ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
เมษายน 26, 2024, 03:55:14 AM
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: ประกาศ การกระทำใดๆ  เพื่อที่จะให้กระทู้ตัวเองมาอยู่อันดับต้นๆ ประจำ หากพิจารณาแล้วว่า ไม่เกิดประโยชน์กับผู้เข้าชม  ก็รับสิทธิ์โดนแบนเหมือนกันครับ


จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2  |  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ  |  แนะนำ สถานที่ท่องเที่ยว ในตัวเมืองเชียงใหม่  |  หัวข้อ: เดินเที่ยวถนนท่าแพแบบชิคๆ ไปกับสถาปัตยกรรม 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: เดินเที่ยวถนนท่าแพแบบชิคๆ ไปกับสถาปัตยกรรม  (อ่าน 4668 ครั้ง)
Dockaturk
Hero Member
*****
กระทู้: 811



ดูรายละเอียด อีเมล์
« เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2016, 10:34:13 PM »


ถ้าให้นึกถึงถนนเดินเที่ยวเชียงใหม่ในวันธรรมดา เดินดูบ้านเมือง สถาปัตยกรรม ความเป็นไปของสังคมผู้คน ถนนท่าแพคงเป็นช้อยส์ที่เหมาะด้วยเหตุผลหลายอย่างด้วยกันครับ

อย่างแรกคือระยะทางเดินจากเชิงสะพานนวรัฐมายังประตูท่าแพนั้นไม่ไกลมาก อย่างที่สองระหว่างทางทั้งสองฝั่งเต็มไปด้วยวัดวาอารามที่มีสถาปัตยกรรมประวัติศาสตร์มากมาย อย่างที่สามถนนแห่งนี้ในอดีต เป็นถนนสายสำคัญที่พ่อค้าชาวพม่าและไทยใหญ่ นำสินค้าที่มาจากทางเหนือของไทยเลยไปทางแถบมณฑลยูนนานของจีนมาค้าขาย และอย่างที่สี่ถนนเส้นนี้ไม่มีสายไฟกันครับ ทัศนียภาพมันเลยค่อนข้างจะดี ไม่มีอะไรมาระเกะระกะตา

ช่วงเวลาเหมาะสมที่แนะนำคือช่วงบ่ายแก่ๆ ของวันธรรมดาครับ เหมาะเป็นอย่างยิ่งในการเดินเล่นถ่ายภาพ เมื่อยก็พักหาร้านกาแฟนั่งตากแอร์เย็นๆ ก็ได้ พอหายเหนื่อยก็ค่อยเดินเล่นกันต่อ

แต่ก่อนจะไปเดินเล่นสำรวจเมืองว่ามีอะไร ไปดูกันก่อนว่าถนนแห่งนี้มีที่มายังไงบ้าง

ถนนท่าแพ เชียงใหม่


ถนนท่าแพ ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของตัวเมืองเชียงใหม่ หากมองย้อนไปในอดีตในกำแพงเมืองเชียงใหม่เป็นย่านที่พักอาศัยของเจ้าหลวงเชียงใหม่และเจ้านายฝ่ายเหนือที่เป็นญาติพี่น้อง ถัดไปนอกกำแพงเมืองด้านทิศตะวันออกเป็นย่านค้าขายของชาวพม่าและชาวไทยใหญ่ที่มาตั้งรกรากอยู่เนิ่นนานมาแล้ว และในยุคเดียวกันนี้หากข้ามแม่น้ำปิงไปทางฝั่งตะวันออกบริเวณย่านวัดเกตการามก็เป็นที่อยู่อาศัยของชาวจีนที่อพยพมาตั้งรกรากประกอบอาชีพค้าขายทางเรือกันอย่างหนาแน่น

การเริ่มต้นตั้งถิ่นฐาน เชื่อได้ว่าชาวพม่าและไทยใหญ่ย่านถนนท่าแพน่าจะมาตั้งรกรากก่อนชาวจีนที่ย่านวัดเกตการาม เนื่องจากย่านถนนท่าแพน่าเชื่อว่าเป็นกลุ่มชนที่ถูกเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่และบุตรหลานกวาดต้อนมาจากทางเหนือของเมืองเชียงใหม่ในยุคหลังฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่

