราบคือ การเช็คเวลารถไฟค่ะ เช็คทางออนไลน์ได้ที่
http://www.railway.co.th/checktime/checktime.asp

และควรมาถึงกำหนดที่รถจะออกอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ถ้าหากโบกรถแดงมา
รถไฟล่าช้าก็จริง แต่รถแดงที่มาส่งเรา บางทีก็เสียเวลาไปกับการแวะส่งผู้โดยสารหลายจุด

ที่สถานีก็มีจุดให้บริการความรู้เรื่องเที่ยวรถอยู่เยอะพอควรค่ะ
นอกจากจุดจำหน่ายตั๋วแล้ว ข้าง ๆ กันนั้นก็มีใบปลิวแจกด้วย หยิบเองได้เลย (แผ่นสีฟ้าๆอย่างในภาพ)
หรือป้ายไฟก่อนถึงชานชาลา บอกเวลาแบบวันต่อวัน
และจอมอนิเตอร์บอกเที่ยวรถและหมายเลขชานชาลา (เผื่อว่าพลาดฟังเสียงประกาศ)
เรียกได้ว่าที่สถานีรถไฟเชียงใหม่ ค่อนข้างจะมีจุดบริการผู้โดยสารโดยละเอียดพอควรเลยทีเดียว

โบกรถมาถึงสถานีประมาณ 8 โมงกว่า นายสถานีถามว่าจะไปรถแอร์หรือรถพัดลม
หนาว ๆ อย่างงี้ไม่ลังเลเลยค่ะ ขอรถพัดลมดีกว่า ต่อให้เป็นตั๋วเสียตังค์ก็ยอม 
สรุปคือ ได้ตั๋วรถไฟฟรีค่ะ เที่ยว 9.30 น. ก่อนได้ตั๋ว ต้องแสดงบัตรประชาชนด้วยนะคะ

เกร็ดความรู้ : รถไฟฟรีก็คือรถไฟชั้น 3 ที่ไม่เสียค่าบริการ (โดยปกติชั้น 3 ถ้าเป็นเที่ยวเชียงใหม่-ลำปาง 23 บาท)
แต่ค่อนข้างเสียเวลา !! 5555    เพราะ
1.ความล่าช้าของขบวนที่มาถึงสถานี
2.ความล่าช้าของการเดินทาง จากการรับทุกสถานีย่อย (รับแม้กระทั่งสถานีระดับตำบล)

ดังนั้น ถ้าใครมั่นใจว่าจะโดยสารรถไฟฟรี ขอให้เผื่อเวลาจะถึงจุดหมายปลายทางแบบบวกเพิ่มไปอีก 1.5-2 ชั่วโมง โดยประมาณ 

ได้ข่าวมาระยะนึงว่ารถไฟสายเหนือได้เปิดเส้นทางแล้วหลังจากปิดปรับปรุงไปซักพัก
คราวนี้จะกลับบ้านเลยขอกลับแบบนั่งรถไฟไปดีกว่า
ก่อนอื่นเลยปรับแผนเดิมจากฝากรถที่อาเขต มานั่งรถแดงจากหลัง มช มาสถานีรถไฟ
เพราะจะกลับหลายวัน เอารถไปฝากคงเสียตังค์ค่าฝากเยอะกว่าค่ารถแดงแน่
ตีรถมาแต่เช้าเลยค่ะตั้งแต่ประมาณ 7 โมง (แอบเช็คเวลาเดินรถทางเน็ตแล้วว่ามีเที่ยวไปลำปางประมาณ 9 โมงครึ่ง)
เสียค่ารถแดง 50 บาท แค่นั้น

(ทริคเล็กน้อยสำหรับมือใหม่หัดโบกรถแดง : ถ้าโบกจากโซน มช. ไปอาเขต หรือสถานีรถไฟ ราคากลาง ๆ อยู่ที่ 50 บาท ต่อคนค่ะ ใครได้ราคา 40 บาทถือว่าโชคดีมาก แพงสุดที่เคยเจอคือ 60 บาท ถ้ารีบมากก็ให้ ๆ ไปเถอะค่ะ แต่ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็ต่อที่ 50 บาทดู ถ้า 70 ขึ้นไปนี่ถือว่าแพงมากแล้ว)

เดินไปเดินมาไม่รู้จะเอาอะไร สุดท้ายก็มาเลือกกับข้าวพื้นเมือง
ขอแซ่บ ๆ เผ็ด ๆ จัดไปกับลาบหมูดิบถุงนึง ข้าวเหนียวอีก5บาท
อิ่มนี้รวมเป็น 25 บาท (กินบ่อยไม่ดี นาน ๆ ทีไม่เป็นไร  )

ไม่รู้จะมื้อเย็นแบบบ้าน ๆ ได้ที่ไหน ลองแวะมากาดช่างเคี่ยนดูค่ะ
กับข้าวราคาถูก สด ถึงแม้จะมีหลายเชื้อชาติ แต่สะอาด ถูกสุขอนามัยหลายร้านค่ะ
ลองมาสัมผัสบรรยากาศชุมชนกับตลาดเล็ก ๆ อย่าง "กาดช่างเคี่ยน" ได้ทุกเย็นค่ะ
ไม่เริ่ดหรู แต่มีดีแบบพอดูได้จริง ๆ คอนเฟิร์มเลย

