ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
มีนาคม 29, 2024, 06:43:26 AM
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: ประกาศ การกระทำใดๆ  เพื่อที่จะให้กระทู้ตัวเองมาอยู่อันดับต้นๆ ประจำ หากพิจารณาแล้วว่า ไม่เกิดประโยชน์กับผู้เข้าชม  ก็รับสิทธิ์โดนแบนเหมือนกันครับ


จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2  |  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ  |  แนะนำ สถานที่ท่องเที่ยว ในตัวเมืองเชียงใหม่  |  หัวข้อ: เดินเที่ยวกลางเวียง : เส้นถนนราชภาคินัย 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: เดินเที่ยวกลางเวียง : เส้นถนนราชภาคินัย  (อ่าน 4444 ครั้ง)
konhuleg
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: สิงหาคม 15, 2015, 02:01:05 PM »


ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาผมใช้เวลาหลายวันด้วยกันครับ ในการเดินเที่ยวถ่ายรูปในเวียงเชียงใหม่ เป็นการเดินเที่ยวแบบค่อยๆ เดินนั้นดูนี้อะไรไปเรื่อยเปื่อย เมื่อยก็หยุดพัก หายเหนื่อยซักพักแล้วค่อยเดินกัน

ผมเลือกใช้เส้นทางบนถนนราชภาคินัยกันครับ โดยเริ่มต้นจากโจ๊กสมเพชร มาสุดปลายทางอีกฝั่งของประตูเชียงใหม่กัน

เริ่มต้นกันที่โจ๊กสมเพชร โจ๊กร้านนี้ขึ้นชื่อเหลือเกินครับ ทั้งในด้านรสชาติ และเวลาเปิดทำการ ซึ่งเวลาเปิดทำการนั้น เปิดกัน 24 ชั่วโมง แข่งกันกับ 7-11 จนบางคนมีถามและสงสัยกันว่า โจ๊กร้านนี้เคยล้างหม้อกันรึเปล่า อันนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องโจ๊กกันไป

ส่วนใหญ่คนที่มากินกันก็จะมีนักท่องเที่ยวนี่แหละ ประมาณร้านนี้เป็นร้านแขกบ้านแขกเมือง เอาไว้ต้อนรับ กับตอนดึกที่ชอบมีพวกคอสุราแวะมากินเพื่อให้หายสร่างเมา แบบผม ก็แวะไปกินบ้างตามโอกาสสมควร

จากนั้นเมื่อเดินเข้ามายังถนนราชภาคินัย ย่านนี้ก็จะมีเกสต์เฮ้ากันเยอะครับ เดินมาเรื่อยๆ ก็จะเจอสถานที่เที่ยวแห่งแรก เป็นวัดเชียงมั่น วัดที่เก่าแก่ที่สุดในตัวเมืองเชียงใหม่ และถือเป็นวัดแห่งแรกในเขตกำแพงเมือง เมื่อขุนเม็งรายมหาราชสร้างเมืองเชียงใหม่ขึ้น เมื่อปี พ.ศ.1839 พระองค์ทรงยกพระตําหนักที่ประทับชื่อ ตําหนักเชียงมั่นถวายเป็นพระอารามใหม่ชื่อว่า วัดเชียงมั่น วัดนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปสําคัญของเชียงใหม่ คือ พระเสตังคมณี หรือพระแก้วขาว ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนชาวเชียงใหม่นอกจากวัดเชียงมั่นจะมีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของ เมืองเชียงใหม่ ในฐานะที่เป็นพระอารามหลวงแห่งแรกในเขตกำแพงเมืองแล้ว เมื่อถึงเทศกาลสลากภัตร หรือ ทานก๋วยสลาก จะมีการทานข้าวสลากที่วัดนี้ก่อนแล้วจึงจะทำที่วัดอื่น ๆ ต่อไป ในสมัยพญามังราย วัดเชียงมั่น ยังเป็นศูนย์กลางการศึกษาและเผยแผ่พระพุทธศาสนาอีกด้วย นอกจากนี้ วัดเชียงมั่นเป็นสถานที่รวบรวมโบราณ วัตถุ จำนวนมาก ซึ่งอาคารเสนาสนะและปูชนียวัตถุของวัดเชียงมั่นประกอบไปด้วย วัดเชียงมั่นมี สถาปัตยกรรม สําคัญ ได้แก่ เจดีย์สี่เหลี่ยมผสมทรงกลม ฐานช่างล้อม พระอุโบสถและหอไตร