สำหรับสถานที่น่าสนใจแห่งแรก หากเริ่มเดินมาจากสะพานนวรัฐมุ่งหน้ามายังประตูท่าแพ ซ้ายมือเป็นที่ตั้งของ วัดอุปคุต วัดเพียงหนึ่งเดียวในดินแดนล้านนา ที่สืบสานประเพณีตักบาตรเป็งปุ๊ดมาไม่ต่ำกว่า 250 ปี จากหลักฐานประวัติของวัดที่มีการบูรณะฟื้นฟูครั้งใหญ่ใน พ.ศ.2300 พบว่ามีการสืบทอดประเพณีตักบาตรเป็งปุ๊ดมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ในวิหารวัดยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสีน้ำมันเรื่องพระเวสสันดรชาดก ซึ่งสะท้อนวิถีชีวิตของชาวเหนือ วาดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2470 โดยพ่อบุญปั๋ง พงษ์ประดิษฐ์ ศิลปินล้านนา อาคารที่มีลักษณะแปลกตาอีกหลังหนึ่งคือหอเก็บพระพุทธรูปทรงลูกบาศก์ ยกพื้นสูงมีลายปูนปั้นประดับอยู่โดยรอบผนังด้านนอก ทวารบาลเป็นยักษ์ปูนปั้น บานประตูลงรักปิดทอง อันมีลวดลายที่วิจิตรงามตา


* 38745757_1.jpg (200.84 KB, 800x533 - ดู 820 ครั้ง.)

* 38745757_2.jpg (221.76 KB, 800x533 - ดู 819 ครั้ง.)

* 4575_2.jpg (427.05 KB, 800x533 - ดู 803 ครั้ง.)

* 4575_1.jpg (412.35 KB, 800x533 - ดู 789 ครั้ง.)

* 4575_3.jpg (396.58 KB, 800x533 - ดู 786 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 22, 2016, 02:36:40 PM โดย TripChiangmai » บันทึกการเข้า
Dockaturk
Hero Member
*****
กระทู้: 811



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2016, 11:09:12 PM »


เดินทอดน่องชมเมืองมาเรื่อยจากวัดอุปคุตมา ก่อนถึงถนนช้างม่อยตัดใหม่ ฝั่งขวามือใกล้กับสะพานแม่ข่า ตรงนี้มีอาคารที่น่าสนใจกันครับ เป็น อาคารทีเฮาส์ สยามศิลาดล คาดว่ามีอายุราว 90 ปี เป็นอาคารเรือนค้า 2 ชั้น ได้รับอิทธิพลตะวันตกแบบเรือนขนมปังขิงที่มีลวดลายไม้ฉลุต่างๆ ประดับตามองค์ประกอบอาคารทั้งภายในและภายนอก รองรับฐานรากด้วยซุงแพ และเทพื้นทับ

จากหลักฐานที่พอจะหาได้ เชื่อว่าเจ้าของรายแรกเป็นพ่อค้าไม้ ในเวลาต่อมาได้กลายเป็นอาคารเป็นที่พำนักและรักษาพยาบาลของแพทย์ผู้หนึ่ง กระทั่งเจ้าของปัจจุบันซื้อต่อมาในราวยี่สิบปีก่อนและให้ผู้อื่นเช่า หลังจากเลิกการเช่า เจ้าของได้ทำการซ่อมแซมเสริมโครงสร้างอาคารเดิมให้แข็งแรงขึ้น โดยมีแนวคิดยึดรักษาโครงสร้างเดิมไว้ นานกว่า 2 ปีที่เจ้าของและสถาปนิกใช้เวลาในการซ่อมแซม สรรหาส่วนประดับตกแต่ง ใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ กว่าจะแล้วเสร็จจนได้อาคารรูปแบบดั้งเดิมที่มีพื้นที่ใช้สอยอย่างสะดวกสบายเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบัน อาคารทีเฮาส์ สยามศิลาดล ใช้เป็นร้านจัดแสดงผลิตภัณฑ์ โดยส่วนหน้าเปิดเป็นที่จัดแสดงและจำหน่ายเซรามิกของ "สยามศิลาดล" และเครื่องดื่ม "ชาระมิง"

จากนั้นเมื่อถึงแยกถนนช้างม่อยตัดใหม่ตรงหัวมุมเป็นที่ตั้งของ วัดแสนฝาง อันมี “พระเจดีย์มงคลแสนมหาชัย” เจดีย์ทรงพม่าสีขาว ตกแต่งลวดลายปูนปั้นวิจิตรงดงาม มีความสูง 49 เมตร  และมีวิหารลายคำ 1 หลัง ซึ่งพระเจ้าอินทวิชยานนท์ และเจ้าทิพเกสรราชเทวี ได้โปรดให้รื้อพระตำหนักที่ประทับของพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ ไปปรับปรุงดัดแปลงสร้างเป็นวิหารปิดทองล่องชาดทั้งหลังและถวายวัดเมื่อ พ.ศ. 2420 วิหารเป็นทรงล้านนา หลังคาเตี้ยและลาดต่ำ ประดับด้วยลวดลายไม้แกะสลักและปูนปั้นปิดทอง