ย่านนี้เป็นย่านชุมชนพม่า ไทใหญ่ คนพื้นเมือง
ค่ำ ๆ มาก็ตั้งโต๊ะตั้งแผงขายผักสดบ้าง กับข้าวบ้าง
มีร้านของชำบ้าง มีรถเข็นอาหารบ้าง
ตั้งขายกันตั้งแต่ 5 โมงเย็นโดยประมาณ ตอนค่ำ ๆ ซักทุ่มนึงก็ตลาดวายแล้ว
ทางเป็นทางเลนเดียวรถสวนกันได้ ค่อนข้างแคบหน่อย
เดินทีต้องชิดขอบถนนมาก เพราะอยู่ในชุมชมก็จริง แต่คนในชุมชนค่อนข้างขี่รถเร็วอยู่พอควร

ตอนเป็น นศ.มช. นอกจากตลาดต้นพะยอมที่อยู่ใกล้มอ ไปแวะซื้อของกินบ่อย ๆ แล้ว
กาดช่างเคี่ยน ก็เป็นอีกตลาดนึงที่แวะเวียนมาบ้างเหมือนกันถ้าได้มีโอกาสผ่านโซนโรงแรมภูคำค่ะ
ตลาดนี้เป็นตลาดยามเย็น ขายผัก ขายกับข้าวพื้นเมืองตอนเย็นเป็นส่วนใหญ่

กาดช่างเคี่ยนอยู่ตรงข้ามดังกิ้งโดนัท สาขาโรงแรมเชียงใหม่ภูคำค่ะ
จอดรถตรงข้างโรงแรมแล้วข้ามถนนมาก็จะเจอซอยเล็ก ๆ ข้าง 7-11

ไม่รู้จะเอาอะไร อยากกินแป้ง ๆ ชุ่ม ๆ เนยหน่อย
จัดไปที่โรตีหมักเนย แค่กล่องละ 15 บาทเอง
หาอะไรอุ่น ๆ มาดื่มด้วยหน่อย ก็เข้ากันแล้ว 

สนใจไปอุดหนุนกันได้ตั้งแต่ 5 โมงเย็นเป็นต้นไปค่ะสำหรับร้านค้าเล็ก ๆ แต่มีความอร่อย
ยิ่งช่วงค่ำนี่อุดหนุนกันเยอะ ๆ หน่อยยิ่งดี แม่ค้าจะได้รีบเก็บร้านหนีลมหนาว 
อร่อยจริง ราคาดีจริง น่าอุดหนุนจริง คอนเฟิร์มเลย 

เปิดร้านไม่ทันไร ลูกค้าก็มาต่อคิวสั่งกันแล้ว
มีทั้งไทยทั้งเทศจริง ๆ เพราะอยู่ในย่านท่องเที่ยวด้วย
ใกล้โรงแรมด้วย ใกล้มหาวิทยาลัยด้วย ตรงข้ามกันก็เป็นตลาดอีก
แต่ถึงจะมีลูกค้ามากมายหลายระดับก็ยังขายราคากันเองที่ 10-35 บาท
ถูกแพงขึ้นอยู่กับรูปแบบของเมนู หรือความยากง่ายในการทำ
รับรองว่าอร่อยทุกอย่าง 

ร้านนี้ทำกัน 3 คนค่ะ คนนึงทอด คนนึงแพ็ค คนนึงนวดแป้งอยู่ข้างร้าน
ยิ่งหน้าหนาวยิ่งต้องเตรียมของดี ๆ ต้องคอยเช็คแป้งตลอดเวลา
ในรูปที่เห็นเป็นก้อน ๆ คือเพิ่งเอามาเตรียมตอนเปิดร้านค่ะ
เดี๋ยวก็เอาผ้าคลุมอีกทีนึงแล้ว เห็นใจแม่ค้าอยู่เหมือนกัน
ต้องสู้กับอากาศเย็นในขนาดที่ว่าอีกไม่กี่กิโลก็เป็นเนินขึ้นดอยสุเทพแล้ว
เป็นที่รู้กันดีค่ะว่าหน้าหนาวเนี่ย อยู่ตีนดอยยังหนาวแบบมือแข็งเลย
แม่ค้าแกบ่นอยู่เหมือนกันว่า 3ทุ่มกว่าเริ่มอยู่แทบไม่ได้แล้ว มือไม้แข็งไปหมด 

อากาศเย็น ๆ หนาว ๆ อย่างนี้ ไม่พ้นที่จะหาของอุ่น ๆ อร่อย ๆ แก้หนาวกันแน่นอน
รีวิวนี้จะพาไปทานโรตีอร่อย ๆ ร้อน ๆ ข้างโรงแรมภูคำค่ะ
ทอดสดใหม่ทุกวัน ลูกค้ามาอุดหนุนทั้งไทยทั้งเทศ
เป็นร้านรถเข็นเล็ก ๆ ป้ายเหลือง ๆ อยู่ข้างโรงแรมเชียงใหม่ภูคำฝั่งดังกิ้งโดนัท
ร้านชื่อ "โรตีห้วยแก้ว ซอย3" แต่คนทั่วไปจะเรียกกันติดปากว่า "โรตีภูคำ"
เรียกตามโรงแรมที่อยู่ใกล้กันไม่กี่ก้าวนั่นแหละค่ะ 
เวลาประมาณ 5 โงก็มาตั้งรถเข็นเตรียมของแล้ว 

อาจจะงง ๆ กับเส้นทางนะคะว่าผ่านสถานที่สำคัญอะไรบ้างระหว่างเส้นทาง เชียงใหม่-ลำพูน-ลำปาง หรือ ลำปาง-เชียงใหม่-ลำพูน
ขอสรุปตรงนี้อีกที เท่าที่จำได้นะคะ

ต้นทางเชียงใหม่ : อาเขตเก่า-อำเภอสารภี-เข้าตัวเมืองลำพูน-สถานีขนส่งลำพูน-ศูนย์ราชการลำพูน-ดอยติ-อุทยานขุนตาล-ศาลเจ้าพ่อขุนตาล-อำเภอแม่ทา-กาดทุ่งเกวียน-ศูนย์ฝึกลูกช้าง-แยกห้างฉัตร-มธ.ลำปาง-แยกนาก่วม-ขนส่งลำปาง