บรรยากาศในวัดสำหรับวนธรรมดาแบบนี้ ไม่ค่อยพลุกพล่านกันครับ ซึ่งก็ถือว่าดีไปอีกอย่าง เพราผมไม่ค่อยชอบอะไรที่มันวุ่นวาย ยิ่งมาวัดด้วยแล้ว มันต้องสบายๆ เข้าไว้ทั้งกายใจครับ เพราะถ้ามาวัดแล้วไม่สบายใจ ก็ไม่รู้จะมากันทำแมวน้ำอะไรเนอะ

ส่วนตอนหน้าจะพาเดินเข้าสู่ช่วงกลางเส้นทางของถนนกันครับ ไว้ค่อยติดตามว่าจะมีอะไรต่อไปให้ได้อ่าน




* DSCF0809.JPG (208.09 KB, 800x533 - ดู 655 ครั้ง.)

* DSCF0829.JPG (247.55 KB, 800x533 - ดู 635 ครั้ง.)

* DSCF0830.JPG (203.26 KB, 800x533 - ดู 710 ครั้ง.)

* DSCF0831.JPG (210.98 KB, 800x533 - ดู 628 ครั้ง.)

* DSCF0832.JPG (255.73 KB, 800x533 - ดู 612 ครั้ง.)

* DSCF0835.JPG (282.44 KB, 800x533 - ดู 674 ครั้ง.)

* DSCF0837.JPG (149.06 KB, 800x533 - ดู 596 ครั้ง.)

* DSCF0839.JPG (135.84 KB, 800x533 - ดู 693 ครั้ง.)

* DSCF0842.JPG (63.01 KB, 800x533 - ดู 651 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 12, 2016, 02:35:54 PM โดย TripChiangmai » บันทึกการเข้า
konhuleg
บุคคลทั่วไป


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 12, 2016, 11:45:56 AM »


จากวัดเชียงมั่นเดินมากันเรื่อย ซ้ายมือจะเจอวัดล่ามช้างกันครับ วัดนี้จริงๆ แล้วทางเข้าจะอยู่อีกฝั่งหนึ่ง แต่สำหรับฝั่งนี้จะเป็นด้านหลังวัดกันครับ

เอ่ยถึงวัดล่ามช้าง เมื่อซัก พ.ศ.1835 - 1839 พญามังรายมหาราชกษัตริย์แคว้นล้านนา ได้มาสร้างเมืองเชียงใหม่ ทรงประทับอยู่ ณ เวียงเล็กหรือเวียงเชียงมั่น (วัดเชียงมั่นในปัจจุบัน) เพื่อเตรียมอุปกรณ์การสร้างเมือง ครานั้นพญามังรายได้ทรงเชิญพญาร่วง หรือ ขุนรามคำแหงมหาราช กษัตริย์แคว้นสุโขทัย และ พญางำเมือง กษัตริย์แคว้นพะเยา หรือ ภูกามยาม มาร่วมปรึกษาสร้างเมืองด้วย สร้างเสร็จแล้วได้ขนานนามเมืองว่า "นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่"

ทั้งนี้ ด้านทิศตะวันออกของเวียงเล็ก เป็นป่าไม้มีหนองน้ำใหญ่ ช้างราชพาหนะของกษัตริย์ทั้งสามพระองค์และของข้าราชบริพาร คงเลี้ยงและล่ามไว้บริเวณนี้ เรียกว่า "เวียงเชียงช้าง" ต่อมาได้สร้างวัดขึ้นที่เวียงเชียงช้าง ณ ที่เลี้ยงและล่ามช้างเพื่อให้เป็นอนุสรณ์สถาน ขนานนามว่า "วัดล่ามช้าง" และปั้นรูปช้างถูกล่ามเลี้ยงไว้เป็นสัญลักษณ์ของวัด

วัดนี้มีสิ่งที่น่าสนใจคือ เจดีย์ก่ออิฐเก่าแก่ตั้งอยู่ มีสภาพชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ลักษณะเป็นเจดีย์สัณฐานสี่เหลี่ยมมีซุ้มจระนำประดับอยู่ทั้งสี่ด้าน ส่วนยอดพังหายไปตามกาลเวลา

จากวัดนี้เดินตรงมาเรื่อยๆ ขวามือจะมีร้านหยกฟ้าโภชนาครับ เป็นร้านขายราดหน้าที่ผมให้หลายดาวในเรื่องของรสชาติ รวมทั้งผัดซีอิ๋วก็เด็ดไม่แพ้กัน ใครยังไม่เคยลองแวะมาชิมกันได้ครับ แถมมีน้ำผลไม้สดปั่นเย็นๆ ขาย แบบสดกันจริงๆ ไม่ใช่เอาหัวเชื้อปลอมๆ มาปั่นขายให้ลูกค้าแบบบางร้าน

