ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
มีนาคม 29, 2024, 03:02:49 AM
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: ประกาศ การกระทำใดๆ  เพื่อที่จะให้กระทู้ตัวเองมาอยู่อันดับต้นๆ ประจำ หากพิจารณาแล้วว่า ไม่เกิดประโยชน์กับผู้เข้าชม  ก็รับสิทธิ์โดนแบนเหมือนกันครับ


จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2  |  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ  |  แนะนำ โครงการหลวง Royal Project  |  หัวข้อ: เมื่อดอกนางพญาเสือโคร่งบานสะพรั่ง ที่ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) 2560 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อดอกนางพญาเสือโคร่งบานสะพรั่ง ที่ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) 2560  (อ่าน 21693 ครั้ง)
Dockaturk
Hero Member
*****
กระทู้: 811



ดูรายละเอียด อีเมล์
« เมื่อ: มกราคม 13, 2017, 02:31:35 PM »


ย่างเข้ากลางเดือนมกรา เป็นที่ทราบกันดีว่าในเชียงใหม่ นี่คือช่วงแห่งการล่าเสือ!

เสือที่ว่านั้น คือ ดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่ทุกคนโหยหา อยากจะไปชมความงามของมันให้ชุ่มช่ำหัวใจ และหนึ่งในสถานที่สุดฮิตและสุดฮอต ก็คือ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) ที่ตั้งอยู่ที่ บ้านขุนวาง หมู่ 12 ต. แม่วิน อ. แม่วาง ในแนวเทือกเขาอินทนนท์ ห่างจากถนนสายหลักเข้าไปถึง 16 กิโลเมตร

การเดินทางมายังศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) มีด้วยกันหลายวิธีเลือกเอากันได้ตามสะดวกครับ ไล่ไปตั้งแต่ รถยนต์ส่วนตัว สามารถเลือกเส้นทางได้ 2 เส้นทาง คือ

เส้นทางแรก จากจังหวัดเชียงใหม่ผ่าน อ.สันป่าตอง แยกเลี้ยวขวาหน้าธนาคารกสิกรไทย (สาขาสันป่าตอง) เข้าสู่เส้นทางหมายเลข 1013 ไป อ.แม่วาง ผ่านอ.แม่วางไปจะมีทางแยกซ้ายมือให้เลี้ยวซ้าย จากนั้นเส้นทางจะลัดเลาะขึ้นภูเขาไปอีกประมาณ 40 กิโลเมตรช่วงสุดท้ายของเส้นทางนี้จะเป็นถนนดินแดงประมาณ 3 กิโลเมตร เส้นทางนี้รวมระยะทาง 86 กิโลเมตรใช้เวลาประมาณ 1.5 ชั่วโมง

เส้นทางที่สอง
จากจังหวัดเชียงใหม่ ใช้เส้นทางหมายเลข 108 ไป อำเภอจอมทอง ก่อนเข้าตัวอำเภอจอมทอง 1 กิโลเมตรตรงหลัก กม. ที่ 54 เลี้ยวขวาเข้าสู่เส้นทางหมายเลข 1009 เส้นทางขึ้นสู่ดอยอินทนนท์ จนถึงกิโลเมตรที่ 31 เลี้ยวขวา เป็นถนนราดยางไปประมาณ 17 กิโลเมตรก็จะถึงที่ตั้งศูนย์วิจัยเกษตรหลวงดอยขุนวาง รวมระยะทาง 115 กิโลเมตรใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง รถตู้ รถเก๋งสามารถขึ้นได้

โดยการเดินทางของผมครั้งนี้ ผมเลือกเส้นทางแรก เพราะมันใกล้กว่า แถมถนนหนทางก็ยังดี อาจจะมีเลาะไปตามเขาบ้าง แต่ไม่ได้คดเคี้ยวจนน่ากลัว มอเตอร์ไซค์ขับไปได้สบายๆ (ผมขับไปมาแล้ว)

ส่วนใครที่ต้องใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ มีรถโดยสารประจำทางจากประตูเชียงใหม่ มาถึงจอมทอง จากนั้น ต้องต่อรถสองแถวจอมทอง แม่แจ่มลงตรงทางแยกขึ้นดอยอินทนนท์ที่ กิโลเมตร 31 จากจุดนี้ต้องเหมารถสองแถวให้ขึ้นไปส่งที่ขุนวางอีกประมาณ 17 กิโลเมตรหรือเหมารถตั้งแต่ที่อำเภอจอมทองเลยก็ได้ ใครมาคนเดียว ก็ไปหารค่ารถกับชาวบ้านที่มาเป็นหมู่คณะเอา สนุกดี ไม่ต้องไปซีเรียสกันครับ



* khunwang1_1.JPG (493.41 KB, 800x533 - ดู 4231 ครั้ง.)