ต้นทางลำปาง : สถานีขนส่งลำปาง-มธ.ลำปาง-อำเภอห้างฉัตร-ศูนย์ฝึกลูกช้าง-กาดทุ่งเกวียน-อำเภอแม่ทา-ศาลเจ้าพ่อขุนตาล-อุทยานขุนตาล-ดอยติ-ห้างแจ่มฟ้าพลาซ่า-ที่ว่าการอำเภอลำพูน-พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติหริภุญไชย-วัดพระธาตุหริภุญไชย-สถานีตำรวจลำพูน-โรงเรียนจักรคำคณาธร-สถานีขนส่งลำพูน-อำเภอสารภี-แยกปอยหลวง-สถานีตำรวจภูธรเชียงใหม่-อาเขตฝั่งเก่า

ระยะเวลาต้นทาง-ปลายทาง ใช้เวลา 2 ชั่วโมงโดยประมาณ
ราคาตั๋วโดยสาร 53 บาท ต่อคนค่ะ

เหมาะมากสำหรับนักท่องเที่ยวสะพายเป้ และคนรักการเดินทางแบบไม่เร่งรีบค่ะ
ลองดูกันได้ สำหรับอีกทางเลือกของการเดินทาง "รถเมล์เขียว" 

ถ้านั่งรถเข้าเมืองเชียงใหม่ ก็เห็นตึกชัดดี จำได้ว่าตึกนี้เคยใช้เป็นโลเคชันละครทายาทอสูร 

ข้อได้เปรียบอีกอย่างของการนั่งรถสูง ๆ กระจกกว้าง ๆ คือ ทำให้เราเห็นป้ายข้างทางได้ชัด
ฝึกความจำ เอาไว้เวลาเราขับขี่รถมาเอง จะได้จำเลขทางหลวงได้ 

ด้วยความที่เข้าตัวเมืองลำพูน สถานที่ราชการในตัวเมืองลำพูนก็ผ่านเยอะไปด้วย
เช่น ที่ว่าการอำเภอ สถานีตำรวจ โรงเรียนจักรคำฯ
ถ้าจะมาธุระ แต่ไม่รีบเท่าไหร่ ก็นั่งเมล์เขียวมาลงได้

ถ้าได้เข้าตัวเมืองลำพูน ยิ่งได้เจอตึกเก่า ๆ เยอะเลยค่ะ
อารมณ์คล้าย ๆ ขับรถผ่านย่านท่าแพ

แต่ข้อได้เปรียบอย่างนึงของการนั่งรถเมล์เขียว คือการใช้ชีวิตแบบช้า ๆ เก็บรายละเอียด
มีโอกาสได้สัมผัสบรรยากาศข้างทางแบบใกล้ชิด เหมาะมากสำหรับนักเดินทางที่ชอบถ่ายรูป
บางครั้งก็เห็นป่าเขาชัด ๆ บางครั้งก็เห็นตึกเก่า ๆ ชัด ๆ 

ในรถก็บุโรทั่ง สับปะรังเค ตามมีตามเกิดนิดนึง
กระจกเป็นแบบคล้าย ๆ กระจกรถไฟที่เลื่อนขึ้นลง
บางบานก็สั่นตลอด (แต่ไม่แตกง่าย ๆ หรอกจ้า กระจกหนามาก)
บางบานก็เลื่อนไม่ได้ อาศัยดวงกันนิดนึง
ผ้าม่านจะค่อนข้างเก่าคลุกฝุ่น เอาไว้แค่พอบังแดดได้บ้างบางคราว

ค่าโดยสาร เชียงใหม่-ลำปาง หรือ ลำปาง-เชียงใหม่ ของเมล์เขียว ราคา 53 บาทค่ะ
ถ้าขึ้นจากลำพูนจะไปเชียงใหม่ หรือ ลำพูนจะไปลำปาง ก็ราคา 40 บาท
ถ้าขึ้นจากข้างทาง ราคาก็ลดหลั่นกันไป ไม่เกิน 53 บาทแน่นอน
ซื้อจากโต๊ะขายตั๋วไม่ทัน ก็ขึ้นมาซื้อบนรถได้เลย 

รถมีทุกชั่วโมง เริ่มตั้งแต่ 7 โมงเช้าไปจนถึง 5 โมงเย็นโดยประมาณ
ระยะเวลาเดินทางเชียงใหม่-ลำปาง ใช้เวลา 2 ชั่วโมงโดยประมาณ
ที่ช้ากว่ารถตู้ไปเกือบครึ่ง ก็เพราะตัวรถต้องแวะตัวเมืองลำพูนเข้าสถานีขนส่งลำพูนด้วยค่ะ
ถ้าชอบกินลมชมวิว ไม่เร่งรีบมาก ก็นั่งใช้บริการได้ 

เมล์เขียวเป็นรถโดยสารประจำทางค่ะ
เส้นทางหลัก ๆ คือ สถานีขนส่งอาเขตเก่า สถานีขนส่งลำพูน สถานีขนส่งลำปาง
แต่ก็แวะจอดรับข้างทางบ้าง

ถ้าเป็นเที่ยวที่จะขึ้นจากเชียงใหม่ไปปลายทางลำพูนหรือลำปาง
ให้ไปอาเขตฝั่งเก่านะคะ แล้วมาขึ้นรถฝั่งขวาสุดในภาพ