ถัดจากร้านหยกฟ้าโภชนา ข้างๆ เห็นเขากำลังจะเปิดพิพิธภัณฑ์บ้านเรือนแก้วกันครับ ตรงนี้คาดว่าแต่ก่อนอาจจะเป็นเรือนของเจ้าขุนมูลนาย แล้วมาบริจาคเอาไว้ให้ใช้ในด้านความรู้ และทำเป็นพิพิธภัณฑ์ เร็วๆ นี้คาดว่าคงจะเปิดให้เข้าชมกันได้

ฝั่งตรงข้าม ตรงนี้เรียกกาดบุญอยู่ แหล่งท่องราตรี ยอดฮิตแห่งหนึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตอนกลางคืนจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมาดื่มกันเยอะแยะ ร้านที่มีลูกค้าแน่นๆ หน่อยก็ร้านโซอี้ครับ ที่เหลือก็จะเป็นร้านนั่งดื่มกันทั่วๆ ไป แนวเพลงมีให้เลือกฟังกันไปหลายแบบในแบบของดนตรีสด อย่างขาร็อคก็ต้องมาร้าน pentatonic rock bar ขาเรกเก้ สกา ก็ต้องไปอีกร้านสุดที่อยู่ถัดไป ซึ่งผมก็จำชื่อไม่ได้ ฮ่าๆๆ

ร้านเหล้าในโซนนี้ก็จะปิดกันราวๆ ซัก ตีสองครับ บางทีก็ตีหนึ่ง แล้วแต่อารมณ์ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ กับช่วงที่มากวาดล้าง บางทีนอกจากตำรวจแล้ว ก็เปลี่ยนเป็นทหารมาเลยก็มี ฮ่าๆๆ นี่มากินเหล้า หรือมารบกันครับ

ตอนหน้า ตอนสุดท้าย มาต่อกันให้จบ



* tn_001.jpg (220.46 KB, 800x533 - ดู 512 ครั้ง.)

* tn_002.jpg (228.05 KB, 800x533 - ดู 505 ครั้ง.)

* tn_003.jpg (167.21 KB, 800x533 - ดู 518 ครั้ง.)

* tn_004.jpg (195.9 KB, 800x533 - ดู 499 ครั้ง.)

* tn_005.jpg (251.55 KB, 800x533 - ดู 505 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 12, 2016, 11:46:13 AM โดย art57110 » บันทึกการเข้า
konhuleg
บุคคลทั่วไป


อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 12, 2016, 11:48:12 AM »


เสน่ห์ที่สามารถพบเห็นได้โดยทั่วไปในการเดินเที่ยวบนถนนแห่งนี้ก็คือ มันจะมีกราฟฟิตี้ให้ชมตามกำแพงบ้านคน และผนังทั่วๆ ไปในซอยกันครับ

จะเรียกว่ายังไงดี คือมันเป็นอะไรที่เข้ามาเติมเต็มให้ถนนเส้นดังกล่าวเท่ขึ้น จากถนนที่เต็มไปด้วยวัดวาอาราม ประวัติศาสตร์ของเมืองเชียงใหม่ มันมีกราฟฟิตี้มาให้ดูเป็นของแถม มันตัวบ่งบอกความเป็นยุคสมัยในปัจจุบัน

บางคนอาจจะบอกว่ามันเลอะเทอะทำให้บ้านเมืองดูรกตา แต่ผมว่าอันไหนถ้ามันดีๆ ลายสวยๆ มันก็เท่นะ ยกเว้นเสียแต่ว่าบางอันที่ทำขึ้น มันไม่ใช้การสร้างสรรค์ แต่เป็นการทำลาย ไอ้ประเภทพ่นด่าพ่อล้อแม่ อวดเก่ง