* khunwang1_2.JPG (495.65 KB, 800x533 - ดู 4178 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 16, 2017, 03:17:01 PM โดย TripChiangmai » บันทึกการเข้า
Dockaturk
Hero Member
*****
กระทู้: 811



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: มกราคม 13, 2017, 02:32:32 PM »


สำหรับศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ ขุนวาง (คนละที่กับศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนวางนะ) ตั้งอยู่บนดอยอินทนนท์ ได้รับการจัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2525 ครั้งนั้น พระบาท สมเด็จพระเจ้า อยู่หัวเด็จพระราชดำเนินไปยังบ้านขุนวางเป็นครั้งแรก ทรงทอดพระเนตรเห็นว่า บริเวณนี้ยังคงมีการปลูกพืชเสพติด เช่น ฝิ่น อยู่เป็นจำนวนมาก จึงเห็นควรส่งเสริมให้มีการปลูกพืชชนิดอื่นๆ ที่มีรายได้ทัดเทียมหรือดีกว่าปลูกฝิ่น จึงรับสั่งให้หน่วยงาน ในพื้นที่ช่วยกันพิจารณาปรับปรุงและพัฒนา ในครั้งนั้นเอกอัครราชทูตอเมริกาได้รับสนองนโยบาย โดยให้การสนับสนุนงาน ประมาณสมทบ จากนั้นศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) จึงได้เริ่มต้นดำเนินงานอย่างจริงจังในปี พ.ศ. 2528

สภาพพื้นที่ของโครงการส่วนใหญ่ถูกโอบล้อมด้วยเทือกเขาสลับซับซ้อนกันครับ มีแอ่งที่ราบระหว่างภูเขาเพียงเล็กน้อย อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลราว 1,300 – 1,400 เมตร มีแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านคือ แม่น้ำขุนวางขวา และแม่น้ำขุนวางซ้าย ประชากรในพื้นที่เป็นชาวเขา เผ่ากระเหรี่ยง และม้ง รวมทั้งสิ้น 7 หมู่บ้าน ขึ้นอยู่กับตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่ในความรับผิดชอบ ทั้งสิ้นราว 29,304.90 ไร่ โดยแบ่งพื้นที่ในการดำเนินการของโครงการประมาณ 30 ไร่


* khunwang1_3.JPG (414.58 KB, 800x533 - ดู 3931 ครั้ง.)

* khunwang1_17.JPG (564.96 KB, 800x533 - ดู 3981 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 16, 2017, 03:16:14 PM โดย TripChiangmai » บันทึกการเข้า
Dockaturk
Hero Member
*****
กระทู้: 811



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: มกราคม 13, 2017, 02:33:41 PM »


ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ ขุนวาง แบ่งขอบเขตการทำงานออกเป็น งานวิจัยไม้ดอก ไม้ผลและพันธุ์ไม้ เช่น คาร์เนชั่น องุ่น สตอเบอร์รี่ เฟินและลินิน ผสมผสานไปกับงานพัฒนาด้านการเกษตรในเรื่องการปลูกกาแฟ เพื่อเพิ่มผลผลิตมากที่สุด นอกจากนี้ยังมีการทำแปลงสาธิตเพื่อรวมสายพันธุ์ชนิดต่างๆ ทั้งไม้ดอก ไม้ผล ผักและชาจีน ตลอดจนงานขยายพันธุ์คาร์เนชั่น ลิอะทริส หน้าวัว แวกซ์ฟลาวเวอร์ แคลลี่ลิลี่ อัลสโตรมีเรีย และเฟิน 

งานส่งเสริมพืชผักเมืองหนาว มีให้คำแนะนำและให้ความรู้แก่เกษตรกรในการปลูกและขายกะหล่ำปลี กะหล่ำดาว การปลูกหอมญี่ปุ่น และกระเทียมต้น วิธีการบำรุงรักษาต้นไว้ไม่เก็บเกี่ยวในขณะที่มีราคาต่ำ การปลูกผักกาดหอมห่อ แตงกวายาว ซุกินี และฟักทอง ญี่ปุ่น ถั่วลันเตา ผักกาดหอมใบแดง และพริกยักษ์เขียว เหลือ แดง

นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมไม้ผลเมืองหนาว โดยได้รับการ สนับสนุนจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญจากไต้หวันได้แก่ ท้อ แอปเปิ้ล สาลี่ บ๊วย พลับ พลัม และเสาวรส งานหลักที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง ของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนวาง คือการส่งเสริมงานหัตถกรรมพื้นบ้านจากเส้นใยกัญชา เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับชาวเขาในชุมชน

มาเที่ยวที่ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ ขุนวาง มีกิจกรรมน่าทำหลายอย่างด้วยกันครับ อย่างการชมความสวยงามแห่งแปลงไม้ผลเมืองหนาวที่จะพากันออกดอกบานสะพรั่งดูสดใส ไม่ว่าจะเป็นสาลี่ พลัม ท้อ แนคตารีน หรือสตรอว์เบอร์รี่ หรือเดินชมศึกษาแปลงทดลองการเกษตรภายในศูนย์ฯ ที่จะมีเจ้าหน้าที่นำชมตามเส้นทางที่กำหนดโดยมีจุดน่าสนใจต่างๆ ได้แก่ แปลงไม้ผลเมืองหนาว แปลงกาแฟ โรงกะเทาะเปลือกกาแฟ และแปลงทดสอบพันธุ์แมคคาเดเมีย


* khunwang1_15.JPG (272.85 KB, 800x533 - ดู 3799 ครั้ง.)

* khunwang1_16.JPG (547.39 KB, 800x533 - ดู 3813 ครั้ง.)

* khunwang1_4.JPG (550.45 KB, 800x533 - ดู 3643 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 16, 2017, 03:16:35 PM โดย TripChiangmai » บันทึกการเข้า
Dockaturk
Hero Member
*****
กระทู้: 811



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: มกราคม 13, 2017, 02:34:42 PM »


สัมผัสความสวยงามของดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือซากุระดอย ที่พากันออกดอกสีชมพูสว่างไสวเต็มต้น ขับให้ดอยขุนวางกลายเป็นสีชมพูไปทั้งดอย ในช่วงฤดูหนาวโดยเฉพาะกลางเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ โดยจุดชมดอกนางพญาเสือโคร่งภายในสถานีเกษตรที่สูงขุนวางที่น่าสนใจมี 2 จุด คือ มุมด้านหน้าสถานีเกษตรขุนวาง บริเวณแปลงดอกไม้เมืองหนาว และจุดไฮไลต์ อุโมงค์พญาเสือโคร่ง ต้องเข้าไปข้างในโครงการ เลยร้านกาแฟและร้านอาหาร

กิจกรรมการดูนกที่มีหลากหลายสายพันธุ์ เนื่องจากศูนย์แห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตเทือกเขาดอยอินทนนท์ อันเป็นแหล่งดูนกที่สำคัญของเมืองไทย

ส่วนกิจกรรมท่องเที่ยวชมประเพณีและวัฒนธรรมในพื้นที่ จะมีวิถีชีวิตของชาวไทยภูเขาเผ่าม้งและ กระเหรี่ยง ซึ่งเป็นประชาชนหลัก ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ โดยมีงานปีใหม่ของชาวม้ง และงานข้าวใหม่ของชาวกระเหรี่ยงให้ชม

ในบรรดากิจกรรมทั้งหลายแหล่ที่เชิญชวนนักท่องเที่ยว แน่นอนว่าการมาชมดอกนางพญาเสือโคร่ง ยอมรับได้ความสนใจเป็นอันดับ 1 กันครับ


* khunwang1_13.JPG (468.06 KB, 800x533 - ดู 3655 ครั้ง.)

* khunwang1_11.JPG (503.59 KB, 800x533 - ดู 3483 ครั้ง.)

* khunwang1_7.JPG (255.81 KB, 800x533 - ดู 3512 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
Dockaturk
Hero Member
*****
กระทู้: 811



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: มกราคม 13, 2017, 02:36:16 PM »


นางพญาเสือโคร่ง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Prunus cerasoides[3], อังกฤษ: Wild Himalayan Cherry) จัดได้ว่าเป็นพืชดอกในสกุล Prunus ออกดอกช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ พบทั่วไปบนภูเขาตั้งแต่ความสูง 1,200-2,400เมตร จากระดับน้ำทะเล เช่น ภูลมโล จังหวัดเลย, ดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงราย, ดอยเวียงแหง ดอยอ่างขาง ขุนช่างเคี่ยน ขุนแม่ยะ จังหวัดเชียงใหม่, ขุนสถาน ดอยวาว ดอยภูคา มณีพฤกษ์ จังหวัดน่าน, ภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์, ภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก ฯลฯ โดยเป็นดอกไม้ประจำอำเภอเวียงแหง นางพญาเสือโคร่ง เป็นพรรณไม้ที่มีการกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติอยู่ที่ตอนเหนือของประเทศไทย