เที่ยวลำปาง-เชียงใหม่ คือ เที่ยวรถที่เพิ่งมาถึงเชียงใหม่
เที่ยวเชียงใหม่-ลำปาง คือ เที่ยวรถที่กำลังจะออกไปลำพูน ลำปางค่ะ

เคยรีวิวการเดินทางเชียงใหม่-ลำปาง หรือลำปาง-เชียงใหม่แบบเร็วสุดด้วยรถตู้
ในกระทู้ http://www.tripchiangmai.com/chiangmaiboard/index.php/topic,7116.0.html#.UrVIR9JdXqU
คราวนี้ไปแบบชิล ๆ ช้า ๆ ราคาถูกกันบ้างในแบบฉบับของ รถเมล์เขียว
มาลองอีกรถชาติ ขยับจังหวะชีพจรเท้าให้ช้าลงบ้างกันค่ะ 

หมายเหตุ ในรีวิวนี้เจ้าของกระทู้นั่งรถจากลำปางมาเชียงใหม่ค่ะ
ถ้านั่งจากเชียงใหม่ไปลำปาง ก็รถแบบเดียวกันนี้แหละค่ะ
เส้นทางเดียวกัน ต่างกันแค่ขาไปขากลับ ไม่งงกันเนอะ 

ร้านนี้ลูกค้ามีหลายระดับ ทั้งแบบชาวบ้านทั่วไป นักศึกษาที่ผ่านไปมา
ให้เยอะมาก อร่อยด้วย ราคาก็ไม่แพงค่ะ อยู่ในเรทปกติที่ 30-35 บาท
มีก๋วยเตี๋ยวทุกสไตล์ ยกเว้นเมนูน้ำตก นอกจากนั้นยังมีข้าวมันให้กินเล่นด้วย (ไม่ฟรีนะจ๊ะ ควักเพิ่มอีกไม่กี่สิบบาท อิอิ)
หน้าร้านยังมีแผงผักเล็ก ๆ วางผักขายด้วย ได้บรรยากาศชุมชนสุด ๆ ไปเลยค่ะ

แนะนำจริง ๆ ค่ะสำหรับร้านนี้ เปิดทุกวันตั้งแต่ 10 โมงกว่า ๆ ไปจนถึงเย็น ๆ ประมาณบ่าย 4
เหมาะสำหรับหน้าหนาว มาตากอากาศบริสุทธิ์แบบชุมชน สัมผัสบรรยากาศกันเองแบบชุมชน 

ของสะสมเยอะ แต่เก็บเป็นระเบียบดี ไม่ดูรกตา 

เมื่อก่อนเป็นร้านอยู่ในห้องแถวชั้นเดียวเล็ก ๆ ห่างจากวัดร่ำเปิงไปเพียงไม่กี่ก้าว
เดี๋ยวนี้ย้ายมาที่ใหม่ ไม่ไกลจากเดิมเท่าไร แต่กว้างกว่าเดิม ตกแต่งร้านน่านั่งกว่าเดิม
การตกแต่งจะเป็นสไตล์วินเทจยุค 60's โต๊ะเก้าอี้เป็นไม้ทั้งหมด มีทั้งเอาโต๊ะเขียนหนังสือมาทำใหม่
มีทั้งแบบชิงช้า แบบนั่งร้านสูง ๆ เป็นบาร์ก็มี เรียกได้ว่ารองรับลูกค้าได้ค่อนข้างหลากหลาย 
นอกจากโต๊ะเก้าอี้ไม้ ยังมีตู้ใส่ของสะสมโบราณกระจุ๊กกระจิ๊ก ดูแล้วเพลินตาดี 

โพสต์ก่อนเคยพาไปร้านอาหารตามสั่ง "คุณหนิงเส้นอร่อย"
โพสต์นี้เขยิบมาอีกร้านในย่านเดียวกันค่ะ
เลยวัดร่ำเปิงไปประมาณ 100 เมตร ร้านจะอยู่ทางขวามือของถนน
เป็นโถงโล่ง ๆ คล้าย ๆ เพิงไม้ ชื่อร้าน "ปายฟ้า"

ไม่รู้จะสั่งอะไรกับเมนูตามสั่ง มากับเพื่อนแบบไม่รู้เรทราคาด้วย 555
เห็นบรรยากาศร้านดูโอ่โถง แลดูมีกิมมิคแล้วนึกว่าจะแพง เลยสั่งมาแค่ 1-2 เมนูก่อน 
เอาเป็นว่าสั่ง ไข่เจียว มาทานเล่นกับ ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ เมนูแนะนำ
ไม่น่าเชื่อว่าอาหารตามสั่งร้านนี้ไม่แพงจริง ๆ ตกเมนูละ 30-40 บาท
วันหลังจะเฉียดมาร้านนี้อีก ถ้าเผื่อวันไหนหงุดหงิด หาข้าวทานในเมืองไม่ได้ 

แนะนำจริง ๆ ค่ะสำหรับร้านนี้ บรรยากาศดีมาก อาหารไม่แพงอย่างที่คิด ที่สำคัญอร่อยด้วย
ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 9 โมงไปจนถึงประมาณ 4 โมงเย็น
ถ้ามาจากเส้นวัดร่ำเปิง ร้านจะอยู่ฝั่งเดียวกับวัด (ฝั่งซ้ายของถนน) เลยวัดร่ำเปิงมาประมาณ 300 เมตร
คอนเฟิร์มจริง ๆ ค่ะว่าร้านนี้ดีจริง อร่อยจริง 