มาถึงเกือบปลายทาง ยังมีวัดให้เที่ยวกันอีกนะครับ อย่างต่อมาก็จะเป็นวัดอุโมงค์มหาเถรจันทร์ เป็นวัดเก่าแก่ที่พระเจ้ากือนา  ธรรมิกราชทรงสร้างขึ้น เพื่อถวายพระมหาเถรจันทร์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในพระไตรปิฎกพำนักจำพรรษาในวัดแห่งนี้  โดยในตำนานใบลานได้จารึกไว้ว่า พระภิกษุรูปหนึ่งชื่อ "พระมหาเถรจันทร์" ซึ่งเป็นพระเถรผู้ใหญ่ในยุคนั้นมีความแตกฉานในทางคดีโลกและคดีธรรม เป็นที่เคารพของคนทั้งหลาย พระเจ้ากือนา กษัตริย์อันดับที่ 7 ของเมืองล้านนาไทย ก็ได้ให้ความเคารพนับถือพระเถรจันทร์องค์นี้อย่างสูง เมื่อพระองค์มีข้อสงสัยพระการใด ก็ทรงให้อำมาตย์ ราชบุรุษนำราชยานไปรับ เพื่อเข้าเฝ้าชี้แจงข้อสงสัย ต่อมาเมื่อ "วัดโพธิ์น้อย" ซึ่งมีพระมหาเถรจันทร์เป็นเจ้าอาวาสอยู่ได้ชำรุดทรุดโทรมลงมาก จึงได้โปรดให้สร้างกุฏิ วิหาร อุโบสถและพระเจดีย์อุโมงค์ ซึ่งก็เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว เมื่อปี พ.ศ.1918 และทรงตั้งชื่อว่า "วัดอุโมงค์มหาเถรจันทร์" บางครั้งพระมหาเถรจันทร์ไปพำนักที่วัดไผ่ 11 กอ เชิงดอยสุเทพเพื่อความสงบ เมื่อพระเจ้ากือนาทรงทราบจึงให้อำมาตย์ราชบุรุษไปสร้างวัดอุโมงค์ไว้อีกที่หนึ่ง ในปี พ.ศ.1921 พระมหาเถรจันทร์จึงได้เป็นเจ้าอาวาสทั้งสองวัด เมื่อท่านอายุได้ 77 ปี มีพรรษาได้ 56 พรรษา ท่านก็ได้มรณะภาพลงที่วัดอุโมงค์แห่งนี้ ในปี พ.ศ.1945

สำหรับวัดแห่งนี้ จำได้ว่าผมเคยมาอ่านเจอเรื่อง วัฏสงสาร 31 ภูมิ ครับ จนกลับไปนอนคิดนั่งคิดต่อหลายวัน จนเกิดอาการกลัวขึ้นทันทีว่า ต่อนี้ไปถ้าไม่อยากตกนรก ตูต้องทำตัวยังไงฟะ เพราะข้อปฏิบัติยุบยับเหลือเกิน จากนั้นผมก็เกิดนึกคำถามในใจขึ้นมาหลายข้อในหัว ถึงทุกวันนี้ก็กระจ่างและเข้าใจกันมาบ้างแล้ว ฮ่าๆๆ

จากวัดอุโมงค์มหาเถรจันทร์ เดินมาอีกหน่อยซ้ายมือเป็นวัดบ้านปิงครับ จากนั้นเมื่อเดินหลุดจากตรงนี้ไปจนสุดถนนราชภาคินัยทะลุไปถึงฝั่งคูเมืองประตูเชียงใหม่ ก็จะเป็นย่านของที่พัก และร้านอาหารสลับกันไป แต่ส่วนใหญ่จะเป็นโรงแรมที่นักท่องเที่ยวต่างชาติชอบมาพักกัน

สุดท้ายการเดินเที่ยวครั้งนี้ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครับ ใครอยากลองเอาไปเดินเที่ยวเล่นตาม ก็เชิญกันได้ตามสะดวกเลยจ้า


* tm_001.jpg (193.56 KB, 800x533 - ดู 510 ครั้ง.)

* tm_002.jpg (187.85 KB, 800x533 - ดู 517 ครั้ง.)

* tm_003.jpg (220.7 KB, 533x800 - ดู 499 ครั้ง.)

* tm_004.jpg (99.98 KB, 800x533 - ดู 494 ครั้ง.)

* tm_005.jpg (131.28 KB, 800x533 - ดู 496 ครั้ง.)

* tm_006.jpg (81.41 KB, 800x533 - ดู 510 ครั้ง.)

* tm_007.jpg (194.8 KB, 800x533 - ดู 507 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
auto
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 5733


**Chiang Mai, I love you**


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: เมษายน 19, 2018, 10:57:52 AM »


บันทึกการเข้า

หน้า: 1 ขึ้นบน พิมพ์ 
จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2  |  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ  |  แนะนำ สถานที่ท่องเที่ยว ในตัวเมืองเชียงใหม่  |  หัวข้อ: เดินเที่ยวกลางเวียง : เส้นถนนราชภาคินัย « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  




Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.5 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.06 วินาที กับ 20 คำสั่ง