พอข้ามมายังฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ กับวัดแสนฝาง เป็นที่ตั้งของ วัดบุพพาราม ที่ครั้งหนึ่ง ภาพยนตร์จีนเรื่อง Lost in Thailand  เคยมาถ่ายทำกันที่นี้ และหนังก็สร้างผลกระทบอย่างรุนแรง จนทำให้นักท่องเที่ยวจีนหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวเชียงใหม่จำนวนมาก

วัดนี้แต่เดิมเป็นพระราชอุทยานของพระเจ้าติโลกราชกษัตริย์ผู้ครองนครเชียงใหม่ สิ่งที่น่าสนใจ คือที่หอมณเฑียรธรรม พระเจ้าดิลกปนัดดาธิราชรับสั่งให้สร้างสำหรับประดิษฐานพระไตรปิฎกฉบับลงทองของล้านนาไทย เป็นศิลปหัตถกรรมล้านนา ประดับตกแต่งอย่างประณีตสวยงามเหมือนเวชยนต์ปราสาท โดยในส่วนชั้นล่างของหอมณเฑียรธรรม จะมีตู้เก็บพระไตรปิฎก ฉบับใบลานล้านนาไทย และรูปภาพต่างๆ และด้านชั้นบนเป็นที่เป็นประดิษฐานองค์พระพุทธบุพพาภิมงคล ภ.ป.ร ที่สร้างถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขนาดหน้าตักกว้างเท่าพระชนมายุ นอกจากนี้ก็ยังมีพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกตจำลอง) พระพุทธนเรศร์ลักชัยไพรีนินาศ พระพุทธรูปไม้สัก องค์ใหญ่ที่สวยงาม มีพระบรมธาตุเจดีย์ บรรจุพระเกศาธาตุ เป็นศิลปกรรมผสมพื้นเมือง พม่า มอญ


* 4575_8.jpg (320.47 KB, 800x533 - ดู 756 ครั้ง.)

* 4575_7.jpg (702.4 KB, 800x533 - ดู 763 ครั้ง.)

* 4575_5.jpg (362.44 KB, 800x533 - ดู 777 ครั้ง.)

* 4575_4.jpg (551.07 KB, 800x533 - ดู 752 ครั้ง.)

* file1ttttt.jpg (383.11 KB, 800x533 - ดู 762 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 22, 2016, 02:37:46 PM โดย TripChiangmai » บันทึกการเข้า
Dockaturk
Hero Member
*****
กระทู้: 811



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2016, 11:12:12 PM »


พักเบรกจากการชมวัด ด้วยการแวะมาที่ “สล่ามองโอสถ” ตรงข้ามกับธนาคารธนชาติ เป็นร้านขายยาแผนโบราณเก่าแก่ ที่ด้านหน้าร้านจะมีน้ำยาธาตุแก้วละ 5 บาท วางขาย ที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติชอบแวะมาดื่ม เพิ่มความกระชุ่มกระชวย กับส่วนประกอบที่มีทั้งขิง ดีปลี ไพล พริกไทยดำ ในรสชาติน้ำยาธาตุออกหวาน – เผ็ด สรรพคุณช่วยขับลมในร่างกาย บำรุงธาตุ แก้ร้อนใน ปวดหลัง ปวดเอว เพิ่มความกระชุ่มกระชวยแก่ร่างกาย เลือดลมฉีดพล่าน

เดินมาหน่อย เป็นที่ตั้งของ วัดมหาวัน วัดเก่าแก่ที่ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้าง และได้รับการบูรณะในสมัยพระเจ้ากาวิละ เมื่อครั้งที่พระองค์ได้ทรงกอบกู้เอกราชคืน หลังจากที่เชียงใหม่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่ามายาวนานถึง 200 ปี เป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชน ชาวไทใหญ่ และพม่ามาแต่อดีต มีศิลปกรรมภายใน ประกอบด้วยศิลปะล้านนา พม่า และไทใหญ่ อย่างพระวิหารทรงล้านนา ภายในประดิษฐาน “พระเจ้าโต” พระพุทธรูปศิลปะพม่า ที่สร้างขึ้นในคราวเดียวกับที่สร้างพระวิหาร