หน้าห้องน้ำก็ยังตกแต่งเก๋ ๆ อารมณ์เหมือนอยู่บ้านคุณตาคุณยายจริง ๆ 

นอกร้านที่ดูว่าไม่มีอะไร เข้ามาในร้านคือรู้สึกร่มรื่น กว้างขวางมาก
ตัวร้านเป็นไม้ ประดับไม้แกะสลัก อารมณ์บ้านไม้แนวคันทรี แนวเพื่อชีวิตประมาณนั้น
เหมาะมากที่จะมานั่งใจเย็น ๆ ใจร่ม ๆ
หน้าร้อนก็เหมาะที่จะมาหลบร้อน หน้าฝนก็เหมาะที่จะมาหลบฝน สูดกลิ่นน้ำฝน
หน้าหนาวก็เหมาะที่จะนั่งคลออากาศสดชื่น ๆ

ในร้านแบ่งอีกเป็น 2 โซนย่อยค่ะ คือ โซนในร่ม (ที่เป็นโต๊ะไม้อยู่ใต้ชายคา)
กับ โซนในสวน (โต๊ะในสุดติดกับครัว มีน้ำตก มีต้นไม้รายรอบ)

เข้ามาในร้าน มาสัมผัสความร่ม ๆ กันหน่อย 

ชื่อร้านเหมือนจะบอกเป็นนัย ๆ ว่าร้านนี้มีเมนูเส้นเป็นหลัก
จะว่าไปแล้วก็ไม่เชิงค่ะ ขายอาหารตามสั่งทั่วไปซะมากกว่า
เมนูแนะนำก็มีทั้งเมนูเส้น เมนูข้าว เช่น ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ราดหน้าเส้นทอด ข้าวผัดรถไฟ

วนเวียนมาเส้นวัดร่ำเปิงอีกแล้วค่ะ คราวนี้จะพาไปร้านที่สงบ ๆ
อารมณ์เหมือนทานข้าวที่บ้าน ที่ร้าน คุณหนิงเส้นอร่อย เลยวัดร่ำเปิงไปประมาณ 300 เมตรค่ะ
ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือของถนน หน้าร้านจะเงียบ ๆ มองภายนอกนึกว่าไม่ใช่ร้านอาหารจริง ๆ
เพราะคนไม่พลุกพล่าน ตัวร้านจริง ๆ ก็อยู่ลึกเข้าไปอีก

รีบจัด สอบมอคค่าเย็นมาแก้วนึงละกัน
รู้สึกว่าแพ็กเกจไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ น่าจะไม่ใช่แก้วสกรีนลายเต็มแบบนี้น่ะ
ถึงจะมีที่จับกันลื่น แต่ก็รู้สึกลื่นมืออยู่ดี 
รสชาติไม่ค่อยกลมกล่อม แต่ก็พอทานได้ (ไม่ค่อยได้กลิ่นกาแฟเลย รู้สึกว่าโดนความหวานกลบไปเยอะ)
เอาเป็นว่าการสุ่มมาเจอร้านนี้ ถือว่าพอใช้ได้ในเรื่องของบรรยากาศร้าน สำหรับนั่งพักนาน ๆ ไม่รู้จะไปไหน
แต่กาแฟไม่แนะนำให้สั่งจริง ๆ ค่ะ เพราะไม่กลมกล่อมได้รสกาแฟซักเท่าไหร่
เมนูอื่นน่าจะเหมาะกว่า ไว้จะหาโอกาสมาลองชิมอย่างอื่นบ้าง อิอิ

ร้านอยู่หน้า มช. ก่อนจะถึงร้านอาหารอีสานล้านเปอร์เซ็นค่ะ
เปิดทุกวันยกเว้นวันพุธ เปิดตั้งแต่ 7.30 น.-3 ทุ่ม
มี FreeWifi มีปลั๊กเสียบหลายจุดอยู่พอควร
แวะมากันได้ที่ RED CUP ค่ะ

ในร้านจะแบ่งอีก 2 โซนย่อย
โซนตั้งแต่ประตูร้านเข้ามาจะเป็นโซนไอศกรีมโฮมเมด
ถัดมาหน่อยจะเป็นโซนกาแฟ เครื่องดื่มต่าง ๆ เป็นโซนนั่งรอเครื่องดื่มบ้าง นั่งเสียบปลั๊กทำงานยาว ๆ ไปบ้าง
ค่อนข้างมืดหน่อย เพราะใช้แสงไฟน้อย ต้องการแสงจากหน้าร้านเป็นหลัก (สถานที่จริงคือหน้าร้านสว่างจ้าจริง ๆ)
ในร้านมีน้องหมาตัวเล็ก ๆ ป้วนเปี้ยนด้วย ไม่ดุ แต่ป่วนพอควร 

โซนหน้าร้านจะเป็นแนวโอเพ่น อยู่ในสวนเบา ๆ
ตีระแนงไม้ มีไม้เลื้อยเลี้ยงไว้กันแดด มีน้ำตกเล็ก ๆ น้อย ๆ

มีโอกาสได้มาทำธุระหน้า มช ค่ะ เลยแวะซื้อกาแฟติดไม้ติดมือไปด้วย
เดินเลยร้านอีสานล้านเปอร์เซ็นมาก็เจอร้านเล็ก ๆ คูหาเดียว มีโซนโอเพ่นอยู่หน้าสุดของร้าน
ชื่อร้าน red cup

ไส้เผือก ม่วง ๆ นุ่ม ๆ อุ่น

สนใจแวะไปอุดหนุนกันได้ที่กาดรอบเวียงค่ะ
ตั้งโต๊ะขายทุกวัน ตอนค่ำ ๆ ประมาณทุ่มกว่าเป็นต้นไป
เหมาะมากสำหรับหน้าหนาวนี้ เอาไว้กินกับน้ำชา กาแฟร้อน ๆ
ห่อเล็ก ๆ แค่ห่อละ 5 บาทเอง อร่อยด้วย ได้คำโตด้วย 