ในต่างประเทศ มีพบในประเทศพม่า รัฐฉานและรัฐคะฉิ่น, ประเทศอินเดียพบบนเทือกเขาหิมาลัย ในรัฐอรุณาจัลประเทศยาวไปจนถึงรัฐหิมาจัลประเทศทางตอนเหนือของอินเดีย หรือที่เรียกว่า Himalayas, ประเทศภูฏาน, ประเทศเนปาล และประเทศจีนพบในมณฑลยูนนาน

นางพญาเสือโคร่งถูกนิยมเรียกว่า "ซากุระเมืองไทย" เพราะมีลักษณะคล้ายซากุระในประเทศญี่ปุ่น แม้จะเป็นคนละชนิดกันก็ตาม

อนึ่ง คำว่า ซากุระกล่าวถึงพืชที่อยู่ในสกุล Prunus โดยนางพญาเสือโคร่งเป็นหนึ่งในสกุลนั้น โดยมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Prunus cerasoides ขณะที่ในประเทศญี่ปุ่นมีซากุระอยู่หลากหลายพันธุ์ โดยพันธุ์ที่พบมากสุดคือ โซะเมโยะชิโนะ (ญี่ปุ่น: 染井吉野 somei-yoshino ?) ในชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Prunus × yedoensis


* khunwang1_6.JPG (337.76 KB, 800x533 - ดู 3465 ครั้ง.)

* khunwang1_5.JPG (459 KB, 800x533 - ดู 3429 ครั้ง.)

* khunwang1_8.JPG (423.71 KB, 800x533 - ดู 3381 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
Dockaturk
Hero Member
*****
กระทู้: 811



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #5 เมื่อ: มกราคม 13, 2017, 02:37:14 PM »


นางพญาเสือโคร่งแตกต่างจากซากุระญี่ปุ่น คือมีช่วงเวลาการออกดอกต่างกันคือ นางพญาเสือโคร่งออกดอกในเดือนมกราคม -กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาว ส่วนซากุระในญี่ปุ่นออกดอกช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ซึ่งเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่น และมีการสันนิษฐานว่า นางพญาเสือโคร่งและซากุระมีบรรพบุรุษร่วมกันทางตอนใต้ของจีน และวิวัฒนาการออกไปจนมีสายพันธุ์มากมาย มีสีที่หลากหลาย

การจำแนกสายพันธุ์อย่างกว้าง นางพญาเสือโคร่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Wild Himalayan Cherry หมายถึง Prunus ที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียทางตอนใต้ ตั้งแต่ประเทศไทยไปจนถึงเทือกเขาหิมาลัยในประเทศอินเดีย ส่วนซากุระถูกจำแนกเป็น Cherry blossom หมายถึง Prunus ที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียทางตอนเหนือ ตั้งแต่ประเทศจีน, เกาหลี ไปจนถึงประเทศญี่ปุ่นและรัสเซียในเขตไซบีเรีย

นางพญาเสือโคร่งเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ ขนาดเล็ก มีความสูงประมาณ 10-15 เมตร ใบ เป็นชนิดใบเดี่ยว ดอกมีสีขาว ชมพู หรือแดง ออกเป็นช่อกระจุกใกล้ปลายกิ่ง โดยระยะเวลาออกดอกจะทิ้งใบก่อน ส่วนผลของนางพญาเสือโคร่งสามารถนำมารับประทานได้ มีรสเปรี้ยว ส่วนเนื้อไม้และการใช้ประโยชน์ ด้านอื่นยังไม่มีการบันทึกข้อมูลไว้ นอกจากการนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ เนื่องจากมีดอกสวยงาม

นางพญาเสือโคร่ง มีชื่อท้องถิ่นให้เรียกกันหลากหลายมากครับ เช่น ฉวีวรรณ, ชมพูภูพิงค์ (เหนือ) เส่คาแว่, เส่แผ่, แส่ลาแหล (กะเหรี่ยง เชียงใหม่) ซากุระดอย (เชียงใหม่) และได้รับฉายาว่า "ซากุระเมืองไทย" ในประเทศญี่ปุ่นจะเรียกดอกไม้พันธุ์นี้ว่า ヒマラヤザクラ(หิมาลายาซากุระ) หมายถึงซากุระจากหิมาลัย


* khunwang1_9.JPG (509.11 KB, 800x533 - ดู 3371 ครั้ง.)