มีเจดีย์ประธาน เป็นเจดีย์ศิลปะพม่า ที่สร้างครอบเจดีย์เก่าทรงล้านนา เมื่อครั้งบูรณะวัด มีองค์ระฆังประดับลวดลายปูนปั้น ฐานสี่เหลี่ยมย่อมมุมประดับลวดลาย มีซุ้มประจำทิศทั้งสี่ทิศ

สุดท้าย มาจบที่ ประตูท่าแพ อีกหนึ่งประตูเมืองสำคัญของเชียงใหม่ในอดีต ที่มีชื่อเดิมคือ ประตูเชียงเรือก เป็นประตูทางทิศตะวันออก และเป็น 1 ใน 5 ประตูเมืองชั้นในของเวียงเชียงใหม่ ปัจจุบันเป็นประตูเมืองเพียงแห่งเดียวที่มีบานประตู

ทั้งนี้ ประตูท่าแพซึ่งตั้งอยู่ในปัจจุบันนี้ เทศบาลนครเชียงใหม่และกรมศิลปากรได้ร่วมกันสร้างขึ้นมาใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2528 โดยอาศัยหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี ประกอบกับภาพถ่ายประตูเมืองเชียงใหม่ประตูหนึ่ง ซึ่งถ่ายเมื่อปี พ.ศ. 2422

ประตูท่าแพที่ถูกเรียกกันในปัจจุบันนั้น แท้จริงมีนามว่า "ประตูเชียงเรือก" เพราะอยู่ใกล้หมู่บ้านเชียงเรือก สร้างขึ้นครั้งแรกในรัชสมัยพญามังราย เมื่อแรกตั้งเมืองเชียงใหม่ในปี พ.ศ. 1839 ส่วนประตูท่าแพของจริงนั้นเดิมเคยตั้งอยู่บริเวณสี่แยกวัดแสนฝาง ซึ่งเป็นประตูของแนวกำแพงเมืองชั้นนอก ต่อมาเมื่อมีการรื้อแนวกำแพงชั้นนอกออกจึงเหลือแต่ประตูเชียงเรือกที่เป็นประตูชั้นใน ชาวบ้านจึงเรียกประตูเชียงเรือกนี้ว่าประตูท่าแพแทน

ในสมัยโบราณ คำว่า "เชียง" หมายถึง "เวียง" หรือ "เมือง" ส่วนคำว่า "เรือก" นั้นมีความหมายอีกอย่างหนึ่งว่า เรือ หรือ เฮือ ซึ่งหมายถึง พาหนะที่ใช้เดินทางไปมาทางแม่น้ำ คู ครอง ฝายเหมือง เป็นต้น ดังนี้ คำว่า "เชียงเรือก" หากพูดเป็นภาษาชาวบ้าน ก็อาจแปลออกมาได้เป็นเชียงเรือ หรือเวียงเรือ ซึ่งก็หมายถืงเมืองของเรือ ที่ขายของทางเรือ หรือสถานที่มีเรือมากก็ว่าได้ เหตุนี้ในสมัยต่อมาจึงถูกเรียกว่าท่าแพ ซึ่งก็มีความหมายเดิม คือที่จอดแพหรือเรือ มีความหมายเดียวกันคือ เมืองของเรือ ที่ขายของทางเรือ หรือสถานที่มีเรือมาก


* 4575_9.jpg (279.83 KB, 800x533 - ดู 736 ครั้ง.)

* 4575_11.jpg (401 KB, 800x533 - ดู 729 ครั้ง.)

* 4575_10.jpg (314.75 KB, 800x533 - ดู 725 ครั้ง.)

* 38745757_3.jpg (237.15 KB, 800x533 - ดู 728 ครั้ง.)

* 38745757_4.jpg (169.48 KB, 800x533 - ดู 725 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 22, 2016, 02:38:22 PM โดย TripChiangmai » บันทึกการเข้า
chiangmai food
Full Member
***
กระทู้: 138


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 22, 2016, 02:34:29 PM »


ถนนเส้นนี้ สวยครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 19, 2018, 10:58:40 AM โดย auto » บันทึกการเข้า
TripChiangmai
Administrator
Full Member
*****
กระทู้: 116


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 22, 2016, 02:59:55 PM »


แนะนำ

ที่พักเชียงใหม่ถนนท่าแพ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 22, 2016, 03:00:30 PM โดย TripChiangmai » บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ขึ้นบน พิมพ์ 
จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2  |  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ  |  แนะนำ สถานที่ท่องเที่ยว ในตัวเมืองเชียงใหม่  |  หัวข้อ: เดินเที่ยวถนนท่าแพแบบชิคๆ ไปกับสถาปัตยกรรม « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  




Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.5 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.052 วินาที กับ 20 คำสั่ง