ไส้มัน เหลือง ๆ นุ่ม ๆ

ซื้อมา 6 ชิ้น 30 บาท เอาแต่ไส้เผือกกับไส้มัน
(จากประสบการณ์รู้สึกว่าไส้กล้วยจะไม่สุกง่ายเท่า 2 ไส้นี้ เลยไม่เอาไส้กล้วย อิอิ  )
จากตลาดมาถึงบ้าน ยังอุ่น ๆ อยู่เลย

ปิ้งกันสด ๆ ร้อน ๆ จากเตา ลูกค้าได้ทานของใหม่ ๆ ร้อน ๆ แน่นอน 

วางอยู่ 3 กระบะ ให้เลือกเอาเองว่าจะเอาไส้อะไร
มีอยู่ 3 ไส้ เผือก มัน กล้วย
ห่อละ 5 บาท

กาดรอบเวียงในลำปางก็คล้าย ๆ กับกาดหลวงที่เชียงใหม่ค่ะ
ที่นอกจากจะขายของกันในช่วงกลางวันแล้ว ช่วงค่ำ ๆ ไปจนดึกก็ยังวางแผงขาย
นอกจากพวกผักปลา ของสดต่าง ๆ แล้ว ก็ยังมีของกินขายบ้างประปราย
รีวิวนี้จะพาไปแวะซื้อข้าวเหนียวปิ้งร้อน ๆ อร่อย ๆ ทานกันในหน้าหนาว
เป็นร้านตั้งโต๊ะขายหน้าร้านทองอีกที ไม่มีชือร้าน แต่มีจุดสังเกตง่าย ๆ  คืออยู่หน้าร้านทอง

ซื้อมา 20 บาท คละกัน (มัน+กล้วย)
ได้เยอะอยู่พอควร
กากแป้งเป็นแป้งผสมถั่วด้วย มัน ๆ อร่อยดี เคี้ยวกันยันกากแป้ง 

แวะไปอุดหนุนกันได้ค่ะสำหรับของอร่อยราคาย่อมเยา
หน้าร้านอาจจะเรียบ ไม่น่าสนใจ แต่อัธยาศัยเจ้าของร้านดีเยี่ยมมาก
อุดหนุนแม่ค้าแก่ ๆ น่ารัก ๆ ร้านนี้ด้วยค่ะ แนะนำจริง ๆ
มาจากเส้นวัดปงสนุก ตรงมาเรื่อย ๆ จะเห็นเพิงเล็ก ๆ ข้างตู้โทรศัพท์ทางซ้ายมือ
อร่อยจริงค่ะ คอนเฟิร์ม 
ขายทุกวัน ตั้งแต่สาย ๆ ไปจนบ่ายแก่ ๆ ค่ะ
(วันไหนที่ร้านปิด คือ แกไปหาหมอค่ะ)

จั่วหัวกระทู้ว่ากล้วยทอดข้างองค์การโทรศัพท์
ก็เพราะเส้นทางนี้เป็นทางไปองค์การโทรศัพท์จริง ๆ ค่ะ
ไปอีก 500 เมตร เลี้ยวซ้ายก็เจอแล้ว 

ร้านนี้คนขายเป็นยายแก่ ๆ คนนึง ใจดี ชวนคุย อัธยาศัยดี
ของสดใหม่ตลอด หลังร้านแกนอกจากจะเป็นที่เก็บของเล็ก ๆ น้อย ๆ
ก็ยังเป็นทางเข้าบ้านแกนั่นแหละค่ะ
ลูกหลานไปทำงานกันหมด แกไม่อยากอยู่เฉย ๆ เลยมาตั้งร้านขาย
ขายมาเป็น 10 ปีแล้ว อร่อยไม่เปลี่ยนแปลง
เมื่อก่อนมีทั้งกล้วยทอด มันทอด เผือกทอด กอยทอด
เดี๋ยวนี้เหลือแต่กล้วยทอด กับมันทอด
ขายตั้งแต่ 10 บาทขึ้นไป แล้วแต่จะเลือกว่าเอาแบบไหน
อย่างเดียว 10 บาท หรือคละกัน 10 บาทก็ว่ากันไป
ถ้าไม่อิ่มก็เพิ่มราคากันได้ 

เห็นกระด้งโล่ง ๆ อย่างนี้คือ ทอดมาเรื่อย ๆ ตลอด ลูกค้าเวียนเข้าร้านตลอดจ้าาา แทบไม่ว่างเลย ๆ 

ตอนเที่ยง ๆ เพิ่งทานข้าวเสร็จ แวะมาหาของทานเล่นค่ะ
เป็นร้านเล็ก ๆ หน้าร้านธรรมดา แต่คนผ่านไปมาแวะซื้อตลอด
ถ้ามาจากถนนเส้นวัดปงสนุก จะเจอหน้าร้านเป็นเพิงเล็ก ๆ อย่างนี้อยู่ทางซ้ายมือ
เป็นร้านไม่มีชื่อ ติดกับตู้โทรศัพท์

แสงสีส้ม ถ่ายลำบากหน่อย 

ถ้าสั่งเป็นเย็นตาโฟจะอร่อยมากค่ะ เข้ากันสุด ๆ อารมณ์ประมาณเย็นตาโฟต้มยำ
(ขนาดติ๊กว่าเย็นตาโฟธรรมดา ยังนึกว่าต้มยำ เผ็ดจริง ๆ   
เคยลองเย็นตาโฟต้มยำแล้ว แบบว่าเผ็ดสุด ๆ นึกว่าก๋วยเตี๋ยวรสเจ็บ    )