* khunwang1_10.JPG (357.31 KB, 800x533 - ดู 3442 ครั้ง.)

* khunwang1_12.JPG (537.02 KB, 800x533 - ดู 3344 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
Dockaturk
Hero Member
*****
กระทู้: 811



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #6 เมื่อ: มกราคม 13, 2017, 02:38:05 PM »


การมาชมดอกนางพญาเสือโคร่งนั้นถ้าให้ดี ก่อนมาควรโทรสอบถามกับทางศูนย์ว่าดอกไม้บานช่วงไหนและช่วงเวลาดังกล่าวนั้นมันบานไปเท่าไหร่แล้ว เพราะโดนส่วนใหญ่ หลายคนไปเสียเที่ยวไม่เจอ เพราะไม่ได้โทรเช็ค แถมยังคิดอยู่เสมอมันมันจะออกดอกตลอด แต่พอมาถึง ก็เหลือแค่กิ่งก้านมันให้ดูต่างหน้าพร้อมกับน้ำตาอาบสองแก้ม ว่าฉันมาช่วงนี้กันทำไม

สำหรับใครที่มาเที่ยวแล้วอยากหาที่พัก ศูนย์ฯ มีบ้านพักรับรองนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 4 หลัง แต่ละหลังพักได้ตั้งแต่ 4-8 คน มีลานกางเต็นท์ 2 จุด คือ บริเวณลานหญ้าหน้า อาคารสำนักงาน และบริเวณหุบรับเสด็จ ทั้งสองจุดรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 100 คน นอกจากนี้ยังมีอาหารบริการในราคากันเอง และกาแฟอาราบิกาให้ชิมฟรีตลอดทั้งวัน ก่นอมาก็โทรมาสำรองไว้ จะได้ไม่มาแล้วกินแห้ว อดเข้าพัก


* khunwang1_14.JPG (490.69 KB, 800x533 - ดู 3419 ครั้ง.)

* khunwang1_19.JPG (514.77 KB, 800x533 - ดู 3363 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
Dockaturk
Hero Member
*****
กระทู้: 811



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #7 เมื่อ: มกราคม 13, 2017, 02:38:38 PM »


ใครอยากได้ข้อมูลที่น่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมนอกจากนี้ สามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) หมู่ที่ 10  ตำบลแม่วิน  อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่โทรศัพท์ 0-5311 4133, 0 5311 4136 เวลาเปิดทำการทุกวัน เวลา 08.00 - 16.00 น.

สุดท้ายขอฝากถึงนักท่องเที่ยวทุกคนด้วยนะครับว่า ไปเที่ยวชมดอกนางพญาเสือโคร่ง อย่าลืมจิตสำนึกที่ดีของการปเนนักท่องเที่ยว ไม่ไปเกาะ โหน หรือปีนป่าย เพื่อให้ได้ถ่ายภาพกับดอกนางพญาเสือโคร่ง นอกจากกิ่งไม้จะหัก ดอกมันจะร่วงด้วยแล้ว ความปลอดภัยในชีวิตคือเรื่องสำคัญที่ต้องนึกถึงก่อนอื่น ไม่ใช่แต่มัวไปคิดถึงอย่างอื่น เพื่อให้ได้ภาพสวยๆ อย่างเดียว

แบบนั้นถือว่าเป็นนักท่องเที่ยวที่ไม่เข้าท่าเลย


ปล.ไปมาเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2560 จากสัปดาห์นี้ไปจนถึงสิ้นเดือน ยังจะมีให้ชมกันเรื่อยๆ อย่าลืมโทรไปสอบถามกับทางศูนย์เพื่ออัพเดตอีกทีด้วย


* khunwang1_18.JPG (414.77 KB, 800x533 - ดู 3312 ครั้ง.)

* khunwang1_20.JPG (511.42 KB, 800x533 - ดู 3297 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 13, 2017, 02:47:56 PM โดย ironear7 » บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ขึ้นบน พิมพ์ 
จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2  |  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ  |  แนะนำ โครงการหลวง Royal Project  |  หัวข้อ: เมื่อดอกนางพญาเสือโคร่งบานสะพรั่ง ที่ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) 2560 « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  




Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.5 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.066 วินาที กับ 20 คำสั่ง