รสน้ำซุปที่นี่ก็กลมกล่อมนิดนึงค่ะ เป็นน้ำซุปที่ต้มกับมะระ (ไม่ขมนะ มันจะออกหวาน ๆ แก้เผ็ดได้)
ปรุงรสเผ็ดนำ ให้เครื่องเยอะพอควร ถ้าเป็นพวกไข่ลวกงี้ จะอร่อยมาก ไข่ไม่คาว นุ่มลิ้นสุด ๆ
แนะนำจริง ๆ ค่ะสำหรับใครที่ชอบก๋วยเตี๋ยวสไตล์แซ่บ ๆ หนักท้อง ๆ
(แต่การบริการ ต้องใช้เวลารอพนักงานนิดนึงค่ะ โดยเฉพาะตอนเช็คบิล ช้ามากก  )

แนะนำจริง ๆ ค่ะสำหรับร้านนี้ อร่อย ให้เยอะ สมราคา รอช้านิดหน่อยก็ไม่เป็นไรค่ะ ให้อภัยได้ 

ก๋วยเตี๋ยวร้านนี้จะปรุงรสเผ็ดนำ ถ้าไม่ชอบทานเผ็ดก็เขียนระบุด้วยนะคะ
ใบสั่งเมนูร้านนี้ค่อนข้างละเอียด อ่านดี ๆ ก่อนสั่งนะคะ
(ราคาของก๋วยเตี๋ยวแต่ละแบบ จะเป็นพื้นหลังอย่างที่วงกลมไว้ในรูป
ถ้าไม่สังเกตดี ๆ จะไม่รู้เลยว่าที่สั่งไปราคากี่บาท)

มาอีกแล้วจ้าาา กับการพาไปหาของกินอร่อย ๆ ยามเย็นในย่านกาดมาลินพลาซ่าหน้ามอ
คราวที่แล้วพาไปรีวิวร้านสเต๊กตรงข้ามกับร้านก๋วยเตี๋ยวล้านไข่
คราวนี้มากินก๋วยเตี๋ยวล้านไข่กันบ้าง 
ตัวร้านที่มีตุง (ธง) ห้อยอยู่นั่นแหละจ้า เข้ามาเลย ๆ

ทานข้าวในงานเลี้ยงแล้วไม่อิ่ม อยากกินกาแฟเย็นด้วย อิอิ
ร้านนี้เมนูอาหารตามสั่งราคาจะอยู่ที่ 50 บาทขึ้นไป
ส่วนเครื่องดื่มก็ราคา 50 บาทขึ้นไปเช่นกันค่ะ
เห็นเป็นร้านเล็ก ๆ โล่ง ๆ ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่มีเมนูให้ทานเยอะเหมือนกัน
(ต้องขอใบเมนูมาดู ในนี้ไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้ หิวเกิน รีบสั่ง  )
สไตล์ร้านนี้โดยรวมจะเหมือน ๆ กับร้านอาหารในเชียงใหม่ค่ะ
ต่างกันแค่ราคาถูกกันกว่าหน่อยนึง บรรยากาศเงียบไปหน่อย
(ร้านอยู่ในทำเลดี พอมีคนผ่านไปมา แต่ไม่ใช่แหล่งคนพลุกพล่าน)

วันนั้นที่ไปสั่งมอคค่าเย็นแก้วนึง 45 บาท
น้ำเย็นขวดนึง 15 บาท
ข้าวผัดทะเล 50 บาท
ข้าวราดผัดพริกแกงทะเล 50 บาท

อร่อย บรรยากาศดี แอบปักหมุดในใจเลยค่ะสำหรับร้านนี้ ถ้ามีโอกาสมาอีกแน่นอน
เพราะบอกตามตรงว่าในลำปางจะหาร้านสไตล์ใกล้เคียงกับเชียงใหม่ยากมากกก
(โดยเฉพาะร้านกาแฟที่สามารถนั่งได้หลาย ๆ ชั่วโมง สไตล์นั่งลากยาว)

ร้านนี้เปิดประมาณ 11 โมงถึง 5 ทุ่มค่ะ
อยู่ข้างโรงแรมเวียงทอง แนะนำจริง ๆ ค่ะสำหรับร้านนี้
ไว้นัดพบ พูดคุย หาอะไรทาน นั่งจิบกาแฟไป ทำงานไป มี FreeWifi ด้วย 

เป็นร้านเล็ก ๆ กั้นกระจกใส เฟอร์นิเจอร์ไม้
บรรยากาศโดยรวมสบายตา
ลูกค้ายังไม่ค่อยมาก เพราะเป็นร้านเพิ่งเปิดใหม่
แต่ก็คงไม่ถึงกับซบเซา เพราะส่วนนึงก็เป็นลูกค้าที่มาจากโรงแรมข้าง ๆ กัน

วันเสาร์ที่ผ่านมาพี่สาวได้จัดงานแต่งงานที่โรงแรมลำปางเวียงทอง
หลังเลิกงานเลยว่าจะหาร้านนั่งเล่นกันก่อนกลับบ้าน
ก็เจอร้านเล็ก ๆ ร้านนึงข้างโรงแรมพอดี เป็นร้านเปิดใหม่ ๆ 1 คูหา
ชื่อร้าน Majim Coffee (มาจิม คอฟฟี่)
อยู่ตึกแถวก่อนเลี้ยวเข้าตัวโรงแรม

ได้มาแล้ว ชาเย็น 
นอกจากราคาไม่แพง ยังชอบนมที่ผสมไปกับเครื่องดื่มของร้านนี้ด้วยแหละ
ถ้าเป็นร้านทั่วไปกินแล้วมันจะได้กลิ่นนมผง หวานเข้มติดลิ้น
บางร้านก็เป็นนมจืดที่เจือจางเกินไป (ละลายน้ำแข็งยังไม่หมดก็จืดแล้ว  )
แต่ร้านนี้ค่อนข้างชอบที่ว่ามันได้กลิ่นอายนมแบบละมุนลิ้น มีความมัน ๆ ติดอยู่ด้วย
ถ้าเป็นชาเย็นคือไม่จืดอ่ะ อร่อยแบบมันผสมเข้ากันจริง ๆ ไม่โดนน้ำแข็งแยกกันง่าย ๆ
อยากให้ลองจริง ๆ ค่ะสำหรับร้านกาแฟข้างทาง "กาแฟสดสังคม"
(ถ้าซื้อเยอะ ๆ หยิบหูหิ้วเองเน้อ (ในรูปล่างสุด) ทางร้านมีบริการให้ด้วย  )

บางทีถ้ามีเมนูเพิ่มนอกเหนือจากบอร์ดบนหัว ก็จะเขียนบอกลูกค้าล่วงหน้าไว้ก่อน

ขนมทานเล่น หรืออาหารเร่งด่วนอย่างมาม่าก็มีเน้อ

อยากกินอะไร ให้เขียนสั่งแล้วเสียบคิวจ้า
ถ้าคิวไม่เยอะ ก็สั่งปากเปล่าได้
เรทราคาทั้งขนม เครื่องดื่ม จะประมาณ 20-25 บาท ทั้งนั้น
(ยกเว้นว่าอยากเพิ่มวิป เพิ่มลูกเล่นอะไร ราคาก็จะขึ้นมานิดหน่อย 5-10 บาท)
เป็นราคาที่แบงค์ 50 ก็เอาอยู่ 

เดิมกาแฟสดสังคม มีแค่ใน มช.
สาขาต้นตำรับจริง ๆ คือ ในคณะสังคมศาสตร์ มช.
จึงเป็นที่มาของร้าน "กาแฟสดสังคม"
ต่อมาก็แตกสาขาไปที่ระหว่างคณะรัฐศาสตร์ฯกับ ธ.ไทยพาณิชย์ สาขา มช. เป็น "กาแฟรัฐศาสตร์"
แล้วก็ขยายมา นอก มช. เท่าที่เห็น มี 3 สาขา คือ ข้างหอพักเพชรเหนือ ข้างแจ่มฟ้าพลาซ่า และสาขาสวนดอก
(3 สาขาที่มาแตกหน่อข้างนอกก็ยังชื่อ "กาแฟสดสังคม" จ้า,,
กาแฟรัฐศาสตร์ เอาไว้เรียกชื่อร้านตามที่ติดกับคณะดังกล่าว เพื่อกันความสับสนเฉพาะใน มช.)

สาขาที่พามาชิมนี้เป็นสาขาข้างแจ่มฟ้าพลาซ่าจ้า อร่อยพอ ๆ กับต้นตำรับ
(เคยกินสาขาต้นตำรับ ตั้งแต่ยังไม่ขยายสาขาเพิ่ม ตั้งแต่เรียน ป.ตรีจนจบแล้ว รสชาติก็กลมกล่อมพอ ๆ กัน)
ทางเข้าออกลำบากนิดนึง ถ้าเป็นรถใหญ่ ให้จอดติดถนนใหญ่แล้วค่อยข้ามมาซื้อจะดีกว่า
ถ้าเป็นมอไซค์ ให้จอดหน้าห้างแจ่มฟ้า หรือข้าง ๆ ร้านกาแฟ

หลายกระทู้ที่ผ่านมา จขกท. เคยไปแต่ร้านกาแฟประเภทนั่งในร้านได้
รีวิวนี้ขอพามาเจิมร้านกาแฟแบบร้านเล็ก ๆ ไม่มีที่ให้นั่งแต่ต้องสั่งกลับบ้าง
ถ้าจะเทียบก็เป็นร้านสไตล์เฟรนส์ชาย มีหน้าร้านเล็ก ๆ เช่น กาแฟตามปั๊มน้ำมัน หรือช็อปขายชาไข่มุกเล็ก ๆ
ภูมิใจนำเสนอที่ร้าน "กาแฟสดสังคม" จ้าาา 

เพิ่งออกกำลังกายมา กลัวอ้วน ขอสั่งเบา ๆ เป็นสลัดเบคอน
(ตอนแรกสั่งสลัดไส้กรอก แต่ไส้กรอกหมด )
ได้มาแล้วววววว ใหญ่บึ้มมาก ซอสฉ่ำมาก
จานนี้แค่ 59 บาท + น้ำขวดนึง 10 บาท มื้อนี้จ่ายไป 69 บาท

แนะนำจริง ๆ สำหรับร้านนี้ ได้เยอะคุ้มอิ่ม อร่อยเกินราคา 
ไว้วันหลังทานหนักกว่านี้จะมาโพสต์รูปอีกเนอะ วันนั้นไปแบบไม่อยากกินเยอะ 
อยากไปลองจัดหนักสไตล์อาหารฝรั่ง แนะนำเลยค่ะที่ FoodGoodies
ร้านเล็ก ๆ ในโครงการมาลินพลาซ่า ตรงข้ามก๋วยเตี๋ยวล้านไข่ ขายตั้งแต่ 6โมงเย็น-5ทุ่มโดยประมาณ

อีกอย่างที่แนะนำ คือ ถ้าใครหิวจัด รอไม่ไหว ถึงโต๊ะจะว่างหลายโต๊ะ ร้านนี้คงไม่เหมาะค่ะ
เจ้าของร้านทำช้ามากกกกก  (ในร้านมีกัน2คนพ่อลูก) ถ้ารอได้ก็จะคุ้มค่าการรอจริง ๆ เพราะให้เยอะกลัวไม่อิ่มสุด ๆ